สรุป 12 Tense ภาษาอังกฤษ ใช้ยังไง การใช้ ตัวอย่างประโยค

Tense ภาษาอังกฤษ หรือ “กาล” คือ การเปลี่ยนรูปของคำกริยาที่ช่วยให้เราบอกช่วงเวลาของเหตุการณ์ในภาษาอังกฤษได้

Tense ในภาษาอังกฤษมีอะไรบ้าง? ใช้ยังไง?

Tense ในภาษาอังกฤษจะแบ่งเป็น 3 Tense หลัก และแยกย่อยออกเป็น 4 Tense ย่อย ดังต่อไปนี้

Tense ในภาษาอังกฤษสำคัญอย่างไร?

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาตามลำดับเวลา หมายความว่าภาษาอังกฤษต้องใช้ Tense หรือ “กาล” แสดงลำดับการกระทำในเวลาหรือแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำสองอย่างที่แตกต่างกัน หากไม่มี Tense เราจะไม่สามารถอธิบายเป็นภาษาอังกฤษได้ว่าเราต้องการอะไร เมื่อไหร่ หรือสิ่งไหนเกิดขึ้นไปแล้ว หรือสิ่งใดจะเกิดขึ้นในอนาคต

เมื่อเรียน Tense นักเรียนควรเรียนคำช่วยบอกเวลาภาษาอังกฤษด้วย เช่น พรุ่งนี้ เมื่อวานนี้ ขณะนี้ เป็นต้น นอกจากนั้นการเรียนตัวเลขภาษาอังกฤษก็จะเป็นประโยชน์ในการใช้ Tense เช่น เมื่อคุณต้องระบุเวลาของเหตุการณ์ เป็นต้น

ตัวอย่างเช่น

She went to school.
เธอไปโรงเรียนแล้ว

(การกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต)

She will go to school.
เธอจะไปโรงเรียน

(การกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต)

I was eating when the phone rang.
ฉันกำลังกินเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น

(แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสองการกระทำ การกินเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว เหตุการณ์โทรศัพท์ดังขัดจังหวะการกินที่ยังคงดำเนินอยู่)

นอกจากนั้น Tense ในภาษาอังกฤษยังถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์/สถาณการณ์เฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นเมื่อคุณใช้ Tense คุณจึงเข้าใจลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันที

ตัวอย่างเช่น

การกระทำซ้ำเป็นประจำ

I have breakfast everyday.
ฉันทานอาหารเช้าทุกวัน

การกระทำที่เกิดขึ้นในขณะที่พูด

I am having breakfast.
ฉันกำลังทานอาหารเช้าอยู่ในขณะนี้

การดำเนินการในอนาคต

I will have breakfast later.
ฉันจะทานอาหารเช้าในภายหลัง

การกระทำในอดีต

I had a very big breakfast yesterday.
เมื่อวานฉันทานมื้อเช้ามื้อใหม่มาก

Past Tense — อดีตกาล

หมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว โดยสามารถแยกออกเป็น 4 Tense ย่อยๆได้ดังนี้

  1. Past Simple Tense ใช้เพื่อบอกว่าการกระทำใดกระทำหนึ่งเกิดขึ้นและจบลงแล้วโดยไม่บอกรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับลำดับเวลาอย่างละเอียด
  2. Past Continuous Tense ใช้เพื่อบอกว่าการกระทำนั้นเกิดและดำเนินอยู่ระยะหนึ่งก่อนจะจบลง
  3. Past Perfect Tense มักใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เหตุการณ์ในอดีต เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อนและมีเหตุการณ์อื่นเกิดขัดจังหวะขึ้นมาและจบลง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะใช้ Past Perfect Tense เหตุการณ์ที่ขัดจังหวะมักใช้ Past Simple Tense
  4. Past Perfect Continuous Tense ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เหตุการณ์ในอดีตที่ดำเนินการไปพร้อมๆกัน โดยเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นก่อนและดำเนินอยู่ ในขณะที่อีกเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขัดจังหวะขึ้นมาทีหลัง เหตุการณ์ที่ใช้ Past Perfect Continuous Tense จะเป็นเหตุการณ์แรกที่เกิดก่อน

ข้อควรสังเกตุ

ประโยคอดีตกาลจะมีคำแสดงความเป็นอดีตอยู่ โดยคำเหล่านั้นอาจเป็นวันเดือนปีในอดีต หรือคำวิเศษณ์แสดงถึงความเป็นอดีต

ตัวอย่างคำวิเศษณ์บอกความเป็นอดีต

คำวิเศษณ์คำแปล
alreadyแล้ว
yetยัง
previouslyก่อนหน้านี้
formerlyเมื่อก่อน
beforehandล่วงหน้า
earlierก่อนหน้านี้

