นับตัวเลขภาษาอังกฤษ 1-100, 1-1000000 ออกเสียง เขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษ

ตัวเลขภาษาอังกฤษ มี 2 แบบ คือตัวเลขจำนวนนับ และตัวเลขลำดับ

  • Cardinal Number หรือ ตัวเลขจำนวนนับ เช่น 1 (one), 2 (two), 3 (three), 4 (four), 5 (five) เป็นต้น
  • Ordinal Number หรือ ตัวเลขบอกลำดับ เช่น 1st (first), 2nd (second), 3rd (third), 4th (fourth), 5 (fifth) เป็นต้น

ตัวอย่างการใช้ตัวเลขจำนวนนับ

I have 2 dogs and 20 rabbits.
ฉันมีสุนัข 2 ตัว และกระต่าย 20 ตัว

She wants to buy 2 ice creams.
เธออยากซื้อไอศครีม 2 อัน

The seller sold 5 books.
คนขายขายหนังสือ 5 เล่ม

ตัวอย่างการใช้ตัวเลขบอกลำดับ

I won the first prize.
ฉันชนะลำดับที่ 1

He is the second in the line.
เขาเป็นลำดับที่ 2 ในแถว

Please tidy up toys from the third shelf.
โปรดเก็บของเล่นในชั้นที่ 3

ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงตัวเลขจำนวนนับ หรือ ตัวเลขแสดงจำนวน เพื่อระบุว่าสิ่งต่างๆมีปริมาณเท่าใด เช่น 1 (one), 2 (two), 3 (three) ฯลฯ สำหรับตัวเลขบอกลำดับให้ดูที่บทความต่อไปนี้แทน อ่านลำดับที่ภาษาอังกฤษ หากอยากทราบว่าตัวเลขแต่ละตัวออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร กดปุ่มออกเสียง เพื่อฟังเสียงการอ่านออกเสียงตัวเลขแต่ละตัวเป็นภาษาอังกฤษได้เลย

นับเลขภาษาอังกฤษ 1-100

ต่อไปนี้เป็นการเขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษ 1-100 ตามลำดับและการอ่านออกเสียงตัวเลขภาษาอังกฤษ

ตัวเลขเขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษการอ่านออกเสียงตัวเลขภาษาอังกฤษตัวเลขภาษาไทย
1oneวันหนึ่ง
2twoทวูสอง
3threeทรีสาม
4fourฟอร์สี่
5fiveไฟว์ห้า
6sixซิกส์หก
7sevenเซเว่นเจ็ด
8eightเอ็ดท์แปด
9nineไนนเก้า
10tenเท็นสิบ
11elevenอีเลฟเว่นสิบเอ็ด
12twelveทะเว็วฟ์สิบสอง
13thirteenเซอร์ทีนสิบสาม
14fourteenฟอร์ทีนสิบสี่
15fifteenฟิ๊ฟทีนสิบห้า
16sixteenซิกส์ทีนสิบหก
17seventeenเซเว่นทีนสิบเจ็ด
18eighteenเอ็ดท์ทีนสิบแปด
19nineteenไนนทีนสิบเก้า
20twentyทะเว็นที่ยี่สิบ
21twenty-oneทะเว็นที่ วันยี่สิบเอ็ด
22twenty-twoทะเว็นที่ ทวูยี่สิบสอง
23twenty-threeทะเว็นที่ ทรียี่สิบสาม
24twenty-fourทะเว็นที่ ฟอร์ยี่สิบสี่
25twenty-fiveทะเว็นที่ ไฟว์ยี่สิบห้า
26twenty-sixทะเว็นที่ ซิกส์ยี่สิบหก
27twenty-sevenทะเว็นที่ เซเว่นยี่สิบเจ็ด
28twenty-eightทะเว็นที่ เอ็ดท์ยี่สิบแปด
29twenty-nineทะเว็นที่ ไนน์ยี่สิบเก้า
30thirtyเซอร์ที่สามสิบ
31thirty-oneเซอร์ที่ วันสามสิบเอ็ด
32thirty-twoเซอร์ที่ ทวูสามสิบสอง
33thirty-threeเซอร์ที่ ทรีสามสิบสาม
34thirty-fourเซอร์ที่ ฟอร์สามสิบสี่
35thirty-fiveเซอร์ที่ ไฟว์สามสิบห้า
36thirty-sixเซอร์ที่ ซิกส์สามสิบหก
37thirty-sevenเซอร์ที่ เซเว่นสามสิบเจ็ด
38thirty-eightเซอร์ที่ เอ็ดท์สามสิบแปด
39thirty-nineเซอร์ที่ ไนน์สามสิบเก้า
40fortyฟอร์ที่สี่สิบ
41forty-oneฟอร์ที่ วันสี่สิบเอ็ด
42forty-twoฟอร์ที่ ทวูสี่สิบสอง
43forty-threeฟอร์ที่ ทรีสี่สิบสาม
44forty-fourฟอร์ที่ ฟอร์สี่สิบสี่
45forty-fiveฟอร์ที่ ไฟว์สี่สิบห้า
46forty-sixฟอร์ที่ ซิกส์สี่สิบหก
47forty-sevenฟอร์ที่ เซเว่นสี่สิบเจ็ด
48forty-eightฟอร์ที่ เอ็ดท์สี่สิบแปด
49forty-nineฟอร์ที่ ไนน์สี่สิบเก้า
50fiftyฟิ๊ฟที่ห้าสิบ
51fifty-oneฟิ๊ฟที่ วันห้าสิบเอ็ด
52fifty-twoฟิ๊ฟที่ ทวูห้าสิบสอง
53fifty-threeฟิ๊ฟที่ ทรีห้าสิบสาม
54fifty-fourฟิ๊ฟที่ ฟอร์ห้าสิบสี่
55fifty-fiveฟิ๊ฟที่ ไฟว์ห้าสิบห้า
56fifty-sixฟิ๊ฟที่ ซิกส์ห้าสิบหก
57fifty-sevenฟิ๊ฟที่ เซเว่นห้าสิบเจ็ด
58fifty- eightฟิ๊ฟที่ เอ็ดท์ห้าสิบแปด
59fifty-nineฟิ๊ฟที่ ไนน์ห้าสิบเก้า
60sixtyซิกส์ที่หกสิบ
61sixty-oneซิกส์ที่ วันหกสิบเอ็ด
62sixty-twoซิกส์ที่ ทวูหกสิบสอง
63sixty-threeซิกส์ที่ ทรีหกสิบสาม
64sixty-fourซิกส์ที่ ฟอร์หกสิบสี่
65sixty-fiveซิกส์ที่ ไฟว์หกสิบห้า
66sixty-sixซิกส์ที่ ซิกส์หกสิบหก
67sixty-sevenซิกส์ที่ เซเว่นหกสิบเจ็ด
68sixty-eightซิกส์ที่ เอ็ดท์หกสิบแปด
69sixty-nineซิกส์ที่ ไนน์หกสิบเก้า
70seventyเซเว่นที่เจ็ดสิบ
71seventy-oneเซเว่นที่ วันเจ็ดสิบเอ็ด
72seventy-twoเซเว่นที่ ทวูเจ็ดสิบสอง
73seventy-threeเซเว่นที่ ทรีเจ็ดสิบสาม
74seventy-fourเซเว่นที่ ฟอร์เจ็ดสิบสี่
75seventy-fiveเซเว่นที่ ไฟว์เจ็ดสิบห้า
76seventy-sixเซเว่นที่ ซิกส์เจ็ดสิบหก
77seventy-sevenเซเว่นที่ เซเว่นเจ็ดสิบเจ็ด
78seventy-eightเซเว่นที่ เอ็ดท์เจ็ดสิบแปด
79seventy-nineเซเว่นที่ ไนน์เจ็ดสิบเก้า
80eightyเอ็ดท์ที่แปดสิบ
81eighty-oneเอ็ดท์ที่ วันแปดสิบเอ็ด
82eighty-twoเอ็ดท์ที่ ทวูแปดสิบสอง
83eighty-threeเอ็ดท์ที่ ทรีแปดสิบสาม
84eighty-fourเอ็ดท์ที่ ฟอร์แปดสิบสี่
85eighty-fiveเอ็ดท์ที่ ไฟว์แปดสิบห้า
86eighty-sixเอ็ดท์ที่ ซิกส์แปดสิบหก
87eighty-sevenเอ็ดท์ที่ เซเว่นแปดสิบเจ็ด
88eighty-eightเอ็ดท์ที่ เอ็ดท์แปดสิบแปด
89eighty-nineเอ็ดท์ที่ ไนน์แปดสิบเก้า
90ninetyไนน์ที่เก้าสิบ
91ninety-oneไนน์ที่ วันเก้าสิบเอ็ด
92ninety-twoไนน์ที่ ทวูเก้าสิบสอง
93ninety-threeไนน์ที่ ทรีเก้าสิบสาม
94ninety-fourไนน์ที่ ฟอร์เก้าสิบสี่
95ninety-fiveไนน์ที่ ไฟว์เก้าสิบห้า
96ninety-sixไนน์ที่ ซิกส์เก้าสิบหก
97ninety-sevenไนน์ที่ เซเว่นเก้าสิบเจ็ด
98ninety-eightไนน์ที่ เอ็ดท์เก้าสิบแปด
99ninety-nineไนน์ที่ ไนน์เก้าสิบเก้า
100one hundredวัน ฮันเดร็ดหนึ่งร้อย

