นับตัวเลขภาษาอังกฤษ 1-100, 1-1000000 ออกเสียง เขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษ
ตัวเลขภาษาอังกฤษ มี 2 แบบ คือตัวเลขจำนวนนับ และตัวเลขลำดับ
- Cardinal Number หรือ ตัวเลขจำนวนนับ เช่น 1 (one), 2 (two), 3 (three), 4 (four), 5 (five) เป็นต้น
- Ordinal Number หรือ ตัวเลขบอกลำดับ เช่น 1st (first), 2nd (second), 3rd (third), 4th (fourth), 5 (fifth) เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้ตัวเลขจำนวนนับ
I have 2 dogs and 20 rabbits.
ฉันมีสุนัข 2 ตัว และกระต่าย 20 ตัว
She wants to buy 2 ice creams.
เธออยากซื้อไอศครีม 2 อัน
The seller sold 5 books.
คนขายขายหนังสือ 5 เล่ม
ตัวอย่างการใช้ตัวเลขบอกลำดับ
I won the first prize.
ฉันชนะลำดับที่ 1
He is the second in the line.
เขาเป็นลำดับที่ 2 ในแถว
Please tidy up toys from the third shelf.
โปรดเก็บของเล่นในชั้นที่ 3
ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงตัวเลขจำนวนนับ หรือ ตัวเลขแสดงจำนวน เพื่อระบุว่าสิ่งต่างๆมีปริมาณเท่าใด เช่น 1 (one), 2 (two), 3 (three) ฯลฯ สำหรับตัวเลขบอกลำดับให้ดูที่บทความต่อไปนี้แทน อ่านลำดับที่ภาษาอังกฤษ หากอยากทราบว่าตัวเลขแต่ละตัวออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร กดปุ่มออกเสียง เพื่อฟังเสียงการอ่านออกเสียงตัวเลขแต่ละตัวเป็นภาษาอังกฤษได้เลย
นับเลขภาษาอังกฤษ 1-100
ต่อไปนี้เป็นการเขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษ 1-100 ตามลำดับและการอ่านออกเสียงตัวเลขภาษาอังกฤษ
| ตัวเลข | เขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษ | การอ่านออกเสียงตัวเลขภาษาอังกฤษ | ตัวเลขภาษาไทย | 
|---|---|---|---|
| 1 | one | วัน | หนึ่ง | 
| 2 | two | ทวู | สอง | 
| 3 | three | ทรี | สาม | 
| 4 | four | ฟอร์ | สี่ | 
| 5 | five | ไฟว์ | ห้า | 
| 6 | six | ซิกส์ | หก | 
| 7 | seven | เซเว่น | เจ็ด | 
| 8 | eight | เอ็ดท์ | แปด | 
| 9 | nine | ไนน | เก้า | 
| 10 | ten | เท็น | สิบ | 
| 11 | eleven | อีเลฟเว่น | สิบเอ็ด | 
| 12 | twelve | ทะเว็วฟ์ | สิบสอง | 
| 13 | thirteen | เซอร์ทีน | สิบสาม | 
| 14 | fourteen | ฟอร์ทีน | สิบสี่ | 
| 15 | fifteen | ฟิ๊ฟทีน | สิบห้า | 
| 16 | sixteen | ซิกส์ทีน | สิบหก | 
| 17 | seventeen | เซเว่นทีน | สิบเจ็ด | 
| 18 | eighteen | เอ็ดท์ทีน | สิบแปด | 
| 19 | nineteen | ไนนทีน | สิบเก้า | 
| 20 | twenty | ทะเว็นที่ | ยี่สิบ | 
