Preposition คำบุพบทภาษาอังกฤษ in, on, at และหลักการใช้คำอื่นๆ

คำบุพบท (preposition) คืออะไร?

คำบุพบท คือ คำที่ทำหน้าที่เชื่อมคำนาม, คำสรรพนามหรือวลีเข้ากับคำอื่นๆ ในประโยค เป็นคำที่เชื่อมโยงคน, วัตถุ, เวลาและสถานที่ในประโยคเข้าด้วยกัน คำบุพบทมักเป็นคำสั้นๆ และโดยปกติจะวางอยู่หน้าคำนาม แต่ในบางกรณีอาจจะพบคำบุพบทวางอยู่หน้าคำกริยาเติม -ing (gerund verb) ได้เช่นกัน

ในบทเรียนภาษาอังกฤษกับครูภาษาอังกฤษวันนี้ เราจะเรียนหัวข้อคำบุพบทภาษาอังกฤษว่ามีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีวิธีใช้ยังไง และวิธีดูว่าคำๆ นั้น เป็นคำบุพบทหรือเปล่ากัน

ประเภทของคำบุพบท

คำบุพบทมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ คำบุพบทบอกเวลา, คำบุพบทบอกสถานที่และคำบุพบทแสดงทิศทาง ตัวอย่างคำบุพบทบอกเวลา เช่น

  • before — ก่อน
  • after — หลัง
  • during — ระหว่าง
  • until — จนกระทั่ง

ส่วนคำบุพบทบอกสถานที่ in, on, at ภาษาอังกฤษ ซึ่งก็คือ คำบอกตำแหน่ง ยกตัวอย่างเช่น

  • in — ใน
  • on — บน
  • at — ที่
  • around — รอบๆ
  • between — ระหว่าง
  • against — ติดกับ

สุดท้ายคือคำบุพบทบอกทิศทาง เช่น

  • across — ข้าม
  • up — ขึ้น
  • down — ลง

ซึ่งคำบุพบทแต่ละประเภทก็มีความสำคัญแตกต่างกัน

คำบุพบทที่ใช้บ่อยที่สุดและมักน่าสับสนที่สุดมี 3 คำคือ in, on และ at คำบุพบททั้ง 3 คำนี้เป็นคำบุพบททั่วไปที่บอกทั้งเวลาและสถานที่

คำบุพบทบอกเวลา (Prepositions of Time)

ตัวอย่างของคำบุพบทบอกเวลาที่สำคัญ ได้แก่

at(ณ เวลา)
on(ในวันหรือในวันที่)
in(ภายใน)
before(ก่อนที่)
after(หลังจากที่)

คำบุพบทประเภทนี้ใช้เพื่อช่วยระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต คำบุพบทบอกเวลานั้นมีหลายตัวและมีวิธีการใช้แตกต่างกันทำให้บางคนอาจเกิดความสับสน ต่อไปนี้คือตัวอย่างประโยคที่ใช้คำบุพบทบอกเวลาซึ่งพิมพ์เป็นตัวหนาเพื่อให้ง่ายต่อการสังเกต

  • I was born on 4th July 1982.
    ฉันเกิดวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1982
  • I was born in 1982.
    ฉันเกิดในปี ค.ศ.1982
  • I was born at exactly 2am.
    ฉันเกิดเวลาสองนาฬิกาตรง
  • I was born two minutes before my twin brother.
    ฉันเกิดก่อนน้องชายฝาแฝดของฉันสองนาที
  • I was born after the Great War ended.
    ฉันเกิดหลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลง

ตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นนั้นอาจจะทำให้ดูค่อนข้างยากสำหรับการใช้บุพบทห้าตัวที่แตกต่างกันเพื่อบอกเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มีหลักเกณฑ์บางอย่างที่ช่วยตัดสินใจว่าเราควรจะใช้บุพบทตัวไหน

สำหรับปี, เดือน, ฤดูกาล, ศตวรรษและเวลาของวัน เราจะใช้คำว่า “in”(ใน) :

  • I first met John in 1987.
    ฉันเจอจอห์นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1987
  • It’s always cold in January
    ในเดือนมกราคมอากาศมักจะหนาวเสมอ
  • Easter falls in spring each year.
    เทศกาลอีสเตอร์จัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิของทุกปี
  • The Second World War occurred in the 20th century.
    สงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 20
  • We eat breakfast in the morning.
    เรากินอาหารเช้าในตอนเช้า