เพราะตัวเลขไม่มีจุดสิ้นสุด สามารถนับต่อไปได้เรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนด ดังนั้นการอ่านตัวเลขภาษาอังกฤษจึงมีระบบการอ่าน ที่ช่วยให้เราอ่านตัวเลขจำนวนมากๆ ได้ สำหรับการเรียนวิธีอ่านตัวเลขจำนวนมากๆ เราจำเป็นต้องรู้วิธีการจัดกลุ่มตัวเลขออกเป็นหลักต่างๆ ก่อน ดังนี้

ตัวเลขหลักหน่วย

ตัวเลขหลักหน่วยหรือตัวเลขโดด คือตัวเลขตัวเดียวเดี่ยวๆ นักเรียนควรรู้วิธีอ่านตัวเลข 0-9 ให้ได้ เพราะตัวเลขที่มีค่ามากกว่า 10 ขึ้นไปจะใช้วิธีอ่านโดยยึดกับตัวเลขโดดเป็นหลัก วิธีอ่านตัวเลข 0-9 ในภาษาอังกฤษมีดังนี้

0zeroซีโร่
1oneวัน
2twoทูว
3threeทรี
4fourฟอร์
5fiveไฟว์
6sixซิกส์
7sevenเซเว่น
8eightเอ็ดท์
9nineไนน์

ตัวอย่างการอ่านตัวเลข 0-9

ตัวเลขหลักสิบ 10-90

ตัวเลขหลักสิบคือตัวเลข 2 หลัก ตั้งแต่ 10 ไปจนถึง 99 การอ่านตัวเลขหลักสิบจะเป็นการอ่านตัวเลขเต็มสิบก่อน จากนั้นจึงอ่านหลักหน่วยที่ต่อท้ายตัวเลขนั้น การอ่านตัวเลขเต็มสิบอ่านได้ดังนี้

10tenเท็น
20twentyทะเวนที่
30thirtyเซอร์ที่
40fourtyฟอร์ที่
50fiftyฟิ้ฟที่
60sixtyซิกส์ที่
70seventyเซเว่นที่
80eightyเอ็ดท์ที่
90ninetyไนน์ที่

จะเห็นได้ว่าเมื่อตัวเลขโดดกลายเป็นเลขหลักสิบ ตั้งแต่ตัวเลข 20 ขึ้นไป จะมีการเติมอักษรลงท้าย -ty (ตี้) ที่ด้านหลังคำอ่านตัวเลขนั้นๆ

เมื่อตัวเลขหลักสิบไม่เต็มสิบ เช่น 22, 56, 99 เป็นต้น เราจะอ่านตัวเลขหลักเต็มสิบก่อน จากนั้นจึงอ่านหลักหน่วย ดังตัวอย่างต่อไปนี้

22twenty twoทะเวนตี้ ทูว
56fifty sixฟิ้ฟตี้ ซิกส์
99ninety nineไนน์ตี้ ไนน์

การอ่านตัวเลข 11-20

ตัวเลขหลักสิบที่มีการอ่านไม่เป็นไปตามหลักข้างต้นคือตัวเลข 11 ไปจนถึงตัวเลขก่อน 20 ภาษาอังกฤษ ซึ่งก็คือเลข 11-19 วิธีอ่านจะเติมคำว่า -teen ต่อหลังตัวเลขหลักหน่วย ส่วนตัวเลข 11, 12, 13 จะเปลี่ยนรูปไปเลย

วิธีอ่านตัวเลขก่อน 20 เหล่านั้นมีดังนี้

11elevenอีเลฟเว่น
12twelveทะเว็วฟ์
13thirteenเซอร์ทีน
14fourteenฟอร์ทีน
15fifteenฟิ๊ฟทีน
16sixteenซิ๊กทีน
17seventeenเซเว่นทีน
18eighteenเอ็ดท์ทีน
19nineteenไนน์ทีน
20twentyทะเว่นตี้

กฎการใส่ยัติภังค์ตัวเลข

  • ยติภังค์ หรือ hyphen คือเครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้ในการเชื่อมคำหรือส่วนของคำ
  • เมื่อเขียนคำอ่านตัวเลขประสม ระหว่าง 21 ถึง 99 (ยกเว้น 30, 40, 50, 60, 70, 80 และ 90) ควรใส่ยติภังค์เสมอ
  • ตัวเลขที่มากกว่า 99 ไม่จำเป็นต้องใส่ยัติภังค์

ตัวเลขหลักร้อย 100-900

หลักร้อยในภาษาอังกฤษคือคำว่า hundred การอ่านตัวเลขหลักร้อยจะเหมือนการอ่านตัวเลขหลัก 100 ในภาษาไทย เช่น 100 ภาษาไทยอ่านว่า “หนึ่งร้อย” นั่นคือ อ่านเลข 1 ตัวแรกก่อน จากนั้นจึงอ่านหลักของมันคือ หลักร้อย

ส่วนการอ่านตัวเลขหลักร้อยในภาษาอังกฤษก็จะอ่านตัวเลขโดดๆตัวเดียวที่อยู่หน้าก่อน คือ 1 = วัน จากนั้นจึงอ่านหลักของมัน คือ hundred = ฮันเดร็ด กลายเป็น “วัน ฮันเดร็ด” ต่อไปนี้จะเป็นการเขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษ 1-100

100one hundredวัน ฮันเดร็ดหนึ่งร้อย
200two hundredทูว ฮันเดร็ดสองร้อย
300three hundredทรี ฮันเดร็ดสามร้อย
400four hundredฟอร์ ฮันเดร็ดสี่ร้อย
500five hundredไฟว์ ฮันเดร็ดห้าร้อย
600six hundredซิกส์ ฮันเดร็ดหกร้อย
700seven hundredเซเว่น ฮันเดร็ดเจ็ดร้อย
800eight hundredเอ็ดท์ ฮันเดร็ดแปดร้อย
900nine hundredไนน์ ฮันเดร็ดเก้าร้อย

การอ่านตัวเลขหลักร้อยจะเริ่มอ่านจากตัวเลขหลักเต็มร้อยก่อน จากนั้นหลักสิบ และหลักหน่วยตามลำดับ ตัวอย่างเช่น

109one hundred nineวัน ฮันเดร็ด ไนน์หนึ่งร้อยเก้า
412four hundred twelveฟอร์ ฮันเดร็ด ทะเว็วฟ์สี่ร้อยสิบสอง
752seven hundred fifty twoเซเว่น ฮันเดร็ด ฟิ้ฟตี้ ทูวเจ็ดร้อยห้าสิบสอง

ตัวเลขหลักพัน 1,000-9,000

หลักพันในภาษาอังกฤษคือคำว่า thousand การอ่านตัวเลขหลักพันจะเหมือนการอ่านตัวเลขหลักพันในภาษาไทย เช่น 1,000 ภาษาไทยอ่านว่า “หนึ่งพัน” นั่นคือ อ่านเลข 1 ที่อยู่หน้าเครื่องหมายจุลภาคก่อน จากนั้นจึงอ่านหลักของมันคือ หลักพัน