| 21 | twenty-one | ทะเว็นที่ วัน | ยี่สิบเอ็ด | 
| 22 | twenty-two | ทะเว็นที่ ทวู | ยี่สิบสอง | 
| 23 | twenty-three | ทะเว็นที่ ทรี | ยี่สิบสาม | 
| 24 | twenty-four | ทะเว็นที่ ฟอร์ | ยี่สิบสี่ | 
| 25 | twenty-five | ทะเว็นที่ ไฟว์ | ยี่สิบห้า | 
| 26 | twenty-six | ทะเว็นที่ ซิกส์ | ยี่สิบหก | 
| 27 | twenty-seven | ทะเว็นที่ เซเว่น | ยี่สิบเจ็ด | 
| 28 | twenty-eight | ทะเว็นที่ เอ็ดท์ | ยี่สิบแปด | 
| 29 | twenty-nine | ทะเว็นที่ ไนน์ | ยี่สิบเก้า | 
| 30 | thirty | เซอร์ที่ | สามสิบ | 
| 31 | thirty-one | เซอร์ที่ วัน | สามสิบเอ็ด | 
| 32 | thirty-two | เซอร์ที่ ทวู | สามสิบสอง | 
| 33 | thirty-three | เซอร์ที่ ทรี | สามสิบสาม | 
| 34 | thirty-four | เซอร์ที่ ฟอร์ | สามสิบสี่ | 
| 35 | thirty-five | เซอร์ที่ ไฟว์ | สามสิบห้า | 
| 36 | thirty-six | เซอร์ที่ ซิกส์ | สามสิบหก | 
| 37 | thirty-seven | เซอร์ที่ เซเว่น | สามสิบเจ็ด | 
| 38 | thirty-eight | เซอร์ที่ เอ็ดท์ | สามสิบแปด | 
| 39 | thirty-nine | เซอร์ที่ ไนน์ | สามสิบเก้า | 
| 40 | forty | ฟอร์ที่ | สี่สิบ | 
| 41 | forty-one | ฟอร์ที่ วัน | สี่สิบเอ็ด | 
| 42 | forty-two | ฟอร์ที่ ทวู | สี่สิบสอง | 
| 43 | forty-three | ฟอร์ที่ ทรี | สี่สิบสาม | 
| 44 | forty-four | ฟอร์ที่ ฟอร์ | สี่สิบสี่ | 
| 45 | forty-five | ฟอร์ที่ ไฟว์ | สี่สิบห้า | 
| 46 | forty-six | ฟอร์ที่ ซิกส์ | สี่สิบหก | 
| 47 | forty-seven | ฟอร์ที่ เซเว่น | สี่สิบเจ็ด | 
| 48 | forty-eight | ฟอร์ที่ เอ็ดท์ | สี่สิบแปด | 
| 49 | forty-nine | ฟอร์ที่ ไนน์ | สี่สิบเก้า | 
| 50 | fifty | ฟิ๊ฟที่ | ห้าสิบ | 
| 51 | fifty-one | ฟิ๊ฟที่ วัน | ห้าสิบเอ็ด | 
| 52 | fifty-two | ฟิ๊ฟที่ ทวู | ห้าสิบสอง | 
| 53 | fifty-three | ฟิ๊ฟที่ ทรี | ห้าสิบสาม | 
| 54 | fifty-four | ฟิ๊ฟที่ ฟอร์ | ห้าสิบสี่ | 
| 55 | fifty-five | ฟิ๊ฟที่ ไฟว์ | ห้าสิบห้า | 
| 56 | fifty-six | ฟิ๊ฟที่ ซิกส์ | ห้าสิบหก | 
| 57 | fifty-seven | ฟิ๊ฟที่ เซเว่น | ห้าสิบเจ็ด | 
| 58 | fifty- eight | ฟิ๊ฟที่ เอ็ดท์ | ห้าสิบแปด | 
| 59 | fifty-nine | ฟิ๊ฟที่ ไนน์ | ห้าสิบเก้า | 
| 60 | sixty | ซิกส์ที่ | หกสิบ | 
| 61 | sixty-one | ซิกส์ที่ วัน | หกสิบเอ็ด | 
| 62 | sixty-two | ซิกส์ที่ ทวู | หกสิบสอง | 
| 63 | sixty-three | ซิกส์ที่ ทรี | หกสิบสาม | 
| 64 | sixty-four | ซิกส์ที่ ฟอร์ | หกสิบสี่ | 
| 65 | sixty-five | ซิกส์ที่ ไฟว์ | หกสิบห้า | 