ตัวอย่างคำวิเศษณ์แสดงเวลารูปอดีต

คำวิเศษณ์คำแปล
yesterdayเมื่อวาน
day before yesterdayวันซืน
last yearปีที่แล้ว, ปีที่ผ่านมา
last monthเดือนที่แล้ว, เดือนที่ผ่านมา
last weekสัปดาห์ที่แล้ว, สัปดาห์ที่ผ่านมา
last hourชั่วโมงที่แล้ว, ชั่วโมงที่ผ่านมา
last nightคืนที่แล้ว
recentlyเมื่อไม่นานมานี้
in the pastในอดีต
agoที่ผ่านมา, ที่แล้ว
long time agoผ่านมานานแล้ว

Present Tense — ปัจจุบันกาล

หมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เราสามารถแยกออกเป็น 4 Tense ย่อยๆได้ดังนี้

  1. Present Simple Tense ใช้เพื่อบอกว่าการกระทำใดกระทำหนึ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันโดยไม่บอกรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับลำดับเวลาอย่างละเอียด ดังนั้นเหตุการณ์นี้อาจกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ หรือเกิดขึ้นทุกวันเป็นประจำก็ได้
  2. Present Continuous Tense ใช้เพื่อบอกว่าการกระทำนั้นเกิดและดำเนินอยู่ในขณะที่พูดอยู่นี้
  3. Present Perfect Tense มักใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เหตุการณ์ เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อนและมีเหตุการณ์อื่นเกิดขัดจังหวะขึ้นมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะใช้ Present Perfect Tense เหตุการณ์ที่ขัดจังหวะมักใช้ Present Simple Tense
  4. Perfect Continuous Tense ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เหตุการณ์ที่ดำเนินการไปพร้อมๆกัน โดยเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นก่อนและดำเนินอยู่ ในขณะที่อีกเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขัดจังหวะขึ้นมาทีหลัง เหตุการณ์ที่ใช้ Past Perfect Continuous Tense จะเป็นเหตุการณ์แรกที่เกิดก่อน

ประโยคปัจจุบันกาลจึงมักจะมีกริยาวิเศษณ์ที่บอกความถี่อยู่ในประโยคด้วย

ตัวอย่างคำกริยาวิเศษณ์

  • always = เสมอ
  • usually = ปกติแล้ว, อย่างปกติ
  • generally = ทั่วไปแล้ว, ปกติแล้ว
  • sometimes = บางครั้ง
  • seldom = ไม่ค่อย
  • never = ไม่เคย

หรืออาจะประกอบด้วยกลุ่มคำที่ใช้บอกความถี่ ตัวอย่างเช่น

  • twice a month = เดือนละ 2 ครั้ง
  • every week = ทุกสัปดาห์
  • in the morning = ในช่วงเช้า

Future Tense — อนาคตกาล

หมายถึงเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เราสามารถแยกออกเป็น 4 Tense ย่อยๆได้ดังนี้

  1. Future Simple Tense ใช้เพื่อบอกว่าการกระทำใดกระทำหนึ่งน่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่บอกรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับลำดับเวลาอย่างละเอียด
  2. Future Continuous Tense ใช้เพื่อบอกว่าการกระทำใดน่าจะเกิดขึ้นและดำเนินไปสักพักในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต
  3. Future Perfect Tense มักใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้นก่อน และจะมีอีกเหตุการณ์เกิดขัดจังหวะขึ้นมา เหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นก่อนจะใช้ Future Perfect Tense เหตุการณ์ที่ขัดจังหวะมักใช้ Future Simple Tense
  4. Future Continuous Tense ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เหตุการณ์ที่ดำเนินการไปพร้อมๆกันในอนาคต โดยเหตุการณ์แรกจะเกิดขึ้นก่อนและดำเนินอยู่ ในขณะที่อีกเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขัดจังหวะขึ้นมาทีหลัง เหตุการณ์ที่ใช้ Future Perfect Continuous Tense จะเป็นเหตุการณ์แรกที่เกิดก่อน

ประโยคแบบ Future Simple Tense มักมีคำวิเศษณ์บอกเวลาที่เป็นอนาคตปรากฎอยู่ในประโยคเสมอ ยกตัวอย่างเช่น

  • tomorrow = พรุ่งนี้
  • next Monday (Tuesday, Wednesday,…) = วันจันทร์ (อังคาร, พุธ…) หน้านี้
  • soon = เร็วๆ นี้
  • in a while = อีกแป๊ปนึง, อีกประเดี๋ยวหนึ่ง, ประเดี๋ยวเดียว
  • tonight = คืนนี้
  • in three days’ time = อีก 3 วัน
  • shortly = เร็วๆ นี้

แม้ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นเรียนพื้นฐานภาษาอังกฤษเท่านั้น คุณก็จำเป็นต้องเริ่มเรียน Tense โดยอาจจะเริ่มเรียน Tense ที่ใกล้เคียงกับกาลในภาษาไทยก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ปัจจุบันการเรียนภาษาอังกฤษง่ายและสะดวกขึ้นมาก เพราะมีตำราภาษาอังกฤษมากมายให้คุณได้ฝึกไวยากรณ์ และยังมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้คุณได้เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย

อัพเดทล่าสุด: