สีภาษาอังกฤษ Colors พร้อมคําอ่าน สี 12 สี แม่สี สีรุ้ง 7 สี

คำว่า “สี” ภาษาอังกฤษ คือคำว่า

color
(คัลเล่อะ)
สี

คำว่าสีภาษาอังกฤษเขียนได้สองแบบ มีวิธีอ่านแบบเดียวกัน โดย colour เป็นการเขียนแบบอังกฤษบริติช และ color เป็นการเขียนแบบอเมริกัน นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ของคำศัพท์อเมริกันกับอังกฤษที่ใช้ต่างกัน คนที่เรียนภาษาอังกฤษกับติวเตอร์หลายคนน่าจะสนใจเรียนคำศัพท์เรื่องสีในบทเรียนนี้ เพราะเมื่อเรารู้วิธีเรียกสีของสิ่งต่างๆ แล้ว จะช่วยให้สื่อสารภาษาอังกฤษได้เข้าใจมากขึ้น

หากบอกว่า color จะหมายถึง สีเดียว หากเติม s เป็น colors จะหมายถึง สีหลายสี

การเรียนรู้เกี่ยวกับสีเป็นพื้นฐานการเรียนภาษาอังกฤษ นอกจากเรื่องการนับเลขภาษาอังกฤษ หรือการบอกเวลาภาษาอังกฤษ เป็นต้น เมื่อคุณเรียนภาษาอังกฤษกับครูภาษาอังกฤษคุณจะพบว่าคุณสามารถเรียกสิ่งต่างๆ ได้เข้าใจมากขึ้น นอกจากเรื่องสีแล้วการบอกเรื่องขนาดและรูปร่างภาษาอังกฤษ ก็ช่วยให้การสื่อสารภาษาอังกฤษของเราชัดเจนขึ้นเช่นกัน

12 สีภาษาอังกฤษ

ต่อไปนี้เป็น 12 สีภาษาอังกฤษพื้นฐานที่เราควรรู้ซึ่งสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันในการระบุสีของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือสถานที่ หรือแม้แต่การถามทางบอกทางภาษาอังกฤษก็จำเป็นต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับสีเช่นเดียวกัน

Red (เรด) = สีแดง
Orange (ออเร้นจ) = สีส้ม
Yellow (เยลโล่ว) = สีเหลือง
Green (กรีน) = สีเขียว
Blue (บลู) = สีฟ้า
Purple (เพ้อ-เพิ่ล) = สีม่วง
Pink (พิ้งค์) =สีชมพู
White (ไวท์) = สีขาว
Gray/ grey (เกร) = สีเทา
Brown (บราวน์) = สีน้ำตาล
Black (แบล็ค) = สีดำ
Silver (ซิลเว่อะ) = สีเงิน

แม่สีภาษาอังกฤษ

คำว่า แม่สีภาษาอังกฤษ หรือเรียกอีกอย่างว่า สีขั้นต้น ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Primary colours (ไพรมารี่ คัลเล่อะ) มี 3 สีดังต่อไปนี้

red (เรด) = แดง
yellow (เยลโล่ว) = เหลือง
blue (บลู) = น้ำเงิน

แม่สีเป็นสีที่ไม่สามารถผสมกันขึ้นมาเป็นแม่สีได้ แต่สามารถใช้ผสมเพื่อสร้างสีใหม่อื่นๆ ได้

สีขั้นที่สองภาษาอังกฤษ

สีขั้นที่สองภาษาอังกฤษ เรียกว่า Secondary colours (เซคเคินเดอริ คัลเล่อะ) เกิดจากการจับคู่แม่สีเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดสีใหม่เพิ่มขึ้น 3 สี คือ

orange (ออเร้นจ์) = สีส้ม
green (กรีน) = สีเขียว
violet (สีม่วง) = สีม่วง

สีขั้นที่สามภาษาอังกฤษ

สีขั้นที่สามในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Tertiary colours (เทอเทียรี่ คัลเล่อะ) เป็นสีที่ได้จากการนำสี ขั้นที่ 2 ผสมกับแม่สีทีละคู่ ก็จะได้สีเพิ่มขึ้นอีก 6 สี ดังต่อไปนี้

red-orange (เรด-ออเร้นจ์) = ส้มแดง
yellow-orange (เยลโล่ว-ออเร้นจ์) = ส้มเหลือง
yellow-green (เยลโล่ว-กรีน) = เขียวเหลือง
blue-green (บลู-กรีน) = เขียวน้ำเงิน
blue-violet (บลู-ไวโอเล็ต) = ม่วงน้ำเงิน
red-violet (เรด-ไวโอเล็ต) = ม่วงแดง

สีรุ้ง 7 สีภาษาอังกฤษ

แสงของสีรุ้งแบ่งออกเป็นสเปกตรัมมีทั้งหมดเจ็ดสี ดังนี้

Violet (ไวโอเล็ต) = สีม่วง
Indigo (อินดิโก) = สีคราม
Blue (บลู) = สีน้ำเงิน
Green (กรีน) = สีเขียว
Yellow (เยลโล่) = สีเหลือง
Orange (ออเร้นจ์) = สีส้ม
Red (เรด) = สีแดง

เรามักใช้เคล็ดลับการจำสีรุ้งด้วยการท่องว่า ม่วง-คราม-น้ำเงิน-เขียว-เหลือง-แสด-แดง ส่วนในภาษาอังกฤษจำท่องว่า VIBGYOR ซึ่งเป็นการนำตัวพยัญชนะต้นของแต่ละสีมาเรียงต่อกัน

ทำไม “สี” ในภาษาอังกฤษถึงมีการสะกดสองแบบ?

อย่างที่กล่าวไปแล้วในต้นบทความว่า คำว่า “สี” ภาษาอังกฤษ เขียนได้ทั้ง color และ colour ทั้งสองคำมีความหมายเหมือนกัน ความแตกต่างของสองคำคือ

color สะกดแบบอเมริกัน
colour สะกดแบบอังกฤษ

ทำไม “สีเทา” ในภาษาอังกฤษถึงมีการสะกดสองแบบ?

ทั้ง gray และ grey ต่างก็แปลว่า “สีเทา” เหมือนกัน และอ่านออกเสียงแบบเดียวกัน สามารถเหตุที่สะกดไม่เหมือนกัน เนื่องจากทั้งสองคำได้รับความนิยมไม่เท่ากันในประเทศอังกฤษและประเทศอเมริกา

grey ได้รับความนิยมในประเทศอังกฤษและประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ
gray ได้รับความนิยมในประเทศอเมริกาและประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน

การบอกสีในประโยคภาษาอังกฤษ

การบอกสีของสิ่งของมีวิธีบอกที่ต่างกัน 3 วิธีดังนี้

สิ่งของ + is + สี
สี + สิ่งของ + is + บุคคล + ’s
สี + is the colour of + บุคคล + ’s + สิ่งของ

ตัวอย่างเช่น

My brother’s car is black.
(มาย บราเธ่อะส์ คาร์ อิส แบล็ค)
รถของพี่ชายฉันสีดำ

The black car is my brother’s.
(เดอะ แบล็ค คาร์ อิส มาย บราเธ่อะส์)
รถสีดำเป็นของพี่ชายฉัน

Black is the colour of my brother’s car.
(แบล็ค อิส เดอะ คัลเล่อะ ออฟ มาย บราเธ่อะส์ คาร์)
สีดำเป็นสีรถของพี่ชายฉัน

รูปแบบประโยคดังกล่าวใช้ในการบอกสีของสิ่งของและคำนามได้แทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายสีของสัตว์ภาษาอังกฤษเป็นสีต่างๆ หรือบอกสีของผักภาษาอังกฤษต่างชนิด เป็นต้น