| 66 | sixty-six | ซิกส์ที่ ซิกส์ | หกสิบหก | 
| 67 | sixty-seven | ซิกส์ที่ เซเว่น | หกสิบเจ็ด | 
| 68 | sixty-eight | ซิกส์ที่ เอ็ดท์ | หกสิบแปด | 
| 69 | sixty-nine | ซิกส์ที่ ไนน์ | หกสิบเก้า | 
| 70 | seventy | เซเว่นที่ | เจ็ดสิบ | 
| 71 | seventy-one | เซเว่นที่ วัน | เจ็ดสิบเอ็ด | 
| 72 | seventy-two | เซเว่นที่ ทวู | เจ็ดสิบสอง | 
| 73 | seventy-three | เซเว่นที่ ทรี | เจ็ดสิบสาม | 
| 74 | seventy-four | เซเว่นที่ ฟอร์ | เจ็ดสิบสี่ | 
| 75 | seventy-five | เซเว่นที่ ไฟว์ | เจ็ดสิบห้า | 
| 76 | seventy-six | เซเว่นที่ ซิกส์ | เจ็ดสิบหก | 
| 77 | seventy-seven | เซเว่นที่ เซเว่น | เจ็ดสิบเจ็ด | 
| 78 | seventy-eight | เซเว่นที่ เอ็ดท์ | เจ็ดสิบแปด | 
| 79 | seventy-nine | เซเว่นที่ ไนน์ | เจ็ดสิบเก้า | 
| 80 | eighty | เอ็ดท์ที่ | แปดสิบ | 
| 81 | eighty-one | เอ็ดท์ที่ วัน | แปดสิบเอ็ด | 
| 82 | eighty-two | เอ็ดท์ที่ ทวู | แปดสิบสอง | 
| 83 | eighty-three | เอ็ดท์ที่ ทรี | แปดสิบสาม | 
| 84 | eighty-four | เอ็ดท์ที่ ฟอร์ | แปดสิบสี่ | 
| 85 | eighty-five | เอ็ดท์ที่ ไฟว์ | แปดสิบห้า | 
| 86 | eighty-six | เอ็ดท์ที่ ซิกส์ | แปดสิบหก | 
| 87 | eighty-seven | เอ็ดท์ที่ เซเว่น | แปดสิบเจ็ด | 
| 88 | eighty-eight | เอ็ดท์ที่ เอ็ดท์ | แปดสิบแปด | 
| 89 | eighty-nine | เอ็ดท์ที่ ไนน์ | แปดสิบเก้า | 
| 90 | ninety | ไนน์ที่ | เก้าสิบ | 
| 91 | ninety-one | ไนน์ที่ วัน | เก้าสิบเอ็ด | 
| 92 | ninety-two | ไนน์ที่ ทวู | เก้าสิบสอง | 
| 93 | ninety-three | ไนน์ที่ ทรี | เก้าสิบสาม | 
| 94 | ninety-four | ไนน์ที่ ฟอร์ | เก้าสิบสี่ | 
| 95 | ninety-five | ไนน์ที่ ไฟว์ | เก้าสิบห้า | 
| 96 | ninety-six | ไนน์ที่ ซิกส์ | เก้าสิบหก | 
| 97 | ninety-seven | ไนน์ที่ เซเว่น | เก้าสิบเจ็ด | 
| 98 | ninety-eight | ไนน์ที่ เอ็ดท์ | เก้าสิบแปด | 
| 99 | ninety-nine | ไนน์ที่ ไนน์ | เก้าสิบเก้า | 
| 100 | one hundred | วัน ฮันเดร็ด | หนึ่งร้อย | 
เพราะตัวเลขไม่มีจุดสิ้นสุด สามารถนับต่อไปได้เรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนด ดังนั้นการอ่านตัวเลขภาษาอังกฤษจึงมีระบบการอ่าน ที่ช่วยให้เราอ่านตัวเลขจำนวนมากๆ ได้ สำหรับการเรียนวิธีอ่านตัวเลขจำนวนมากๆ เราจำเป็นต้องรู้วิธีการจัดกลุ่มตัวเลขออกเป็นหลักต่างๆ ก่อน ดังนี้
ตัวเลขหลักหน่วย