สำหรับวันในสัปดาห์, วันที่และวันหยุดที่เฉพาะเจาะจง เราจะใช้คำว่า on (ตรงกับ)

  • We go to school on Mondays, but not on Sunday
    เราไปโรงเรียนวันจันทร์ ไม่ใช่วันอาทิตย์
  • Christmas is on December 25th.
    วันคริสต์มาสตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม
  • Buy me a present on my birthday.
    ซื้อของขวัญให้ฉันในวันเกิดของฉัน

สำหรับช่วงเวลาและเทศกาล เราจะใช้คำว่า “at”(ที่, ตอน):

  • Families often argue at Christmas time.
    หลายๆครอบครัวมักจะทะเลาะกันในช่วงคริสต์มาส
  • I work faster at night.
    ฉันทำงานได้เร็วขึ้นในตอนกลางคืน
  • Her shift finished at 7pm.
    กะทำงานของเธอเสร็จเวลาหนึ่งทุ่ม

คำว่า “Before”(ก่อน) และ “after”(หลัง) จะทำความเข้าใจได้ง่ายกว่าคำบุพบทบอกเวลาตัวอื่นๆ มาก ทั้งสองตัวจะใช้สำหรับอธิบายเมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นแล้วในอดีต กำลังเกิดขึ้นอยู่หรือกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต และจะเน้นให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับเหตุการณ์อื่น

  • Before I discovered this bar, I used to go straight home after work.
    ก่อนที่ฉันจะค้นพบบาร์แห่งนี้ ฉันก็เคยตรงกลับบ้านหลังเลิกงานทันทีมาก่อน
  • We will not leave before 3pm.
    เราจะไม่ออกเดินทางก่อนบ่ายสามโมง
  • David comes before Bryan in the line, but after Louise.
    ในแถว เดวิดมาก่อนไบรอัน แต่มาหลังหลุยส์

คำบุพบทบอกเวลาตัวอื่นๆ ได้แก่

During(ระหว่าง)
about(ประมาณ)
around(ราวๆ)
until(จนกระทั่ง)
throughout(โดยตลอด)

  • The concert will be staged throughout the month of May.
    คอนเสิร์ตจะจัดแสดงตลอดเดือนพฤษภาคม
  • I learned how to ski during the holidays.
    ฉันเรียนรู้วิธีเล่นสกีในช่วงวันหยุด
  • He usually arrives around 3pm.
    โดยปกติเขาจะมาถึงราวๆบ่ายสามโมง
  • It was about six in the morning when we made it to bed.
    ตอนที่เราเข้านอนเป็นเวลาประมาณหกโมงเช้า
  • The store is open until midnight.
    ร้านเปิดถึงเที่ยงคืน

คำบุพบทบอกสถานที่ (Prepositions of Place)

คำบุพบทบอกสถานที่ที่เราคุ้ยเคยที่สุด คือ in, on, at แต่ก็เป็นคำที่ชวนให้สับสนที่สุดด้วย เพราะเป็นคำเดียวกันที่ใช้เป็นคำบุพบทบอกเวลา แต่สำหรับคำบุพบทบอกตำแหน่งหรือสถานที่จะมีกฏเกณฑ์ในการใช้ที่ชัดเจนกว่าคำบุพบทบอกเวลาเล็กน้อย ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • The cat is on the table.
    แมวอยู่บนโต๊ะ
  • The dogs are in the kennel.
    สุนัขอยู่ในบ้านสุนัข
  • We can meet at the crossroads.
    เราเจอกันได้ตรงทางแยก

ต่อมานี้มาดูวิธีใช้ in, on, at ภาษาอังกฤษแบบสั้นๆ กัน

On(บน) ใช้เพื่อระบุถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่บนพื้นผิว

  • The sculpture hangs on the wall.
    ประติมากรรมแขวนอยู่บนฝาผนัง
  • The images are on the page.
    รูปภาพปรากฎอยู่บนหน้านั้น
  • The specials are on the menu, which is on the table.
    รายการพิเศษอยู่ในเมนูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ

In(ใน) ใช้สำหรับระบุถึงสิ่งที่อยู่ด้านในหรือภายในขอบเขตที่จำกัด จะเป็นอะไรก็ได้ จะหมายถึง “ประเทศ” ก็ได้

  • Jim is in France, visiting his aunt in the hospital.
    จิมอยู่ในประเทศฝรั่งเศสเพื่อไปเยี่ยมป้าของเขาที่โรงพยาบาล
  • The whiskey is in the jar in the fridge.
    วิสกี้อยู่ในเหยือกที่อยู่ในตู้เย็น
  • The girls play in the garden.
    เด็กๆเล่นอยู่ในสวน

At(ที่) ใช้เพื่อพูดถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง

  • The boys are at the entrance at the movie theater.
    เด็กๆอยู่ตรงทางเข้าโรงหนัง
  • He stood at the bus stop at the corner of Water and High streets.
    เขายืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ตรงหัวมุมของถนนวอเตอร์กับไฮสตรีท
  • We will meet at the airport.
    เราจะเจอกันที่สนามบิน

คำบุพบทบอกสถานที่ในภาษาอังกฤษยังมีอีกหลายตัว เช่น

under(ใต้)
over(เหนือ)
inside(ข้างใน)
outside(ข้างนอก)
above(บน)
below(ใต้)

คำเหล่านี้ไม่ค่อยสับสน และเข้าใจได้ง่ายกว่าแบบอื่นๆ เพราะความหมายของมันแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งที่อยู่ที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม

  • The cat is under the table.
    แมวอยู่ใต้โต๊ะ
  • Put the sandwich over there.
    วางแซนด์วิชไว้ตรงนั้น
  • The key is locked inside the car.
    กุญแจล็อคอยู่ด้านในรถ
  • They stepped outside the house.
    พวกเขาก้าวเท้าออกไปนอกบ้าน
  • Major is ranked above corporal.
    ยศพลตรีมีตำแหน่งสูงกว่ายศสิบตรี
  • He is waving at you from below the stairs.
    เขาโบกมือให้คุณจากใต้บันได

นอกจากนี้คำบุพบทบอกตำแหน่งหรือสถานที่ยังใช้ในการตอบคำถามเรื่องที่อยู่ภาษาอังกฤษด้วย ไม่ว่าจะเป็นคำว่า in(ใน), on(บน) หรือ at(ที่) ซึ่งต่างก็มีวิธีใช้ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับรายละเอียดของที่อยู่ที่ต้องการบอก

คำบุพบทบอกการเคลื่อนที่ (Prepositions of Movement)

คำบุพบทที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่นั้นค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย เนื่องจากมีความเป็นนามธรรมน้อยกว่าคำบุพบทบอกสถานที่หรือบุพบทบอกเวลา โดยปกติแล้วคำบุพบทประเภทนี้จะใช้เพื่ออธิบายว่าคนหรือวัตถุเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างไร

คำบุพบทประเภทนี้ที่ถูกใช้บ่อยที่สุด คือคำว่า

to (ถึง)

ซึ่งมักจะใช้เน้นการเคลื่อนย้ายที่มีจุดหมายปลายทางที่เฉพาะเจาะจง ลองมาดูประโยคตัวอย่างต่อไปนี้ที่ใช้คำบุพบทบอกการเคลื่อนที่ที่พิมพ์ด้วยตัวหนา เพื่อให้สังเกตได้ง่าย

  • He has gone on vacation to France.
    เขาไปพักร้อนที่ฝรั่งเศสแล้ว
  • She went to the bowling alley every Friday last summer.
    ฤดูร้อนที่ผ่านมา เธอไปลานโบว์ลิ่งทุกวันศุกร์
  • I will go to bed when I am tired.
    ฉันจะเข้านอนเมื่อฉันเหนื่อย
  • They will go to the zoo if they finish their errands.
    ถ้าทำธุระเสร็จแล้ว พวกเขาจะไปสวนสัตว์

ยังมีคำบุพบทที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ที่เฉพาะเจาะจงคำอื่นๆ อีก ได้แก่

through (ผ่านไป)
across (ข้าม)
off (ออกจาก)
down  (ลงข้างล่าง)
into (เข้าไปใน)