ส่วนการอ่านตัวเลขหลักพันในภาษาอังกฤษก็จะอ่านตัวเลขโดดๆตัวเดียวที่อยู่หน้าเครื่องหมายจุลภาคก่อน คือ 1 = วัน จากนั้นจึงอ่านหลักของมัน คือ thousand = เทาซันด์ กลายเป็น “วัน เทาซันด์”

1,000one thousandวัน เทาซันด์หนึ่งพัน
2,000two thousandทูว เทาซันด์สองพัน
3,000three thousandทรี เทาซันด์สามพัน
4,000four thousandฟอร์ เทาซันด์สี่พัน
5,000five thousandไฟว์ เทาซันด์ห้าพัน
6,000six thousandซิกส์ เทาซันด์หกพัน
7,000seven thousandเซเว่น เทาซันด์เจ็ดพัน
8,000eight thousandเอ็ดท์ เทาซันด์แปดพัน
9,000nine thousandไนน์ เทาซันด์เก้าพัน

ตัวเลขหลักหมื่น 10,000-90,000

การอ่านตัวเลขหลักหมื่นในภาษาอังกฤษจะไม่เหมือนกับการอ่านหลักหมื่นในภาษาไทย เพราะภาษาไทยมีคำแสดงหลักหมื่นคือคำว่า “หมื่น” ในขณะที่ภาษาอังกฤษไม่มีคำแสดงหลักหมื่น

วิธีอ่านหลักหมื่นในภาษาอังกฤษจะใช้การอ่านต่อจากหลักพันไปเลย คือเมื่ออ่านถึง 9,000 nine thousand (ไนน์ เทาซันด์) หรือ “เก้าพัน” แล้ว ในหลักหมื่นให้ใช้หลักสิบผสมหลักพัน และอ่านเป็น สิบพัน, ยี่สิบพัน, สามสิบพัน เป็นต้น

10,000ten thousandเท็น เทาซันด์หนึ่งหมื่น
20,000twenty thousandทะเวนตี้ เทาซันด์สองหมื่น
30,000thirty thousandเซอร์ตี้ เทาซันด์สามหมื่น
40,000forty thousandฟอร์ตี้ เทาซันด์สี่หมื่น
50,000fifty thousandฟิ้ฟตี้ เทาซันด์ห้าหมื่น
60,000sixty thousandซิกส์ตี้ เทาซันด์หกหมื่น
70,000seventy thousandเซเว่นตี้ เทาซันด์เจ็ดหมื่น
80,000eighty thousandเอ็ดท์ตี้ เทาซันด์แปดหมื่น
90,000ninety thousandไนน์ตี้ เทาซันด์เก้าหมื่น

ตัวเลขหลักแสน 100,000-900,000

ภาษาอังกฤษไม่มีคำแสดง “หลักแสน” เช่นกัน การอ่านหลักแสนจะคล้ายกับการอ่านหลักพันที่ใช้หลักสิบผสมหลักพัน ส่วนการอ่านหลักแสนจะใช้หลักร้อยผสมกับหลักพัน และอ่านดังนี้ หนึ่งร้อยพัน สองร้อยพัน สามร้อยพัน เป็นต้น

100,000one hundred thousandวัน ฮันเดร็ด เทาซันด์หนึ่งแสน
200,000two hundred thousandทูว ฮันเดร็ด เทาซันด์สองแสน
300,000three hundred thousandทรี ฮันเดร็ด เทาซันด์สามแสน
400,000four hundred thousandฟอร์ ฮันเดร็ด เทาซันด์สี่แสน
500,000five hundred thousandไฟว์ ฮันเดร็ด เทาซันด์ห้าแสน
600,000six hundred thousandซิกส์ ฮันเดร็ด เทาซันด์หกแสน
700,000seven hundred thousandเซเว่น ฮันเดร็ด เทาซันด์เจ็ดแสน
800,000eight hundred thousandเอ็ดท์ ฮันเดร็ด เทาซันด์แปดแสน
900,000nine hundred thousandไนน์ ฮันเดร็ด เทาซันด์เก้าแสน