ตัวเลขหลักหน่วยหรือตัวเลขโดด คือตัวเลขตัวเดียวเดี่ยวๆ นักเรียนควรรู้วิธีอ่านตัวเลข 0-9 ให้ได้ เพราะตัวเลขที่มีค่ามากกว่า 10 ขึ้นไปจะใช้วิธีอ่านโดยยึดกับตัวเลขโดดเป็นหลัก วิธีอ่านตัวเลข 0-9 ในภาษาอังกฤษมีดังนี้
| 0 | zero | ซีโร่ | 
| 1 | one | วัน | 
| 2 | two | ทูว | 
| 3 | three | ทรี | 
| 4 | four | ฟอร์ | 
| 5 | five | ไฟว์ | 
| 6 | six | ซิกส์ | 
| 7 | seven | เซเว่น | 
| 8 | eight | เอ็ดท์ | 
| 9 | nine | ไนน์ | 
ตัวอย่างการอ่านตัวเลข 0-9
ตัวเลขหลักสิบ 10-90

ตัวเลขหลักสิบคือตัวเลข 2 หลัก ตั้งแต่ 10 ไปจนถึง 99 การอ่านตัวเลขหลักสิบจะเป็นการอ่านตัวเลขเต็มสิบก่อน จากนั้นจึงอ่านหลักหน่วยที่ต่อท้ายตัวเลขนั้น การอ่านตัวเลขเต็มสิบอ่านได้ดังนี้
| 10 | ten | เท็น | 
| 20 | twenty | ทะเวนที่ | 
| 30 | thirty | เซอร์ที่ | 
| 40 | fourty | ฟอร์ที่ | 
| 50 | fifty | ฟิ้ฟที่ | 
| 60 | sixty | ซิกส์ที่ | 
| 70 | seventy | เซเว่นที่ | 
| 80 | eighty | เอ็ดท์ที่ | 
| 90 | ninety | ไนน์ที่ | 
จะเห็นได้ว่าเมื่อตัวเลขโดดกลายเป็นเลขหลักสิบ ตั้งแต่ตัวเลข 20 ขึ้นไป จะมีการเติมอักษรลงท้าย -ty (ตี้) ที่ด้านหลังคำอ่านตัวเลขนั้นๆ
เมื่อตัวเลขหลักสิบไม่เต็มสิบ เช่น 22, 56, 99 เป็นต้น เราจะอ่านตัวเลขหลักเต็มสิบก่อน จากนั้นจึงอ่านหลักหน่วย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
| 22 | twenty two | ทะเวนตี้ ทูว | 
| 56 | fifty six | ฟิ้ฟตี้ ซิกส์ | 
| 99 | ninety nine | ไนน์ตี้ ไนน์ | 
การอ่านตัวเลข 11-20
ตัวเลขหลักสิบที่มีการอ่านไม่เป็นไปตามหลักข้างต้นคือตัวเลข 11 ไปจนถึงตัวเลขก่อน 20 ภาษาอังกฤษ ซึ่งก็คือเลข 11-19 วิธีอ่านจะเติมคำว่า -teen ต่อหลังตัวเลขหลักหน่วย ส่วนตัวเลข 11, 12, 13 จะเปลี่ยนรูปไปเลย

วิธีอ่านตัวเลขก่อน 20 เหล่านั้นมีดังนี้
| 11 | eleven | อีเลฟเว่น | 
| 12 | twelve | ทะเว็วฟ์ | 
| 13 | thirteen | เซอร์ทีน | 
| 14 | fourteen | ฟอร์ทีน | 
| 15 | fifteen | ฟิ๊ฟทีน | 
| 16 | sixteen | ซิ๊กทีน | 
| 17 | seventeen | เซเว่นทีน | 
| 18 | eighteen | เอ็ดท์ทีน | 
| 19 | nineteen | ไนน์ทีน | 
| 20 | twenty | ทะเว่นตี้ | 
กฎการใส่ยัติภังค์ตัวเลข
- ยติภังค์ หรือ hyphen คือเครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้ในการเชื่อมคำหรือส่วนของคำ
- เมื่อเขียนคำอ่านตัวเลขประสม ระหว่าง 21 ถึง 99 (ยกเว้น 30, 40, 50, 60, 70, 80 และ 90) ควรใส่ยติภังค์เสมอ
- ตัวเลขที่มากกว่า 99 ไม่จำเป็นต้องใส่ยัติภังค์
ตัวเลขหลักร้อย 100-900
หลักร้อยในภาษาอังกฤษคือคำว่า hundred การอ่านตัวเลขหลักร้อยจะเหมือนการอ่านตัวเลขหลัก 100 ในภาษาไทย เช่น 100 ภาษาไทยอ่านว่า “หนึ่งร้อย” นั่นคือ อ่านเลข 1 ตัวแรกก่อน จากนั้นจึงอ่านหลักของมันคือ หลักร้อย

ส่วนการอ่านตัวเลขหลักร้อยในภาษาอังกฤษก็จะอ่านตัวเลขโดดๆตัวเดียวที่อยู่หน้าก่อน คือ 1 = วัน จากนั้นจึงอ่านหลักของมัน คือ hundred = ฮันเดร็ด กลายเป็น “วัน ฮันเดร็ด” ต่อไปนี้จะเป็นการเขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษ 1-100
| 100 | one hundred | วัน ฮันเดร็ด | หนึ่งร้อย | 
| 200 | two hundred | ทูว ฮันเดร็ด | สองร้อย | 
| 300 | three hundred | ทรี ฮันเดร็ด | สามร้อย | 
| 400 | four hundred | ฟอร์ ฮันเดร็ด | สี่ร้อย | 
| 500 | five hundred | ไฟว์ ฮันเดร็ด | ห้าร้อย | 
| 600 | six hundred | ซิกส์ ฮันเดร็ด | หกร้อย | 
| 700 | seven hundred | เซเว่น ฮันเดร็ด | เจ็ดร้อย | 
| 800 | eight hundred | เอ็ดท์ ฮันเดร็ด | แปดร้อย | 
| 900 | nine hundred | ไนน์ ฮันเดร็ด | เก้าร้อย | 
การอ่านตัวเลขหลักร้อยจะเริ่มอ่านจากตัวเลขหลักเต็มร้อยก่อน จากนั้นหลักสิบ และหลักหน่วยตามลำดับ ตัวอย่างเช่น
| 109 | one hundred nine | วัน ฮันเดร็ด ไนน์ | หนึ่งร้อยเก้า | 
| 412 | four hundred twelve | ฟอร์ ฮันเดร็ด ทะเว็วฟ์ | สี่ร้อยสิบสอง | 
| 752 | seven hundred fifty two | เซเว่น ฮันเดร็ด ฟิ้ฟตี้ ทูว | เจ็ดร้อยห้าสิบสอง | 
ตัวเลขหลักพัน 1,000-9,000
หลักพันในภาษาอังกฤษคือคำว่า thousand การอ่านตัวเลขหลักพันจะเหมือนการอ่านตัวเลขหลักพันในภาษาไทย เช่น 1,000 ภาษาไทยอ่านว่า “หนึ่งพัน” นั่นคือ อ่านเลข 1 ที่อยู่หน้าเครื่องหมายจุลภาคก่อน จากนั้นจึงอ่านหลักของมันคือ หลักพัน

ส่วนการอ่านตัวเลขหลักพันในภาษาอังกฤษก็จะอ่านตัวเลขโดดๆตัวเดียวที่อยู่หน้าเครื่องหมายจุลภาคก่อน คือ 1 = วัน จากนั้นจึงอ่านหลักของมัน คือ thousand = เทาซันด์ กลายเป็น “วัน เทาซันด์”
| 1,000 | one thousand | วัน เทาซันด์ | หนึ่งพัน | 
| 2,000 | two thousand | ทูว เทาซันด์ | สองพัน | 
| 3,000 | three thousand | ทรี เทาซันด์ | สามพัน | 
| 4,000 | four thousand | ฟอร์ เทาซันด์ | สี่พัน | 
| 5,000 | five thousand | ไฟว์ เทาซันด์ | ห้าพัน | 
| 6,000 | six thousand | ซิกส์ เทาซันด์ | หกพัน | 
| 7,000 | seven thousand | เซเว่น เทาซันด์ | เจ็ดพัน | 
| 8,000 | eight thousand | เอ็ดท์ เทาซันด์ | แปดพัน | 
| 9,000 | nine thousand | ไนน์ เทาซันด์ | เก้าพัน | 
ตัวเลขหลักหมื่น 10,000-90,000
การอ่านตัวเลขหลักหมื่นในภาษาอังกฤษจะไม่เหมือนกับการอ่านหลักหมื่นในภาษาไทย เพราะภาษาไทยมีคำแสดงหลักหมื่นคือคำว่า “หมื่น” ในขณะที่ภาษาอังกฤษไม่มีคำแสดงหลักหมื่น
วิธีอ่านหลักหมื่นในภาษาอังกฤษจะใช้การอ่านต่อจากหลักพันไปเลย คือเมื่ออ่านถึง 9,000 nine thousand (ไนน์ เทาซันด์) หรือ “เก้าพัน” แล้ว ในหลักหมื่นให้ใช้หลักสิบผสมหลักพัน และอ่านเป็น สิบพัน, ยี่สิบพัน, สามสิบพัน เป็นต้น
| 10,000 | ten thousand | เท็น เทาซันด์ | หนึ่งหมื่น | 
| 20,000 | twenty thousand | ทะเวนตี้ เทาซันด์ | สองหมื่น | 
| 30,000 | thirty thousand | เซอร์ตี้ เทาซันด์ | สามหมื่น | 
| 40,000 | forty thousand | ฟอร์ตี้ เทาซันด์ | สี่หมื่น | 
| 50,000 | fifty thousand | ฟิ้ฟตี้ เทาซันด์ | ห้าหมื่น | 
| 60,000 | sixty thousand | ซิกส์ตี้ เทาซันด์ | หกหมื่น | 
| 70,000 | seventy thousand | เซเว่นตี้ เทาซันด์ | เจ็ดหมื่น | 
| 80,000 | eighty thousand | เอ็ดท์ตี้ เทาซันด์ | แปดหมื่น | 
| 90,000 | ninety thousand | ไนน์ตี้ เทาซันด์ | เก้าหมื่น | 
ตัวเลขหลักแสน 100,000-900,000
ภาษาอังกฤษไม่มีคำแสดง “หลักแสน” เช่นกัน การอ่านหลักแสนจะคล้ายกับการอ่านหลักพันที่ใช้หลักสิบผสมหลักพัน ส่วนการอ่านหลักแสนจะใช้หลักร้อยผสมกับหลักพัน และอ่านดังนี้ หนึ่งร้อยพัน สองร้อยพัน สามร้อยพัน เป็นต้น
| 100,000 | one hundred thousand | วัน ฮันเดร็ด เทาซันด์ | หนึ่งแสน | 
| 200,000 | two hundred thousand | ทูว ฮันเดร็ด เทาซันด์ | สองแสน | 
| 300,000 | three hundred thousand | ทรี ฮันเดร็ด เทาซันด์ | สามแสน | 
| 400,000 | four hundred thousand | ฟอร์ ฮันเดร็ด เทาซันด์ | สี่แสน | 
| 500,000 | five hundred thousand | ไฟว์ ฮันเดร็ด เทาซันด์ | ห้าแสน | 
| 600,000 | six hundred thousand | ซิกส์ ฮันเดร็ด เทาซันด์ | หกแสน | 
| 700,000 | seven hundred thousand | เซเว่น ฮันเดร็ด เทาซันด์ | เจ็ดแสน | 
| 800,000 | eight hundred thousand | เอ็ดท์ ฮันเดร็ด เทาซันด์ | แปดแสน | 
| 900,000 | nine hundred thousand | ไนน์ ฮันเดร็ด เทาซันด์ | เก้าแสน | 
ตัวเลขหลักล้าน 1,000,000 – 1,000,000,000
หลักล้านในภาษาอังกฤษคือคำว่า million การอ่านตัวเลขหลักล้านจะเหมือนการอ่านตัวเลขหลักล้านในภาษาไทย เช่น 1,000,000 ภาษาไทยอ่านว่า “หนึ่งล้าน” นั่นคือ อ่านเลข 1 ที่อยู่หน้าเครื่องหมายจุลภาคอันหน้าสุดก่อน จากนั้นจึงอ่านหลักของมันคือ หลักล้าน

ส่วนการอ่านตัวเลขหลักล้านในภาษาอังกฤษก็จะอ่านตัวเลขโดดๆตัวเดียวที่อยู่หน้าเครื่องหมายจุลภาคอันหน้าสุดก่อน คือ 1 = วัน จากนั้นจึงอ่านหลักของมัน คือ million = มิลเลี่ยน กลายเป็น “วัน มิลเลี่ยน”
| 1,000,000 | one million | วัน มิลเลี่ยน | หนึ่งล้าน | 
| 2,000,000 | two million | ทูว มิลเลี่ยน | สองล้าน | 
| 3,000,000 | three million | ทรี มิลเลี่ยน | สามล้าน | 
| 4,000,000 | four million | ฟอร์ มิลเลี่ยน | สี่ล้าน | 
| 5,000,000 | five million | ไฟว์ มิลเลี่ยน | ห้าล้าน | 
| 6,000,000 | six million | ซิกส์ มิลเลี่ยน | หกล้าน | 
| 7,000,000 | seven million | เซเว่น มิลเลี่ยน | เจ็ดล้าน | 
| 8,000,000 | eight million | เอ็ดท์ มิลเลี่ยน | แปดล้าน | 
| 9,000,000 | nine million | ไนน์ มิลเลี่ยน | เก้าล้าน | 
| 10,000,000 | ten million | เท็น มิลเลี่ยน | สิบล้าน | 
| 100,000,000 | one hundred million | วัน ฮันเดร็ด มิลเลี่ยน | ร้อยล้าน | 
| 1,000,000,000 | one billion | วัน บิลเลี่ยน | พันล้าน | 
เมื่ออ่านสิบล้าน ร้อยล้าน ในภาษาอังกฤษจะอ่านเหมือนภาษาไทย เช่น สิบ = ten และ ล้าน = million กลายเป็น ten million ส่วนหลักพันล้านจะเปลี่ยนจาก million ที่แปลว่า ล้าน เป็นคำว่า billion ที่แปลว่า พันล้านแทน
ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน 1,000,000,000 เรียกว่า “one billion” ในภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ หรือ British English บางครั้งยังเรียกตัวเลขนี้ว่า “a thousand million” อย่างไรก็ตาม ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษเริ่มใช้คำเดียวกันกับภาษาอังกฤษแบบอเมริกันมากขึ้นในปัจจุบัน
น้องๆ หลายคนเลยที่หาเทคนิคเรียนภาษาอังกฤษ มักจะขอให้ติวเตอร์ภาษาอังกฤษสอนพูดประโยคภาษาอังกฤษยากๆ แต่จริงๆ แล้ว เมื่อเราใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เราจะใช้ตัวเลขบ่อยมากๆ เลย เช่น การชำระเงิน ก็ควรเรียนรู้การพูดชำระเงินภาษาอังกฤษ ซึ่งก็ต้องใช้ความรู้เรื่องการอ่านตัวเลขภาษาอังกฤษ ดังนั้นเมื่อเราทราบแล้วว่าภาษาอังกฤษสำคัญอย่างไรกับชีวิตของเรา เราควรเรียนการอ่านตัวเลขภาษาอังกฤษเป็นสิ่งแรกๆในบทเรียนค่ะ
ดังนั้นการอ่านตัวเลขในภาษาอังกฤษจะเป็นบทเรียนต่อจากการอ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษ และเราจะได้เรียนก่อนบทเรียนTense ในภาษาอังกฤษ เพราะทุกวันเราจำเป็นต้องระบุจำนวนสิ่งต่างๆอยู่ตลอด เรียกได้ว่าตัวเลขอยู่รอบตัวเราเสมอเลย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษจะสามารถระบุจำนวนของสิ่งที่ต้องการสื่อสารได้ค่ะ