คำบุพบทเหล่านี้สามารถใช้ร่วมกับคำอื่นได้ ถึงแม้ว่าแต่ละคำจะมีหน้าตาคล้ายกัน แต่เมื่อรวมกับคำอื่นๆ มันจะมีความหมายเฉพาะตัวของมันเอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มการอธิบายให้กับการเคลื่อนที่นั้นๆ ด้วย

Across(ข้าม) หมายถึง การย้ายจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง

  • Mike travelled across America on his motorcycle.
    ไมค์ขี่มอเตอร์ไซค์ของเขาเดินทางข้ามอเมริกา
  • Rebecca and Judi are swimming across the lake.
    รีเบคก้าและจูดี้กำลังว่ายน้ำข้ามทะเลสาบ

Throughหมายถึง การเคลื่อนผ่านด้านในของบางสิ่งบางอย่างแล้วทะลุออกไปยังอีกด้านหนึ่ง

  • The bullet Ben shot went through the window.
    กระสุนที่เบนยิงทะลุผ่านหน้าต่าง
  • The train passes through the tunnel.
    รถไฟแล่นผ่านอุโมงค์

Into”(เข้าไปยัง) หมายถึง การเข้าไปหรือมองเข้าไปข้างในของบางสิ่งบางอย่าง

  • James went into the room.
    เจมส์เข้าไปในห้อง
  • They stare into the darkness.
    พวกเขาจ้องมองเข้าไปในความมืด

คำบุพบทที่ใช้ระบุทิศทางของการเคลื่อนไหว เช่น

up (ขึ้น)
over (ทั่ว,ผ่าน)
down (ลง)
past (ผ่าน)
around (รอบ)

ตัวอย่างเช่น

  • Jack went up the hill.
    แจ็คขึ้นไปบนเนินเขา
  • Jill came tumbling down after.
    จิลล้มลงไปตามหลัง
  • We will travel over rough terrain on our way to Grandma’s house.
    เราจะเดินทางผ่านภูมิประเทศที่ทุรกันดารตลอดทางไปบ้านคุณยาย
  • The horse runs around the track all morning.
    ม้าวิ่งไปรอบๆเส้นทางตลอดทั้งเช้านี้
  • A car zoomed past a truck on the highway
    รถยนต์คันหนึ่งแล่นผ่านรถบรรทุกบนทางหลวง

วิธีสังเกตคำบุพบท

การจำคำบุพบทได้ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะตัวมันเองไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ทั้งในเรื่องของตำแหน่งในประโยค รวมถึงไม่ได้มีโครงสร้างหรือตัวสะกดที่สังเกตได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามคำบุพบทมักเป็นคำสั้นๆ เสมอ โดยส่วนใหญ่มักมีตัวอักษรน้อยกว่าหกตัว

คำบุพบทที่ใช้ร่วมกับคำนาม

มีคำนามหลายคำที่จับคู่เฉพาะกับคำบุพบทบางตัว เพื่อทำให้มีความหมายชัดเจนขึ้น ซึ่งเรียกคำบุพบทประเภทนี้ว่า “dependent prepositions

ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวที่ระบุว่าคำนามชนิดใดจะต้องใช้คู่กับ dependent preposition บ้าง แต่โดยปกติแล้วมันมักจะอยู่ตามหลังคำนาม คู่ของคำนามกับคำบุพบทหลายๆ คู่นั้นเราจะต้องอาศัยความคุ้นเคยในการเลือกใช้คำให้เหมาะสม

ตัวอย่าง :

  • He displayed cruelty towards his dog.
    เขาแสดงความโหดร้ายต่อสุนัขของเขา
  • She had knowledge of physics.
    เธอมีความรู้ทางฟิสิกส์
  • The trouble with Jack.
    มีปัญหากับแจ็ค
  • 21 is the age at which you are allowed to drink.
    อายุ 21 ปีคืออายุที่ได้รับอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้
  • Bolt made another attempt at the world record.
    โบลท์พยายามทำลายสถิติโลกอีกครั้ง
  • The police held an inquiry into the murder.
    ตำรวจดำเนินการสอบสวนคดีฆาตกรรมดังกล่าว

คำบุพบทที่ใช้ร่วมกับคำกริยา

คำบุพบทที่ทำหน้าที่เชื่อมระหว่างคำกริยากับคำนามหรือกริยาเติม ing ทำให้ประโยคมีความหมายพิเศษมากขึ้น คำบุพบทที่มักใช้ร่วมกับคำกริยา ได้แก่ to(ถึง), for(สำหรับ), about(เกี่ยวกับ), of(ของ), in(ใน), at(ที่) และ from(จาก) คำบุพบทเหล่านี้จะอยู่ตามหลังคำกริยาในประโยคเสมอ อย่างไรก็ตาม จะสังเกตได้ว่าคำกริยาบุพบทนั้นจะมีความหมายแตกต่างจากคำกริยาเดิมเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น

  • To relate a story.
    บอกเล่าเรื่องราว
  • To relate to a story.
    บอกเล่าเรื่องราวที่คิดว่าเหมือนกัน, ค้นพบความหมายบางอย่างจากเรื่องนั้น

Verb + to

  • He admitted to the charge.
    เขายอมรับข้อกล่าวหา
  • go to Vancouver on vacation twice a year.
    ฉันไปแวนคูเวอร์ช่วงพักร้อนปีละสองครั้ง
  • William can relate to the character in the play.
    วิลเลียมสามารถเล่าเรื่องราวของตัวละครในบทละครได้

Verb + for

  • He must apologize for his actions.
    เขาต้องขอโทษสำหรับการกระทำของเขา
  • We searched for ages before we found the perfect apartment.
    เราหามานานก่อนที่เราจะพบอพาร์ทเมนท์ที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้
  • provide for my family by working two jobs.
    ฉันหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำงานสองอย่าง

Verb + with

  • I don’t agree with your claim.
    ฉันไม่เห็นด้วยกับการอ้างสิทธิ์ของคุณ
  • The lawyer said he will meet with your representatives.
    ทนายความบอกว่าเขาจะเข้าพบตัวแทนของคุณ
  • They began with a quick warm-up.
    พวกเขาเริ่มต้นด้วยการอบอุ่นร่างกายอย่างรวดเร็ว

Verb + of

  • dream of a better life.
    ฉันฝันถึงชีวิตที่ดีกว่านี้
  • Have you heard of Shakespeare?
    คุณเคยได้ยินชื่อเชคสเปียร์ไหม?
  • The bread consists of dough, raisins and a little honey.
    ขนมปังประกอบด้วยแป้ง ลูกเกดและน้ำผึ้งเล็กน้อย

Verb + in

  • Does Rick believe in miracles?
    ริคเชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์ไหม?
  • Fallon lives in New York.
    ฟอลลอนอาศัยอยู่ในนิวยอร์ค
  • The bus accident resulted in my being late to work.
    อุบัติเหตุรถบัสส่งผลให้ฉันไปทำงานสาย

Verb + at

  • We arrived at our destination.
    เรามาถึงที่หมายของเราแล้ว
  • Ilene excels at singing.
    อิลีนร้องเพลงเก่ง
  • Will the baby smile at her mother?
    เด็กคนนั้นจะยิ้มให้แม่เธอไหม?

Verb + on

  • We should really concentrate on our studies now.
    เราควรจะจดจ่อไปที่การศึกษาของเราจริงๆ
  • Helen insisted on Brenda’s company.
    เฮเลนยืนกรานในบริษัทของเบรนด้า
  • Morris experimented on some canvas.
    มอริสทดลองบนผืนผ้าใบ

Verb + from

  • Since turning 80, she suffers from lapses in concentration.
    ตั้งแต่เธออายุ 80 เธอมีอาการสมาธิสั้น
  • Dad retired from the navy in the 1970s.
    พ่อเกษียณจากกองทัพเรือในช่วงทศวรรษที่ 1970
  • Billy Bob, please refrain from doing that.
    บิลลี่ บ็อบ ได้โปรดอย่างทำเช่นนั้นเลย

คำบุพบทที่ใช้ร่วมกับคำคุณศัพท์

คำบุพบทสามารถเชื่อมวลีหลายๆวลีเข้าด้วยกันด้วยคำคุณศัพท์เพื่อเพิ่มการอธิบายการกระทำ, อารมณ์หรือสิ่งต่างๆที่คำคุณศัพท์นั้นขยายอยู่ เช่นเดียวกับคำกริยาและคำนาม คำคุณศัพท์สามารถตามหลังด้วยคำบุพบทต่อไปนี้

to (ถึง)
about (เกี่ยวกับ)
in (ใน)
for (สำหรับ)
with (ด้วย)
at (ที่)
by (โดย)