ตัวเลขหลักล้าน 1,000,000 – 1,000,000,000

หลักล้านในภาษาอังกฤษคือคำว่า million การอ่านตัวเลขหลักล้านจะเหมือนการอ่านตัวเลขหลักล้านในภาษาไทย เช่น 1,000,000 ภาษาไทยอ่านว่า “หนึ่งล้าน” นั่นคือ อ่านเลข 1 ที่อยู่หน้าเครื่องหมายจุลภาคอันหน้าสุดก่อน จากนั้นจึงอ่านหลักของมันคือ หลักล้าน

ส่วนการอ่านตัวเลขหลักล้านในภาษาอังกฤษก็จะอ่านตัวเลขโดดๆตัวเดียวที่อยู่หน้าเครื่องหมายจุลภาคอันหน้าสุดก่อน คือ 1 = วัน จากนั้นจึงอ่านหลักของมัน คือ million = มิลเลี่ยน กลายเป็น “วัน มิลเลี่ยน”

1,000,000one millionวัน มิลเลี่ยนหนึ่งล้าน
2,000,000two millionทูว มิลเลี่ยนสองล้าน
3,000,000three millionทรี มิลเลี่ยนสามล้าน
4,000,000four millionฟอร์ มิลเลี่ยนสี่ล้าน
5,000,000five millionไฟว์ มิลเลี่ยนห้าล้าน
6,000,000six millionซิกส์ มิลเลี่ยนหกล้าน
7,000,000seven millionเซเว่น มิลเลี่ยนเจ็ดล้าน
8,000,000eight millionเอ็ดท์ มิลเลี่ยนแปดล้าน
9,000,000nine millionไนน์ มิลเลี่ยนเก้าล้าน
10,000,000ten millionเท็น มิลเลี่ยนสิบล้าน
100,000,000one hundred millionวัน ฮันเดร็ด มิลเลี่ยนร้อยล้าน
1,000,000,000one billionวัน บิลเลี่ยนพันล้าน

เมื่ออ่านสิบล้าน ร้อยล้าน ในภาษาอังกฤษจะอ่านเหมือนภาษาไทย เช่น สิบ = ten และ ล้าน = million กลายเป็น ten million ส่วนหลักพันล้านจะเปลี่ยนจาก million ที่แปลว่า ล้าน เป็นคำว่า billion ที่แปลว่า พันล้านแทน

ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน 1,000,000,000 เรียกว่า “one billion” ในภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ หรือ British English บางครั้งยังเรียกตัวเลขนี้ว่า “a thousand million” อย่างไรก็ตาม ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษเริ่มใช้คำเดียวกันกับภาษาอังกฤษแบบอเมริกันมากขึ้นในปัจจุบัน

น้องๆ หลายคนเลยที่หาเทคนิคเรียนภาษาอังกฤษ มักจะขอให้ติวเตอร์ภาษาอังกฤษสอนพูดประโยคภาษาอังกฤษยากๆ แต่จริงๆ แล้ว เมื่อเราใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เราจะใช้ตัวเลขบ่อยมากๆ เลย เช่น การชำระเงิน ก็ควรเรียนรู้การพูดชำระเงินภาษาอังกฤษ ซึ่งก็ต้องใช้ความรู้เรื่องการอ่านตัวเลขภาษาอังกฤษ ดังนั้นเมื่อเราทราบแล้วว่าภาษาอังกฤษสำคัญอย่างไรกับชีวิตของเรา เราควรเรียนการอ่านตัวเลขภาษาอังกฤษเป็นสิ่งแรกๆในบทเรียนค่ะ

ดังนั้นการอ่านตัวเลขในภาษาอังกฤษจะเป็นบทเรียนต่อจากการอ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษ และเราจะได้เรียนก่อนบทเรียนTense ในภาษาอังกฤษ เพราะทุกวันเราจำเป็นต้องระบุจำนวนสิ่งต่างๆอยู่ตลอด เรียกได้ว่าตัวเลขอยู่รอบตัวเราเสมอเลย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษจะสามารถระบุจำนวนของสิ่งที่ต้องการสื่อสารได้ค่ะ

คำถามทดสอบการใช้ตัวเลขและการนับเลขภาษาอังกฤษ

อัพเดทล่าสุด: