Preposition คำบุพบทภาษาอังกฤษ in, on, at และหลักการใช้คำอื่นๆ
คำบุพบท (preposition) คืออะไร?
คำบุพบท คือ คำที่ทำหน้าที่เชื่อมคำนาม, คำสรรพนามหรือวลีเข้ากับคำอื่นๆ ในประโยค เป็นคำที่เชื่อมโยงคน, วัตถุ, เวลาและสถานที่ในประโยคเข้าด้วยกัน คำบุพบทมักเป็นคำสั้นๆ และโดยปกติจะวางอยู่หน้าคำนาม แต่ในบางกรณีอาจจะพบคำบุพบทวางอยู่หน้าคำกริยาเติม -ing (gerund verb) ได้เช่นกัน
ในบทเรียนภาษาอังกฤษกับครูภาษาอังกฤษวันนี้ เราจะเรียนหัวข้อคำบุพบทภาษาอังกฤษว่ามีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีวิธีใช้ยังไง และวิธีดูว่าคำๆ นั้น เป็นคำบุพบทหรือเปล่ากัน
ประเภทของคำบุพบท
คำบุพบทมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่
- คำบุพบทบอกเวลา
- คำบุพบทบอกสถานที่
- คำบุพบทแสดงทิศทาง
ตัวอย่างคำบุพบทบอกเวลา เช่น
- before — ก่อน
- after — หลัง
- during — ระหว่าง
- until — จนกระทั่ง
ส่วนคำบุพบทบอกสถานที่ in, on, at ภาษาอังกฤษ ซึ่งก็คือ คำบอกตำแหน่ง ยกตัวอย่างเช่น
- in — ใน
- on — บน
- at — ที่
- around — รอบๆ
- between — ระหว่าง
- against — ติดกับ
สุดท้ายคือคำบุพบทบอกทิศทาง เช่น
- across — ข้าม
- up — ขึ้น
- down — ลง
ซึ่งคำบุพบทแต่ละประเภทก็มีความสำคัญแตกต่างกัน
คำบุพบทที่ใช้บ่อยที่สุดและมักน่าสับสนที่สุดมี 3 คำคือ in, on และ at คำบุพบททั้ง 3 คำนี้เป็นคำบุพบททั่วไปที่บอกทั้งเวลาและสถานที่
คำบุพบทบอกเวลา (Prepositions of Time)
ตัวอย่างของคำบุพบทบอกเวลาที่สำคัญ ได้แก่
at(ณ เวลา)
on(ในวันหรือในวันที่)
in(ภายใน)
before(ก่อนที่)
after(หลังจากที่)
คำบุพบทประเภทนี้ใช้เพื่อช่วยระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต คำบุพบทบอกเวลานั้นมีหลายตัวและมีวิธีการใช้แตกต่างกันทำให้บางคนอาจเกิดความสับสน ต่อไปนี้คือตัวอย่างประโยคที่ใช้คำบุพบทบอกเวลาซึ่งพิมพ์เป็นตัวหนาเพื่อให้ง่ายต่อการสังเกต
- I was born on 4th July 1982.
ฉันเกิดวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1982 - I was born in 1982.
ฉันเกิดในปี ค.ศ.1982 - I was born at exactly 2am.
ฉันเกิดเวลาสองนาฬิกาตรง - I was born two minutes before my twin brother.
ฉันเกิดก่อนน้องชายฝาแฝดของฉันสองนาที - I was born after the Great War ended.
ฉันเกิดหลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลง
ตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นนั้นอาจจะทำให้ดูค่อนข้างยากสำหรับการใช้บุพบทห้าตัวที่แตกต่างกันเพื่อบอกเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มีหลักเกณฑ์บางอย่างที่ช่วยตัดสินใจว่าเราควรจะใช้บุพบทตัวไหน
สำหรับปี, เดือน, ฤดูกาล, ศตวรรษและเวลาของวัน เราจะใช้คำว่า “in”(ใน) :
- I first met John in 1987.
ฉันเจอจอห์นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1987 - It’s always cold in January
ในเดือนมกราคมอากาศมักจะหนาวเสมอ - Easter falls in spring each year.
เทศกาลอีสเตอร์จัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิของทุกปี - The Second World War occurred in the 20th century.
สงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 20 - We eat breakfast in the morning.
เรากินอาหารเช้าในตอนเช้า
สำหรับวันในสัปดาห์, วันที่และวันหยุดที่เฉพาะเจาะจง เราจะใช้คำว่า ”on“ (ตรงกับ)
- We go to school on Mondays, but not on Sunday
เราไปโรงเรียนวันจันทร์ ไม่ใช่วันอาทิตย์ - Christmas is on December 25th.
วันคริสต์มาสตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม - Buy me a present on my birthday.
ซื้อของขวัญให้ฉันในวันเกิดของฉัน
สำหรับช่วงเวลาและเทศกาล เราจะใช้คำว่า “at”(ที่, ตอน):
- Families often argue at Christmas time.
หลายๆครอบครัวมักจะทะเลาะกันในช่วงคริสต์มาส - I work faster at night.
ฉันทำงานได้เร็วขึ้นในตอนกลางคืน - Her shift finished at 7pm.
กะทำงานของเธอเสร็จเวลาหนึ่งทุ่ม
คำว่า “Before”(ก่อน) และ “after”(หลัง) จะทำความเข้าใจได้ง่ายกว่าคำบุพบทบอกเวลาตัวอื่นๆ มาก ทั้งสองตัวจะใช้สำหรับอธิบายเมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นแล้วในอดีต กำลังเกิดขึ้นอยู่หรือกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต และจะเน้นให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับเหตุการณ์อื่น
- Before I discovered this bar, I used to go straight home after work.
ก่อนที่ฉันจะค้นพบบาร์แห่งนี้ ฉันก็เคยตรงกลับบ้านหลังเลิกงานทันทีมาก่อน - We will not leave before 3pm.
เราจะไม่ออกเดินทางก่อนบ่ายสามโมง - David comes before Bryan in the line, but after Louise.
ในแถว เดวิดมาก่อนไบรอัน แต่มาหลังหลุยส์
คำบุพบทบอกเวลาตัวอื่นๆ ได้แก่
During(ระหว่าง)
about(ประมาณ)
around(ราวๆ)
until(จนกระทั่ง)
throughout(โดยตลอด)
- The concert will be staged throughout the month of May.
คอนเสิร์ตจะจัดแสดงตลอดเดือนพฤษภาคม - I learned how to ski during the holidays.
ฉันเรียนรู้วิธีเล่นสกีในช่วงวันหยุด - He usually arrives around 3pm.
โดยปกติเขาจะมาถึงราวๆบ่ายสามโมง - It was about six in the morning when we made it to bed.
ตอนที่เราเข้านอนเป็นเวลาประมาณหกโมงเช้า - The store is open until midnight.
ร้านเปิดถึงเที่ยงคืน
คำบุพบทบอกสถานที่ (Prepositions of Place)
คำบุพบทบอกสถานที่ที่เราคุ้ยเคยที่สุด คือ in, on, at แต่ก็เป็นคำที่ชวนให้สับสนที่สุดด้วย เพราะเป็นคำเดียวกันที่ใช้เป็นคำบุพบทบอกเวลา แต่สำหรับคำบุพบทบอกตำแหน่งหรือสถานที่จะมีกฏเกณฑ์ในการใช้ที่ชัดเจนกว่าคำบุพบทบอกเวลาเล็กน้อย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- The cat is on the table.
แมวอยู่บนโต๊ะ - The dogs are in the kennel.
สุนัขอยู่ในบ้านสุนัข - We can meet at the crossroads.
เราเจอกันได้ตรงทางแยก
ต่อมานี้มาดูวิธีใช้ in, on, at ภาษาอังกฤษแบบสั้นๆ กัน
“On”(บน) ใช้เพื่อระบุถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่บนพื้นผิว
- The sculpture hangs on the wall.
ประติมากรรมแขวนอยู่บนฝาผนัง - The images are on the page.
รูปภาพปรากฎอยู่บนหน้านั้น - The specials are on the menu, which is on the table.
รายการพิเศษอยู่ในเมนูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
“In”(ใน) ใช้สำหรับระบุถึงสิ่งที่อยู่ด้านในหรือภายในขอบเขตที่จำกัด จะเป็นอะไรก็ได้ จะหมายถึง “ประเทศ” ก็ได้
- Jim is in France, visiting his aunt in the hospital.
จิมอยู่ในประเทศฝรั่งเศสเพื่อไปเยี่ยมป้าของเขาที่โรงพยาบาล - The whiskey is in the jar in the fridge.
วิสกี้อยู่ในเหยือกที่อยู่ในตู้เย็น - The girls play in the garden.
เด็กๆเล่นอยู่ในสวน
“At”(ที่) ใช้เพื่อพูดถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง
- The boys are at the entrance at the movie theater.
เด็กๆอยู่ตรงทางเข้าโรงหนัง - He stood at the bus stop at the corner of Water and High streets.
เขายืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ตรงหัวมุมของถนนวอเตอร์กับไฮสตรีท - We will meet at the airport.
เราจะเจอกันที่สนามบิน
คำบุพบทบอกสถานที่ในภาษาอังกฤษยังมีอีกหลายตัว เช่น
under(ใต้)
over(เหนือ)
inside(ข้างใน)
outside(ข้างนอก)
above(บน)
below(ใต้)
คำเหล่านี้ไม่ค่อยสับสน และเข้าใจได้ง่ายกว่าแบบอื่นๆ เพราะความหมายของมันแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งที่อยู่ที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม
- The cat is under the table.
แมวอยู่ใต้โต๊ะ - Put the sandwich over there.
วางแซนด์วิชไว้ตรงนั้น - The key is locked inside the car.
กุญแจล็อคอยู่ด้านในรถ - They stepped outside the house.
พวกเขาก้าวเท้าออกไปนอกบ้าน - Major is ranked above corporal.
ยศพลตรีมีตำแหน่งสูงกว่ายศสิบตรี - He is waving at you from below the stairs.
เขาโบกมือให้คุณจากใต้บันได
นอกจากนี้คำบุพบทบอกตำแหน่งหรือสถานที่ยังใช้ในการตอบคำถามเรื่องที่อยู่ภาษาอังกฤษด้วย ไม่ว่าจะเป็นคำว่า in(ใน), on(บน) หรือ at(ที่) ซึ่งต่างก็มีวิธีใช้ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับรายละเอียดของที่อยู่ที่ต้องการบอก
คำบุพบทบอกการเคลื่อนที่ (Prepositions of Movement)
คำบุพบทที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่นั้นค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย เนื่องจากมีความเป็นนามธรรมน้อยกว่าคำบุพบทบอกสถานที่หรือบุพบทบอกเวลา โดยปกติแล้วคำบุพบทประเภทนี้จะใช้เพื่ออธิบายว่าคนหรือวัตถุเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างไร
คำบุพบทประเภทนี้ที่ถูกใช้บ่อยที่สุด คือคำว่า
to (ถึง)
ซึ่งมักจะใช้เน้นการเคลื่อนย้ายที่มีจุดหมายปลายทางที่เฉพาะเจาะจง ลองมาดูประโยคตัวอย่างต่อไปนี้ที่ใช้คำบุพบทบอกการเคลื่อนที่ที่พิมพ์ด้วยตัวหนา เพื่อให้สังเกตได้ง่าย
- He has gone on vacation to France.
เขาไปพักร้อนที่ฝรั่งเศสแล้ว - She went to the bowling alley every Friday last summer.
ฤดูร้อนที่ผ่านมา เธอไปลานโบว์ลิ่งทุกวันศุกร์ - I will go to bed when I am tired.
ฉันจะเข้านอนเมื่อฉันเหนื่อย - They will go to the zoo if they finish their errands.
ถ้าทำธุระเสร็จแล้ว พวกเขาจะไปสวนสัตว์
ยังมีคำบุพบทที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ที่เฉพาะเจาะจงคำอื่นๆ อีก ได้แก่
through (ผ่านไป)
across (ข้าม)
off (ออกจาก)
down (ลงข้างล่าง)
into (เข้าไปใน)
คำบุพบทเหล่านี้สามารถใช้ร่วมกับคำอื่นได้ ถึงแม้ว่าแต่ละคำจะมีหน้าตาคล้ายกัน แต่เมื่อรวมกับคำอื่นๆ มันจะมีความหมายเฉพาะตัวของมันเอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มการอธิบายให้กับการเคลื่อนที่นั้นๆ ด้วย
“Across”(ข้าม) หมายถึง การย้ายจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง
- Mike travelled across America on his motorcycle.
ไมค์ขี่มอเตอร์ไซค์ของเขาเดินทางข้ามอเมริกา - Rebecca and Judi are swimming across the lake.
รีเบคก้าและจูดี้กำลังว่ายน้ำข้ามทะเลสาบ
”Through” หมายถึง การเคลื่อนผ่านด้านในของบางสิ่งบางอย่างแล้วทะลุออกไปยังอีกด้านหนึ่ง
- The bullet Ben shot went through the window.
กระสุนที่เบนยิงทะลุผ่านหน้าต่าง - The train passes through the tunnel.
รถไฟแล่นผ่านอุโมงค์
“Into”(เข้าไปยัง) หมายถึง การเข้าไปหรือมองเข้าไปข้างในของบางสิ่งบางอย่าง
- James went into the room.
เจมส์เข้าไปในห้อง - They stare into the darkness.
พวกเขาจ้องมองเข้าไปในความมืด
คำบุพบทที่ใช้ระบุทิศทางของการเคลื่อนไหว เช่น
up (ขึ้น)
over (ทั่ว,ผ่าน)
down (ลง)
past (ผ่าน)
around (รอบ)
ตัวอย่างเช่น
- Jack went up the hill.
แจ็คขึ้นไปบนเนินเขา - Jill came tumbling down after.
จิลล้มลงไปตามหลัง - We will travel over rough terrain on our way to Grandma’s house.
เราจะเดินทางผ่านภูมิประเทศที่ทุรกันดารตลอดทางไปบ้านคุณยาย - The horse runs around the track all morning.
ม้าวิ่งไปรอบๆเส้นทางตลอดทั้งเช้านี้ - A car zoomed past a truck on the highway
รถยนต์คันหนึ่งแล่นผ่านรถบรรทุกบนทางหลวง
วิธีสังเกตคำบุพบท
การจำคำบุพบทได้ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะตัวมันเองไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ทั้งในเรื่องของตำแหน่งในประโยค รวมถึงไม่ได้มีโครงสร้างหรือตัวสะกดที่สังเกตได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามคำบุพบทมักเป็นคำสั้นๆ เสมอ โดยส่วนใหญ่มักมีตัวอักษรน้อยกว่าหกตัว
คำบุพบทที่ใช้ร่วมกับคำนาม
มีคำนามหลายคำที่จับคู่เฉพาะกับคำบุพบทบางตัว เพื่อทำให้มีความหมายชัดเจนขึ้น ซึ่งเรียกคำบุพบทประเภทนี้ว่า “dependent prepositions“
ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวที่ระบุว่าคำนามชนิดใดจะต้องใช้คู่กับ dependent preposition บ้าง แต่โดยปกติแล้วมันมักจะอยู่ตามหลังคำนาม คู่ของคำนามกับคำบุพบทหลายๆ คู่นั้นเราจะต้องอาศัยความคุ้นเคยในการเลือกใช้คำให้เหมาะสม
ตัวอย่าง :
- He displayed cruelty towards his dog.
เขาแสดงความโหดร้ายต่อสุนัขของเขา - She had knowledge of physics.
เธอมีความรู้ทางฟิสิกส์ - The trouble with Jack.
มีปัญหากับแจ็ค - 21 is the age at which you are allowed to drink.
อายุ 21 ปีคืออายุที่ได้รับอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ - Bolt made another attempt at the world record.
โบลท์พยายามทำลายสถิติโลกอีกครั้ง - The police held an inquiry into the murder.
ตำรวจดำเนินการสอบสวนคดีฆาตกรรมดังกล่าว
คำบุพบทที่ใช้ร่วมกับคำกริยา
คำบุพบทที่ทำหน้าที่เชื่อมระหว่างคำกริยากับคำนามหรือกริยาเติม ing ทำให้ประโยคมีความหมายพิเศษมากขึ้น คำบุพบทที่มักใช้ร่วมกับคำกริยา ได้แก่ to(ถึง), for(สำหรับ), about(เกี่ยวกับ), of(ของ), in(ใน), at(ที่) และ from(จาก) คำบุพบทเหล่านี้จะอยู่ตามหลังคำกริยาในประโยคเสมอ อย่างไรก็ตาม จะสังเกตได้ว่าคำกริยาบุพบทนั้นจะมีความหมายแตกต่างจากคำกริยาเดิมเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น
- To relate a story.
บอกเล่าเรื่องราว - To relate to a story.
บอกเล่าเรื่องราวที่คิดว่าเหมือนกัน, ค้นพบความหมายบางอย่างจากเรื่องนั้น
Verb + to
- He admitted to the charge.
เขายอมรับข้อกล่าวหา - I go to Vancouver on vacation twice a year.
ฉันไปแวนคูเวอร์ช่วงพักร้อนปีละสองครั้ง - William can relate to the character in the play.
วิลเลียมสามารถเล่าเรื่องราวของตัวละครในบทละครได้
Verb + for
- He must apologize for his actions.
เขาต้องขอโทษสำหรับการกระทำของเขา - We searched for ages before we found the perfect apartment.
เราหามานานก่อนที่เราจะพบอพาร์ทเมนท์ที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ - I provide for my family by working two jobs.
ฉันหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำงานสองอย่าง
Verb + with
- I don’t agree with your claim.
ฉันไม่เห็นด้วยกับการอ้างสิทธิ์ของคุณ - The lawyer said he will meet with your representatives.
ทนายความบอกว่าเขาจะเข้าพบตัวแทนของคุณ - They began with a quick warm-up.
พวกเขาเริ่มต้นด้วยการอบอุ่นร่างกายอย่างรวดเร็ว
Verb + of
- I dream of a better life.
ฉันฝันถึงชีวิตที่ดีกว่านี้ - Have you heard of Shakespeare?
คุณเคยได้ยินชื่อเชคสเปียร์ไหม? - The bread consists of dough, raisins and a little honey.
ขนมปังประกอบด้วยแป้ง ลูกเกดและน้ำผึ้งเล็กน้อย
Verb + in
- Does Rick believe in miracles?
ริคเชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์ไหม? - Fallon lives in New York.
ฟอลลอนอาศัยอยู่ในนิวยอร์ค - The bus accident resulted in my being late to work.
อุบัติเหตุรถบัสส่งผลให้ฉันไปทำงานสาย
Verb + at
- We arrived at our destination.
เรามาถึงที่หมายของเราแล้ว - Ilene excels at singing.
อิลีนร้องเพลงเก่ง - Will the baby smile at her mother?
เด็กคนนั้นจะยิ้มให้แม่เธอไหม?
Verb + on
- We should really concentrate on our studies now.
เราควรจะจดจ่อไปที่การศึกษาของเราจริงๆ - Helen insisted on Brenda’s company.
เฮเลนยืนกรานในบริษัทของเบรนด้า - Morris experimented on some canvas.
มอริสทดลองบนผืนผ้าใบ
Verb + from
- Since turning 80, she suffers from lapses in concentration.
ตั้งแต่เธออายุ 80 เธอมีอาการสมาธิสั้น - Dad retired from the navy in the 1970s.
พ่อเกษียณจากกองทัพเรือในช่วงทศวรรษที่ 1970 - Billy Bob, please refrain from doing that.
บิลลี่ บ็อบ ได้โปรดอย่างทำเช่นนั้นเลย
คำบุพบทที่ใช้ร่วมกับคำคุณศัพท์
คำบุพบทสามารถเชื่อมวลีหลายๆวลีเข้าด้วยกันด้วยคำคุณศัพท์เพื่อเพิ่มการอธิบายการกระทำ, อารมณ์หรือสิ่งต่างๆที่คำคุณศัพท์นั้นขยายอยู่ เช่นเดียวกับคำกริยาและคำนาม คำคุณศัพท์สามารถตามหลังด้วยคำบุพบทต่อไปนี้
to (ถึง)
about (เกี่ยวกับ)
in (ใน)
for (สำหรับ)
with (ด้วย)
at (ที่)
by (โดย)
ตัวอย่างเช่น
- I am happily married to David.
ฉันแต่งงานกับเดวิดอย่างมีความสุข - Ellie is crazy about this movie.
เอลลี่คลั่งไคล้หนังเรื่องนี้ - Michelle is interested in politics.
มิเชลล์สนใจเรื่องการเมือง - We are sorry for your loss.
เราขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียของคุณ - Jane will be delighted with her results.
เจนจะพอใจกับผลลัพธ์ของเธอ - Is he still angry at the world?
เขายังโกรธสังคมอยู่หรือเปล่า? - The entire room was astonished by the election results.
ทั้งห้องประหลาดใจกับผลการเลือกตั้ง
บางครั้งอาจจะมีรูปแบบบางอย่างที่ช่วยในการตัดสินว่าคำบุพบทใดใช้คู่กับคำคุณศัพท์ใด ยกตัวอย่างเช่น หากคำคุณศัพท์นั้นมีความหมายที่เหมือนหรือคล้ายกันมาก เราอาจจะใช้คำบุพบทตัวเดียวกันได้
Frightened of, afraid of, scared of, terrified of — น่ากลัว, ระทึกใจ
Good at, great at, superb at, wonderful at — ชำนาญ, เก่ง
Bad at, terrible at, woeful at, inept at — แย่, ไม่เก่ง
แม้ว่าจะมีข้อยกเว้นหลายๆ อย่าง แต่การคาดเดาคำคุณศัพท์ก็มีวิธีคาดเดาหลายวิธีอย่างที่สอนไปข้างต้น และการพูดภาษาอังกฤษนั้นจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าคำบุพบทใดใช้คู่กับคำคุณศัพท์ตัวใด เนื่องจากความหมายของมันจะเปลี่ยนแปลงไปมากหากเราใช้คำบุพบทที่ไม่เหมาะสม
ตัวอย่างคำบุพบทคำเดียว ที่ใช้ได้หลายบริบทและสื่อความหมายต่างกันหลายความหมาย เช่น
- I am good at sports.
ฉันเก่งเรื่องกีฬา
(หมายความว่า ฉันน่าจะมีความสามารถทางด้านกีฬาอยู่บ้าง) - The nurse was good to my mother.
นางพยาบาลดีกับแม่ของฉัน
(หมายความว่า เธอดูแลแม่ของฉันเป็นอย่างดี ใจดีและให้ความช่วยเหลือได้มาก) - I am good with animals.
ฉันเข้ากับสัตว์ได้ดี
(หมายความว่า ไม่กลัวสัตว์ สามารถควบคุม และจัดการพวกมันได้ดี) - Swimming is good for your health.
การว่ายน้ำดีต่อสุขภาพของคุณ - That was good of you to come.
เป็นเรื่องดีที่คุณมา
(หมายความว่า รู้สึกยินดีที่คุณมา) - My little brother is good inside (his body).
น้องชายของฉันดีจากข้างใน
(หมายความว่า เขาเป็นคนดีแม้ว่าพฤติกรรมของเขาจะแย่ก็ตาม) - The blueberry jam will be good on toast.
แยมบลูเบอร์รี่เข้ากันกับขนมปังปิ้งได้ดี
คำบุพบทในภาษาอังกฤษนั้นมีอยู่มากมาย บางครั้งเป็นคำที่เหมือนกันหรือดูคล้ายกันแต่ความหมายแตกต่างกัน อาจสร้างความสับสนให้กับผู้ที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษได้ไม่น้อย เหมือนกับวิธีใช้ Who และ Whom ภาษาอังกฤษ ที่ดูเผินๆอาจจะเหมือนกัน แต่วิธีใช้ต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นผู้เรียนภาษาอังกฤษต้องหมั่นฝึก