ตัวอย่างเช่น

  • I am happily married to David.
    ฉันแต่งงานกับเดวิดอย่างมีความสุข
  • Ellie is crazy about this movie.
    เอลลี่คลั่งไคล้หนังเรื่องนี้
  • Michelle is interested in politics.
    มิเชลล์สนใจเรื่องการเมือง
  • We are sorry for your loss.
    เราขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียของคุณ
  • Jane will be delighted with her results.
    เจนจะพอใจกับผลลัพธ์ของเธอ
  • Is he still angry at the world?
    เขายังโกรธสังคมอยู่หรือเปล่า?
  • The entire room was astonished by the election results.
    ทั้งห้องประหลาดใจกับผลการเลือกตั้ง

บางครั้งอาจจะมีรูปแบบบางอย่างที่ช่วยในการตัดสินว่าคำบุพบทใดใช้คู่กับคำคุณศัพท์ใด ยกตัวอย่างเช่น หากคำคุณศัพท์นั้นมีความหมายที่เหมือนหรือคล้ายกันมาก เราอาจจะใช้คำบุพบทตัวเดียวกันได้

Frightened of, afraid of, scared of, terrified of — น่ากลัว, ระทึกใจ
Good at, great at, superb at, wonderful at — ชำนาญ, เก่ง
Bad at, terrible at, woeful at, inept at — แย่, ไม่เก่ง

แม้ว่าจะมีข้อยกเว้นหลายๆ อย่าง แต่การคาดเดาคำคุณศัพท์ก็มีวิธีคาดเดาหลายวิธีอย่างที่สอนไปข้างต้น และการพูดภาษาอังกฤษนั้นจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าคำบุพบทใดใช้คู่กับคำคุณศัพท์ตัวใด เนื่องจากความหมายของมันจะเปลี่ยนแปลงไปมากหากเราใช้คำบุพบทที่ไม่เหมาะสม

ตัวอย่างคำบุพบทคำเดียว ที่ใช้ได้หลายบริบทและสื่อความหมายต่างกันหลายความหมาย เช่น

  • I am good at sports.
    ฉันเก่งเรื่องกีฬา
    (หมายความว่า ฉันน่าจะมีความสามารถทางด้านกีฬาอยู่บ้าง)
  • The nurse was good to my mother.
    นางพยาบาลดีกับแม่ของฉัน
    (หมายความว่า เธอดูแลแม่ของฉันเป็นอย่างดี ใจดีและให้ความช่วยเหลือได้มาก)
  • I am good with animals.
    ฉันเข้ากับสัตว์ได้ดี
    (หมายความว่า ไม่กลัวสัตว์ สามารถควบคุม และจัดการพวกมันได้ดี)
  • Swimming is good for your health.
    การว่ายน้ำดีต่อสุขภาพของคุณ
  • That was good of you to come.
    เป็นเรื่องดีที่คุณมา
    (หมายความว่า รู้สึกยินดีที่คุณมา)
  • My little brother is good inside (his body).
    น้องชายของฉันดีจากข้างใน
    (หมายความว่า เขาเป็นคนดีแม้ว่าพฤติกรรมของเขาจะแย่ก็ตาม)
  • The blueberry jam will be good on toast. 
    แยมบลูเบอร์รี่เข้ากันกับขนมปังปิ้งได้ดี

คำบุพบทในภาษาอังกฤษนั้นมีอยู่มากมาย บางครั้งเป็นคำที่เหมือนกันหรือดูคล้ายกันแต่ความหมายแตกต่างกัน อาจสร้างความสับสนให้กับผู้ที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษได้ไม่น้อย เหมือนกับวิธีใช้ Who และ Whom ภาษาอังกฤษ ที่ดูเผินๆอาจจะเหมือนกัน แต่วิธีใช้ต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นผู้เรียนภาษาอังกฤษต้องหมั่นฝึก

แบบฝึกหัดภาษาอังกฤษเรื่องคำบุพบทภาษาอังกฤษ (Prepositions)

อัพเดทล่าสุด: