50 สำนวนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ความหมาย คำแปล ตัวอย่าง

คำว่า “Idiom” หมายถึง กลุ่มคำที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีความหมายใหม่ ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเปรียบเทียบ เปรียบเปรยให้มีความหมายลึกซึ้งหรือได้อรรถรสในการสนทนามากยิ่งขึ้น การใช้สำนวนในภาษาอังกฤษมีวัตถุประสงค์เดียวกันกับการใช้สำนวนและสุภาษิตในภาษาไทย

ในภาษาไทย ”สำนวน” คือ ถ้อยคำที่มีความหมายเชิงเปรียบเทียบ หรือ ”สุภาษิต” คือ ข้อความที่พูดสืบต่อกันมา เป็นคติสอนใจ หรือมีความหมายลึกซึ้ง มีสำนวนมากมายที่มีความหมายคล้ายหรือใกล้เคียงกับภาษาไทย แม้ว่าจะแปลตรงตัวไม่เหมือนกันก็ตาม ในบทความนี้เราจะดูสำนวนที่มีความหมายเดียวกันในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมกับสำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย เพื่อให้คุณสามารถใช้สำนวนในการสนทนาได้ดีและถูกต้องยิ่งขึ้น

สำนวนภาษาอังกฤษเทียบกับสำนวนไทย

สำนวนภาษาอังกฤษแน่นอนว่าต่างจากสำนวนไทยและไม่มีสำนวนที่แปลออกมาเหมือนกันได้คำต่อคำ แต่ในภาษาอังกฤษมีสำนวนหลายสำนวนที่มีความหมายเทียบเคียงกับสำนวนไทย และยังสามารถใช้แทนกันในสถานการณ์เดียวกันได้อีกด้วย

When pigs fly — เอาหัวเดินต่างตีน

When pigs fly หรือ When pig flies หมายถึง การทำสิ่งที่เป็นไปได้ยาก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย คล้ายกับสำนวนสุภาษิตภาษาไทยที่ว่า “เอาหัวเดินต่างตีน” ที่หมายถึง การทำสิ่งที่ยากเหลือเกิน จนไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถทำได้ เปรียบดั่งกับการเอาหัวเดินแทน “เท้า” หรือ “ตีน”

He really hates performing on the stage. So he will do that when pigs flys.
เขาเกลียดการแสดงบนเวทีจะตายไป เพราะงั้นเขาคงจะแสดงก็ต่อเมื่อให้เอาหัวเดินต่างตีนนั่นแหละ

Beauty is in the eye of the beholder — ลางเนื้อชอบลางยา

Beauty is in the eye of the beholder หมายถึง คนแต่ละคนมีมุมมองความงามที่แตกต่างกัน สำนวนภาษาอังกฤษนี้เปรียบว่า เราอาจจะมองว่าดอกกุหลาบดอกนี้สวย แต่คนอื่นอาจมองว่าไม่สวยก็ได้ ซึ่งคล้ายกับสำนวนสุภาษิตภาษาไทยที่ว่า “ลางเนื้อชอบลางยา” ที่หมายถึง ยาตัวเดียวกันอาจใช้ได้ดีกับคนหนึ่งแต่อาจไม่ได้ผลกับอีกคนก็ได้

I can’t believe my dad finally settled for that ugly little car. And he loves it too! Beauty is in the eye of the beholder.
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสุดท้ายพ่อก็ตัดสินใจเลือกรถคันเล็กแสนน่าเกลียดคันนั้น ดูเหมือนพ่อจะรักมันซะด้วย ลางเนื้อชอบลางยาจริงๆ

A sledgehammer to crack a nut — ขี่ช้างจับตั๊กแตน

A sledgehammer to crack a nut หมายถึง การใช้ทรัพยากรหรือกำลังเกินความจำเป็น คำแปลตรงตัวของสำนวนภาษาอังกฤษนี้คือ การใช้ค้อนขนาดใหญ่ Sledgehamme (ค้อนทุบหินก้อนใหญ่, ค้อนโค่นเสาต้นใหญ่) ทุบถั่วเม็ดเล็กๆ ซึ่งตรงกับสำนวนไทยที่ว่า ”ขี่ช้างจับตั๊กแตน” นั่นเอง

More than 100 police officers to arrest an unarmed man is surely using a sledgehammer to crack a nut.
ใช้กำลังตำรวจกว่าร้อยนายเข้าจับกุมชายไม่มีอาวุธเพียงคนเดียวเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนแน่ๆ

When in Rome, do as the Romans do. — เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม

When in Rome, do as the Romans do. หมายถึง การปฏิบัติตนให้เหมาะสมและเข้ากับสภาพแวดล้อมหรือสังคมที่เราอยู่ สำนวนภาษาอังกฤษนี้แปลตรงตัวว่า เมื่อคุณอยู่ในกรุงโรม จงทำตามที่ชาวโรมันทำ (do as the romans) ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า ”เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม

“Are you sure we should eat this with our hands?”
แน่ใจเหรอว่าพวกเราควรจะใช้มือกินอาหารพวกนี้

“Yes, of course. All of these people are eating it that way. When in Rome, do as the Romans do!”
ใช่สิ ทุกคนที่นี่เขาก็กินแบบนี้กันทั้งนั้น เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตามนะจ๊ะ

A needle in a haystack — งมเข็มในมหาสมุทร

A needle in a haystack หมายถึง การหาสิ่งของบางอย่างที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาเจอ โดยเฉพาะถ้าพื้นที่ที่ต้องการหานั้นมันใหญ่จนเกินไป เป็นการเปรียบเทียบกับการหาเข็มในกองฟางขนาดใหญ่ สำนวนภาษาอังกฤษนี้ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า ”งมเข็มในมหาสมุทร” ซึ่งมีความหมายว่า การทำในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก

Trying to find a lost child during the Mommy and Baby fair would be like searching for a needle in a haystack!
การพยายามตามหาเด็กหลงทางในงานแม่และเด็กนี่เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลย

(to) catch someone red-handed — จับได้คาหนังคาเขา

catch someone red-handed หมายถึง การจับใครคนหนึ่งได้ขณะที่เขากำลังทำผิดอยู่พอดี สำนวนภาษาอังกฤษนี้ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า ”จับได้คาหนังคาเขา” หมายถึง จับได้ขณะที่กำลังทำความผิดหรือจับได้พร้อมของกลา นั่นเอง

I tried to cheat on an final exam once, but I was caught red-handed by my professor.”
ฉันเคยโกงข้อสอบไฟนอลครั้งหนึ่ง แต่ฉันถูกอาจารย์จับได้คาหนังคาเขาเลย

Fine feathers make fine birds — ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง

Fine feathers make fine birds หมายถึง เสื้อผ้าที่สวยงามทำให้คนที่ใส่สวยงามและมีเสน่ห์ สำนวนภาษาอังกฤษนี้ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” หมายถึง การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ทำให้คนเราดูดีขึ้นมาได้ เปรียบได้กับขนที่อยู่บนตัวของไก่ ก็ทำให้ไก่ดูสวยงาม น่ามอง

I didn’t think James was that handsome until I saw him in a tuxedo. I guess it’s true what they say—fine feathers make fine birds.
ฉันไม่เคยคิดว่าเจมส์หล่อขนาดนั้นเลยจนกระทั่งฉันเห็นเขาในชุดทักซิโด มันคงจริงที่เขาบอกว่าไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง

All that glitters is not gold — ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง

All that glitters is not gold หมายถึง ไม่ใช่ทุกสิ่งที่ดูสวยงามสดใสและน่าดึงดูดใจนั้นจะมีค่าเสมอไป สำนวนภาษาอังกฤษนี้เปรียบว่า สิ่งที่มันดูแวววาว เช่น กากเพชร ถึงจะสวยงามแต่ก็ไม่ได้มีค่ามากมาย ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า “ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง” หมายถึง ของที่ดูสวยงามภายนอก แต่แท้จริงแล้วไม่ได้มีคุณค่าอย่างที่คิด

Remember, all that glitters is not gold, and you could end up regretting your purchase when the computer starts to turn faulty in a few weeks.
จำไว้เลยว่า ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง เธออาจจะต้องเสียใจที่ซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เมื่อถึงตอนที่มันจะเริ่มพังในอีกไม่กี่อาทิตย์

It takes two to tango — ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง

It takes two to tango หมายถึง คนสองคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากด้วยกัน บางครั้งต้องยอมรับการตำหนิไปด้วยกัน เพราะความผิดพลาดนั้นอาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากขาดคนใดคนหนึ่งไป สำนวนภาษาอังกฤษนี้กล่าวถึงการเต้นแทงโก้ที่ไม่สามารถเต้นคนเดียวได้ ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า “ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง” หมายถึง ทำสิ่งใดเพียงคนเดียวก็ไม่เกิดผล นั่นเอง

It takes two to tango, trade can be planned only by agreements with one’s trading partners.
ปรบมือข้างเดียวมันคงไม่ดังหรอก การค้าขายจะสามารถเกิดขึ้นได้ก็ต้องตกลงกับคู่ค้าให้ได้เท่านั้น

Out of frying pan into the fire — หนีเสือปะจระเข้

Out of frying pan into the fire หมายถึง หนีออกจากสถานการณ์ที่เลวร้ายแต่ต้องไปเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่า สำนวนภาษาอังกฤษนี้กล่าวถึง หนีออกจากกระทะทอดร้อนๆ แต่ก็ยังไปเจอกับกองไฟ ซึ่งตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า ”หนีเสือปะจระเข้” หมายถึง หลบหนีออกมาจากเหตุการณ์ร้ายหนึ่ง แต่ก็มาเจอกับเหตุการณ์ที่ร้ายยิ่งกว่า

Many kids who try to run away from bad parents discover that they’ve jumped out of the frying pan into the fire when they try to live on their own.
มีเด็กจำนวนมากหนีจากพ่อแม่ที่ไม่ดีออกมา พบว่ามันเหมือนการหนีเสือปะจระเข้เมื่อเด็กๆพวกนั้นต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง

Wall have ears — หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง

Wall have ears หมายถึง ระมัดระวังการพูดและการกระทำโดยเฉพาะสิ่งที่ควรเก็บเป็นความลับ ถึงแม้ว่าเราจะเก็บเป็นความลับแต่ก็อาจมีคนล่วงรู้ได้อยู่ดี สำนวนภาษาอังกฤษนี้ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า “หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง” หมายถึง ต่อให้คุณพูดความลับในห้องที่ปิดประตูหน้าต่างมิดชิด แต่ความลับก็อาจรั่วไหลออกมาได้อยู่ดี

Can I come to your company?
ฉันไปหาคุณที่บริษัทได้ไหม

We rather meet at the park. Wall have ears. Better be careful.
เจอกันที่สวนสาธารณะดีกว่านะ หน้าต่างมีหู ประตูมีช่องนะ ระวังไว้จะดีกว่า

Wash your dirty linen in public — อย่าสาวไส้ให้กากิน

Wash your dirty linen in public หมายถึง เปิดเผยเรื่องส่วนตัวหรือเอาความลับของตัวเอง ของเพื่อน หรือของญาติไปให้คนอื่นรู้ สำนวนภาษาอังกฤษนี้เปรียบการเอาผ้าสกปรกไปซักในที่สาธารณะ คนอื่นก็เห็นความสกปรกไปด้วย ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า ”สาวไส้ให้กากิน” หมายถึง เอาเรื่องส่วนตัวออกมาพูดในที่สาธารณะ

My father taught me not to wash my dirty linen in public. That’s the reason I only discuss my job issues with family.
พ่อของผมสอนว่าไม่เราไม่ควรสาวไส้ให้กากิน นี่เป็นเหตุผมว่าทำไมผมพูดเรื่องที่ทำงานเฉพาะกับคนในครอบครัวเท่านั้น

Speech is silver, but silence is golden — พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

Speech is silver, but silence is golden หมายถึง การไม่พูดอะไรเลยบางครั้งก็ดีกว่าการพูดมากเกินไปหรือพูดจาไม่เหมาะสม สำนวนนี้แปลได้ว่า คำพูดเหมือนดั่งเงิน แต่ความเงียบเหมือนดั่งทอง สำนวนภาษาอังกฤษนี้ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” หมายถึง เงียบเสียจะดีที่สุด การนำมาใช้ในประโยค อาจใช้ทั้งสำนวนหรือแค่ส่วนหลังอย่างเดียว “silence is golden” ก็ได้

Silence is golden when it comes to that argument.
ถ้าจะพูดถึงเรื่องนั้นล่ะก็ ขอให้เงียบไว้เสียจะดีที่สุดนะ

Too many cook spoil the broth — มากหมอก็มากความ

Too many cooks spoil the broth หมายถึง เมื่อคนหลายคนพยายามทำเรื่องเดียวกัน สุดท้ายผลลัพธ์อาจไม่ได้ดีเสมอไป สำนวนภาษาอังกฤษนี้แปลตรงตัวว่าถ้าใช้คนทำอาหารหลายคนก็ทำให้น้ำซุปเสียรสชาติได้ เพราะรสมือไม่เหมือนกัน ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า “มากหมอมากความ” หมายถึง ยิ่งมีทนายความหลายคนช่วยทำคดี ก็ยิ่งมีปัญหามาก

I need to solve this problem myself, sometimes too many cooks spoil the broth.
ผมจำเป็นต้องแก้ปัญหานี้เอง บางครั้งมากหมอก็มากความ

The wisest man may fall — สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง

The wisest man may fall หมายถึง คนที่ฉลาดที่สุดก็อาจล้มได้ สำนวนภาษาอังกฤษนี้ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า ”สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” หมายถึง คนฉลาดแค่ไหนก็อาจทำผิดพลาดได้

Although Alex have got the first class honor, but the wisest man may fall, he missed the job interview yesterday.
ถึงแม้ว่าอเล็กซ์จะได้เกียรตินิยมอันหนึ่ง แต่สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้งนะ เขาพลาดการสัมภาษณ์งานเมื่อวานนี้

A bad workman always blames his tools — รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง

A bad workman always blames his tools หมายถึง คนไม่มีความสามารถแต่กลับโทษคนอื่นๆหรือสิ่งอื่นๆ ทำให้งานนั้นไม่ประสบความสำเร็จ สำนวนภาษาอังกฤษนี้ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า “รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง” หมายถึง ทำออกมาได้ไม่ดี แต่กลับโทษคนอื่น เป็นการเปรียบว่า นางรำที่รำไม่ดี รำไม่สวย แต่กลับโทษปี่โทษกลองว่าเล่นเพลงไม่ดี เล่นเพลงไม่ตรงจังหวัง ทำให้ตัวเองรำได้สวย

The golf player blamed the rainy weather for his poor performance, but as they say, a bad workman blames his tools.
นักกอล์ฟโทษฟ้าฝนว่าเป็นสาเหตุทำให้เขาเล่นไม่ดี แต่ก็นั่นแหล่ะนะเค้าว่ากันว่า รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง

Time and tide wait for no man — เวลาไม่คอยใคร

Time and tide wait for no man หมายถึง ใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ดี ไม่เช่นนั้นอาจไม่ได้รับโอกาสแบบเดิมอีกเลย เพราะคำว่า no man แปลว่า ไม่มีใช่สำหรับใครเลย, ไม่มีใครเลย ดังนั้นเรายังสามารถดัดแปลงสำนวนี้เป็น time and tide won’t wait ได้อีกด้วย สำนวนภาษาอังกฤษนี้ตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า “น้ำขึ้นให้รีบตัก” หมายถึง เมื่อมีโอกาสให้รีบคว้าเอาไว้

Let’s buy the house now when the price is down; time and tide wait for no man, you know.
มาซื้อบ้านตอนมันลดราคาตอนนี้กันเถอะ น้ำขึ้นให้รีบตักนะรู้ไหม

สำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้กันบ่อยในชีวิตประจำวัน

สำนวนภาษาอังกฤษจะกลายเป็นกลุ่มคำหรือประโยคที่มีความหมายไม่ชัดเจนหากคุณแปลมันคำต่อคำ เพราะสำนวนถูกใช้อยู่เสมอในการสนทนาทั่วไป คุณจึงควรเรียนรู้สำนวนภาษาอังกฤษและควรจำมันให้ได้ การฝึกใช้สำนวนบ่อยๆในการสนทนาจะช่วยให้คุณจำสำนวนเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น และเข้าใจการสนทนาที่มีการใช้สำนวนได้ดีขึ้น

Wrap one’s mind around something — เข้าใจเกี่ยวกับ(บางอย่าง)

Wrap one’s mind around something หมายถึง สามารถเข้าใจบางอย่างที่แปลกประหลาดหรือซับซ้อนได้ เวลาพูดต้องใช้เป็นส่วนหนึ่งของประโยค เมื่อต้องการใช้สำนวนนี้ ต้องระบุว่าใครคือประธานของประโยค และเลือกใช้คำแสดงความเป็นเจ้าของ mind (จิตใจ/ความคิด) เช่น my mind, her mind, his mind เป็นต้น จากนั้นต้องระบุด้วยว่าเรื่องที่ต้องการทำความเข้าใจนั้นเป็นเรื่องใด เช่น this strange behaviour (พฤติกรรมไม่ปกตินี้) , the weird order of numbers (ลำดับตัวเลขแปลกๆ), this thing (สิ่งนี้) เป็นต้น

Aurora is willing to pay full price for a brandname handbag, but I just can’t wrap my head around that.
ออโรร่าตั้งใจจะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมในราคาเต็ม ฉันไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ

Judge a book by its cover — ตัดสินจากรูปร่างภายนอก

Judge a book by its cover หมายถึง ไม่ควรตัดสินสิ่งใดโดยอาศัยเพียงรูปลักษณ์ภายนอก คุณไม่ควรตัดสินใครหรือบางสิ่งโดยพิจารณาจากสิ่งที่คุณเห็นภายนอกหรือเฉพาะสิ่งที่คุณรับรู้โดยไม่รู้สถานการณ์ทั้งหมด คุณควรรอจนกว่าคุณจะรู้จักใครหรืออะไรที่ดีกว่านี้เสียก่อน แม้คำศัพท์ judge a book by จะหมายถึง การตัดสินหนังสือ ซึ่งเป็นสิ่งของ แต่สำนวนภาษาอังกฤษนี้ยังใช้กล่าวถึงรูปลักษณ์ภายนอกของบุคคลได้บ่อยครั้งอีกด้วย

This employee does not look very intelligent, but you can’t judge a book by its cover.
พนักงานคนนี้ดูไม่ฉลาดนัก แต่คุณไม่สามารถตัดสินหนังสือจากปกหนังสือได้หรอก

The best of both worlds — มีแต่ข้อดี

The best of both worlds หมายถึง ได้รับแต่ข้อดีจากสองสถานการณ์ที่แตกต่างกันและไม่มีข้อเสียเลย ใช้กล่าวเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกันสองเหตุการณ์ และผลลัพธ์ที่ได้จากทั้งสองเหตุการณ์นั้นก็เป็นผลดีต่อบุคคลนั้นๆ โดยไม่มีข้อเสียใดๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้สำนวนภาษาอังกฤษนี้กล่าวถึง สิ่งสองสิ่งที่ดีพอๆ กัน ได้อีกด้วย

She has the best of both worlds — a great education and a wonderful friend.
เธอมีสิ่งที่ดีที่สุดทั้งสองอย่างเลย – ทั้งได้รับการศึกษาที่ยอดเยี่ยมและมีเพื่อนที่ดี

Not only Pam gets to study abroad, her Au Pair Program also allows her to gets paid. It really is the best of both worlds.
นอกจากแพมจะได้ไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว โครงการออแพร์ของเธอยังช่วยให้เธอได้รับเงินจากการทำงานอีกด้วย เธอได้แต่สิ่งดีๆจริงๆนะ

(to) hit the books — เรียน, อ่านหนังสือ

hit the books หมายถึง ตั้งใจเรียน, การอ่านหนังสืออย่างจริงจัง เป็นสำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้กันโดยทั่วไปในกลุ่มนักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่ต้องเรียนหนังสืออย่างหนัก

Sorry but I can’t watch the game with you tonight, I have to hit the books. I have a huge exam next week!
ขอโทษด้วยนะ แต่คืนนี้ฉันคงไปดูการแข่งกีฬากับเธอไม่ได้ ฉันต้องอ่านหนังสือ เพราะฉันมีสอบใหญ่ในสัปดาห์หน้า

(to) hit the sack — เข้านอน

to hit the sack หมายถึง การเข้านอน, ไปนอน คุณสามารถใช้สำนวนภาษาอังกฤษนี้เพื่อบอกเพื่อนหรือครอบครัวของคุณว่าคุณเหนื่อยมากๆ คุณจะไปเข้านอนแล้ว นอกจากนี้ แทนที่จะพูดว่า hit the sack คุณยังสามารถพูดว่า hit the hay ได้เหมือนกัน

It’s time for me to hit the sack, I’m so tired.
ฉันได้เวลาเข้านอนแล้ว ฉันเหนื่อยมาก

(to) twist someone’s arm — โน้วน้าวใจ

To twist someone’s arm หมายถึง การบังคับหรือโน้มน้าวให้บุคคลทำสิ่งที่เขาไม่ได้ต้องการ ในภาษาอังกฤษหากคุณกล่าวว่าคุณสามารถ twist someone else’s arm ได้ ก็หมายถึงว่า คุณโน้วน้าวใจคนอื่นเก่ง และพวกเขายอมที่จะทำตามที่คุณบอก หรือหากคุณกล่าวว่า my arm has been twisted ก็แปลว่าใครบางคนพูดโน้วน้าวใจคุณให้ทำอะไรบางอย่างที่คุณไม่ได้ปรารถนาที่จะทำ

Jake, you should really come to the party tonight!
แจ็ค คุณควรมางานปาร์ตี้คืนนี้จริงๆ นะ

You know I can’t, I have to hit the books (study).
คุณก็รู้ว่าฉันไปไม่ได้ ฉันต้องอ่านหนังสือนะ

C’mon, you have to come! It’s going to be so much fun and there are going to be lots of girls there. Please come?
เอาน่า คุณต้องมานะ! งานนี้สนุกมากและยังมีสาวๆมาอีกเพียบ ได้โปรดมาเถอะนะ?

Pretty girls? Oh, all right, you’ve twisted my arm, I’ll come!
สาวๆสวยๆใช่ไหม? อ้า งั้นก็ได้นะ นายนี่โน้วน้าวใจฉันเก่งจริงๆ ฉันจะไป!

(to be) up in the air — ไม่แน่ไม่นอน

up in the air หมายถึง สิ่งนั้นไม่แน่นอนหรือไว้วางใจไม่ได้ ยังไม่มีการวางแผนที่แน่นอน ในภาษาอังกฤษเราจะได้ยินสำนวนนี้บ่อยครั้งเมื่อกล่าวถึงแผนการที่ยังไม่แน่นอน หรือไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน

Jen, have you set a date for the wedding yet?
เจน คุณได้เลือกวันแต่งงานแล้วหรือยัง?

Not exactly, things are still up in the air and we’re not sure if our families can make it on the day we wanted. Hopefully, we’ll know soon and we’ll let you know as soon as possible.
ยังเลยนะ หลายอย่างๆยังไม่แน่นอนและเรายังไม่แน่ใจว่าครอบครัวของเราว่างในวันที่เราต้องการหรือเปล่า หวังว่าเราจะตกลงกันได้เร็วๆนี้และเราจะบอกให้คุณทราบให้เร็วที่สุด

(to) stab someone in the back — หักหลัง ทรยศ

to stab someone in the back หมายถึง ทรยศ, หักหลัง สำนวนภาษาอังกฤษนี้มักกล่าวถึงการเสียความรู้สึกจากการถูกหักหลังโดยคนสนิท และทำลายความเชื่อใจที่พวกเขามีให้ ในภาษาอังกกฤษมีคำศัพท์เรียกคนที่หักหลังผู้อื่นว่า backstabber หมายถึง คนทรยศ

Did you hear that Sarah stabbed Kate in the back last week?
คุณได้ยินเรื่องที่ซาร่าหักหลังเคทเมื่ออาทิตย์ก่อนไหม?

No! I thought they were best friends, what did she do?
ไม่นะ! ฉันคิดว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกันเสียอีก ซาร่าทำอะไรเคทหรอ?

She told their boss that Kate wasn’t interested in a promotion at work and Sarah got it instead.
เธอบอกกับเจ้านายของพวกเธอว่าเคทไม่สนใจเรื่องการขึ้นตำแหน่งที่ทำงาน แล้วซาร่าเลยได้ขึ้นตำแหน่งแทนเลยน่ะสิ

Wow, she is such a backstabber! No wonder they’re not friends anymore.
โอ้โห เธอมันคนทรยศดีๆนี่เอง! มิน่าล่ะ พวกเขาเลยไม่ใช่เพื่อนกันแล้วตอนนี้

(to) lose your touch — หมดฝีมือ

to lose your touch หมายถึง การสูญเสียความสามารถหรือพรสวรรค์ที่เคยมี ความสามารถที่เคยมี ไม่ว่าเป็นเรื่องการรับมือกับส่ิงต่างๆ หรือความสามารถพิเศษที่เคยทำได้ดีก็ได้ สำนวนภาษาอังกฤษนี้ถูกใช้สำหรับคนที่มีความสามารถอะไรสักอย่าง แต่สามารถนั้นเริ่มแย่ลง ไม่เก่งเหมือนเดิม

I don’t understand why none of the girls here want to speak to me.
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะพูดกับฉัน

It looks like you’ve lost your touch with the ladies.
ดูเหมือนว่าคุณจะหมดฝีมือเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงนะ

Oh no, they used to love me, what happened?
โอ้ ไม่นะ สาวๆเคยชอบฉันมาก แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย?

(to) sit tight — รอก่อน, อย่าเพิ่งตัดสินใจ

To sit tight หมายถึง รอและยังไม่ตัดสินใจทำอะไรทั้งสิ้น เรามักได้ยินสำนวนภาษาอังกฤษนี้เมื่อบุคคลใดอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องตัดสินใจ หรืออยู่ในระหว่างขั้นตอนใด แต่ถูกบอกให้ sit tight คือ การบอกให้รอก่อน อย่าเพิ่งตัดสินใจทำอะไรทั้งสิ้นนั่นเอง

Mrs. Carter, do you have any idea when the exam results are going to come out?
คุณคาร์เตอร์ครับ คุณรู้ไหมว่าผลสอบจะออกเมื่อไร?

Who knows Johnny, sometimes they come out quickly but it could take some time. You’re just going to have to sit tight and wait.
ใครจะรู้ล่ะ จอร์นนี่ บางครั้งผลสอบก็ออกเร็ว แต่ยังไงมันก็ใช้เวลาสักพัก เธอต้องใจเย็นๆแล้วรอไปก่อน

(to) pitch in — ช่วยเหลือกัน

to pitch in หมายถึง การกระทำบางสิ่งบางอย่างด้วยกันหรือการเข้าร่วมร่วมกัน การใช้สำนวนภาษาอังกฤษนี้ไม่ค่อยซับซ้อน มักถูกใช้ตรงๆ ในสถานการณ์ใดๆ ก็ตามที่ต้องการให้กลุ่มคนทำสิ่งใดด้วยกัน

What are you going to buy Sally for her birthday?
คุณจะซื้ออะไรให้ซอลลี่ ในวันเกิดของเธอหรอ?

I don’t know. I don’t have much money.
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ค่อยมีเงิน

Maybe we can all pitch in and buy her something great.
ถ้างั้นเราลองมารวมเงินช่วยกันซื้อของขวัญดีๆสักอย่างให้เธอกันไหม

จากตัวอย่างสนทนาขัางบน แสดงให้เห็นว่า เพื่อนของซอลลี่ทุกๆคนควรร่วมลงเงินกันคนละเล็กละน้อยเพื่อที่พวกเขาจะซื้อของขวัญที่ใหญ่กว่าดีกว่าให้ซอลลี่ได้

(to) go cold turkey — เลิกหรือหยุดในทันที

to go cold turkey หมายถึง หยุดพฤติกรรมที่เคยทำเป็นนิสัยอย่างทันทีทันใด สำนวนภาษาอังกฤษนี้เริ่มใช้เมื่อสมัยปลายศตวรรษที่ 20 และหมายถึง คนที่เลิกเสพติดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ยาหรือแอลกอฮอล์ และได้รับผลข้างเคียงที่ทำให้ดูเหมือนไก่งวงที่ยังดิบและเย็น คือมีลักษณะผิวซีดขาวและขนลุกตลอดเวลา

Shall I get your mom a glass of wine?
ฉันควรรินไวน์ให้แม่ของคุณสักแก้วหนึ่งไหม?

No, she’s stopped drinking.
ไม่นะ แม่ฉันเลิกดื่มไวน์แล้วล่ะ

Really, why?
จริงหรอ ทำไมล่ะ?

I don’t know. A few months ago, she just announced one day she’s quitting drinking.
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ อยู่ดีๆเธอก็บอกว่าเธอเลิกดื่มแล้ว

She just quit cold turkey?
เธอเลิกไปกระทันหันเลยหรอ

Yes, just like that!
ใช่ แบบนั้นเลย

(to) face the music — เผชิญหน้ากับความจริง

to face the music หมายถึง เผชิญหน้าความจริงหรือยอมรับความจริง มักใช้สำนวนภาษาอังกฤษนี้เมื่อพูดถึงการยอมรับกับผลลัพท์ของการกระทำใดๆ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เมื่อบุคคลพยายามหลบหนีผลลัพธ์จากการกระทำของตัวเอง หรือไม่มั่นใจหรือกลัวผลลัพท์ที่จะเกิดจากการกระทำที่ต้องทำ

I can’t understand why I failed math.
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันสอบคณิตศาสตร์ไม่ผ่าน

You know you didn’t study hard, so you’re going to have to face the music and take the class again next semester if you really want to graduate when you do.
คุณก็รู้ว่าคุณไม่ตั้งใจเรียน เพราะฉะนั้นคุณต้องยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นและลงเรียนใหม่ในเทอมถัดไปถ้าคุณยังอยากจะเรียบจบตามกำหนด

(to be) on the ball — มีความเตรียมพร้อม

be on the ball หมายถึง มีการเตรียมพร้อม รับมือกับสถาณการณ์ได้อย่างรวดเร็ว สำนวนภาษาอังกฤษนี้ถูกใช้บ่อยเมื่อกล่าวถึงแผนการ หรือการเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ต่างๆ

Wow, you’ve already finished your assignments? They are not due until next week, you’re really on the ball. I wish I could be more organised.
ว้าว คุณทำการบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วหรอ? มีกำหนดส่งตั้งอาทิตย์หน้าเลยนะ คุณนี่เตรียมพร้อมดีจังนะ ฉันอยากจะเป็นคนที่มีระเบียบมากกว่านี้บ้างจัง

(to) ring a bell — คุ้นหู เคยได้ยิน

to ring a bell หมายถึง สิ่งที่คุ้นหู หรือเคยได้ยินมาก่อน เรามักได้ยินการใช้สำนวนภาษาอังกฤษบ่อยครั้งในการสนทนาที่กล่าวถึงสิ่งใดๆ ที่อาจเคยได้ยิน ได้รับรู้มาก่อนในอดึต

You’ve met my friend Amy Adams, right?
คุณเคยเจอเพื่อนของฉันที่ชื่อเอมี่ อดัมส์ ใช่ไหม?

Hmmm, I’m not sure, but that name rings a bell. Was she the one who went to Paris last year?
อืม ฉันไม่ค่อยแน่ใจนะ แต่ชื่อนี้คุ้นหูอยู่ ใช่คนที่ไปปารีสเมื่อปีที่แล้วหรือเปล่า?

Once in a blue moon — นานๆจะเกิดสักครั้ง

Once in a blue moon หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก หรือนานๆจะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง สุภาษิตภาษาอังกฤษนี้เปรียบเทียบการเกิดของสิ่งใดหรือเหตุการณ์ใดที่เกิดขึ้นยากเหมือนการเกิดพระจันทร์สีน้ำเงินที่เกิดขึ้นทุกๆ สองถึงสามปี คำศัพท์ Once หมายถึง ครั้งหนึ่ง ส่วนคำศัพท์ in a blue moon หมายถึง เมื่อมีพระจันทร์สีน้ำเงิน ดังนั้น Once in a blue moon จึงหมายถึง เกิดขึ้นหนึ่งครั้งในปรากฏการณ์พระจันทร์สีน้ำเงิน (in a blue moon)

She is not a very good roommate. She cleans the room once in a blue moon.
เธอไม่ใช่เพื่อนร่วมห้องที่ดีนัก นานๆครั้งถึงเธอทำความสะอาดห้องสักที

rule of thumb — กฏเกณฑ์ปากเปล่า เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป

rule of thumb หมายถึง กฏเกณฑ์ปากเปล่าที่เป็นที่รู้กันทั่วไป สำนวนภาษาอังกฤษนี้ไม่ได้หมายถึงกฏเกณฑ์ที่เป็นไปตามหลักกฏหมายหรือขึ้นอยู่กับหลักวิทยาศาสตร์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังกล่าวถึงหลักการทั่วไปที่ได้รับการปฏิบัติโดยคนส่วนใหญ่ได้อีกด้วย

As a rule of thumb, you should always pay for your date’s dinner.
โดยหลักการทั่วไป คุณควรเป็นคนจ่ายค่าอาหารเย็นให้กับคู่เดทของคุณนะ

Why? There’s no rule stating that!
ทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ? ไม่มีกฏข้อไหนกล่าวไว้เลย!

Yes, but it’s what all gentlemen do.
ก็ใช่ แต่มันคือสิ่งที่สุภาพบุรุษเขาทำกัน

(to be) under the weather — ไม่สบาย ไม่ปกติ

be under the weather หมายถึง รู้สึกป่วย บ่อยครั้งเราจะได้ยินสำนวนภาษาอังกฤษนี้กล่าวถึงอาการป่วยที่ไม่สาหัส แต่เป็นอาการเหนื่อยจากการเรียนอย่างหนัก หรือปวดหัวจากไข้หวัดก็ได้

She’s feeling a little under the weather so be quiet and let her rest.
เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ อย่าเสียงดังนะ ให้เธอได้พักผ่อน

(to) blow off steam — ระบายอารมณ์

blow off steam หมายถึง การระบายอารมณ์ สำนวนภาษาอังกฤษนี้เปรียบคนที่กำลังโกรธ เครียด หรือประสบกับความรู้สึกที่รุนแรงกับกาต้มน้ำที่ร้อนมากจนมีไอน้ำ (steam) ระบายออกมาจากกาต้มน้ำ

Why is Nick so angry and where did he go?
ทำไมนิคดูโกรธเคืองแบบนั้นแล้วเขาไปไหนเสียแล้วล่ะ?

He had a fight with his brother, so he went for a run to blow off his steam.
เขาทะเลาะกับน้องชายของเขา เขาเลยออกไปวิ่งเพื่อระบายอารมณ์น่ะ

(to) look like a million dollars/bucks — ดูดี ดูเป๊ะปัง

look like a million millions/bucks หมายถึง ดูดีมีสเน่ห์มากๆ มักได้ยินสำนวนภาษาอังกฤษเมื่อผู้ชายใช้ชมพวกผู้หญิงเสียมากกว่าผู้หญิงชมผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานเต้นรำ หรืองานแต่งงาน

Wow, Mary, you look like a million dollars this evening. I love your dress!
ว้าว แมรี่ คืนนี้คุณดูดีดูปังมากๆเลยนะ ฉันชอบเดรสของคุณมาก!

(to) cut to the chase — พูดประเด็นสำคัญ พูดเข้าเรื่อง

cut to the chase หมายถึง พูดประเด็นสำคัญ พูดใจความสำคัญ สำนวนภาษาอังกฤษนี้ถูกใช้ในสถานการณ์ที่คุณมีเวลาไม่เพียงพอที่จะพูดทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นคุณจะพูดเพียงประเด็นสำคัญ บอกจากนั้นยังใช้เพื่อบอกให้คนที่พูดยืดเยื้อ ให้พูดเข้าเรื่องไปเลย ไม่ต้องเล่ารายละเอียดแล้วได้อีกด้วย

Hi guys, as we don’t have much time here, so I’m going to cut to the chase. We’ve been having some major problems in the office lately.
สวัสดีทุกคน เนื่องจากว่าเราไม่มีเวลามากนัก ฉันจะเข้าเรื่องเลยละกัน ในช่วงระยะหลังมานี้ เรากำลังประสบกับปัญหาใหญ่ในที่ทำงานของเรา

(to) find your feet — ปรับตัว ทำตัวให้ชิน

to find your feet หมายถึง การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่แปลกไปจากเดิม เรามักได้ยินสำนวนนี้บ่อยครั้งเมื่อบุคคลต้องย้ายโรงเรียนหรือย้ายบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการย้ายไปอยู่ต่างประเทศที่มีสภาพแวดล้อมต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

Lee, how’s your son doing in America?
ลี ลูกของคุณใช้ชีวิตอยู่อเมริกาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?

He’s doing okay. He’s learned where the college is but is still finding his feet with everything else. I guess it’ll take time for him to get used to it all.
เขาสบายดี เขารู้ทางที่จะไปโรงเรียนแล้วล่ะ แต่ก็ยังต้องปรับตัวกับหลายๆอย่าง ฉันคิดว่าเขาคงใช้เวลาสักพักให้ชินกับทุกสิ่ง

(to) get over something — ทำใจได้แล้ว

to get over something หมายถึง ทำใจได้แล้ว หยุดรู้สึกไม่มีความสุขกับบางสิ่งบางอย่าง หรือไม่รู้สึกว่าถูกควบคุม หรือถูกรบกวนจากบางสิ่งบางอย่าง สำนวนภาษาอังกฤษนี้ได้ยินบ่อยครั้งในสถานการณ์ที่เคยทำให้คุณเศร้าหรือโกรธมาก เช่น การเลิกกันของคู่รัก การสูญเสียสิ่งที่เป็นที่รัก หรือการพ่ายแพ้การแข่งขัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้สำนวนนี้เพื่อบอกว่าหายจากอาการเจ็บไข้ได้อีกด้วย ก็จะหมายความว่าคุณหายดีแล้ว เมื่อใช้สำนวนนี้ ให้แทนคำศัพท์คำว่า something กับสิ่งที่เคยทำให้คุณไม่มีความสุขแทน

How’s Paula? Has she gotten over the death of her dog yet?
พอลล่าเป็นอย่างไรบ้าง? เธอทำใจที่หมาของเธอตายได้แล้วหรือยัง?

(to) keep your chin up — เข้มแข็งไว้

keep your chin up หมายถึง ให้ร่าเริงเข้าไว้แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก สำนวนภาษาอังกฤษนี้ใช้เพื่อให้กำลังใจคนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แย่ๆ ที่ให้เขาเศร้าหรือหดหู่

I’m sorry you lost your job. I hope you’ll find a new job soon. Keep your chin up buddy and don’t stress.
ฉันเสียใจด้วยนะที่คุณตกงาน ฉันหวังว่าคุณจะพบงานใหม่ในไม่ช้า เข้มแข็งไว้นะเพื่อน และอย่าเครียดมาก

Hang in there — อดทนเข้าไว้

Hang in there หมาบความว่า อดทนเข้าไว้ ใช้ให้กำลังใจบุคคลที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก สำนวนนี้มีความหมายเดียวกับการกล่าวให้กำลังใจในภาษาไทยว่า “สู้ๆ นะ” หรือ “สู้ต่อไปนะ” ซึ่งมักมีการแปลและใช้อย่างผิดๆ เป็นภาษาอังกฤษว่า Fighting นอกจากเราสามารถใช้ Hang in there สำหรับ “สู้ๆ นะ” เรายังสามารถใช้ Keep holding on และ Stay strong (เข้มแข็งเข้าไว้) ได้อีกด้วย

Hang in there! Help is on the way.
อดทนเข้าไว้นะ คนให้ความช่วยเหลือกำลังเดินทางมาช่วยคุณ

Keep holding on ’cause you know we will make it through. Just stay strong.
อดทนเข้าไว้ เพราะคุณก็รู้ว่าเราจะผ่านมันไปได้ แค่เข้มแข็งเข้าไว้

A piece of cake — ง่ายๆ

A piece of cake หมายถึง สิ่งที่ทำได้ง่าย สิ่งที่ทำให้สำเร็จได้อย่างง่ายดาย เป็นสุภาษิตที่มักจะได้ยินบ่อยไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันหรือหนังสือวรรณกรรมก็ตาม

We don’t think you will be disappointed. Because this test is really a piece of cake.
เราไม่คิดว่าคุณจะผิดหวังหรอก เพราะข้อสอบชุดนี้มันง่ายจะตายไป

speak of the devil — พูดถึงก็มาเลย

Speak of the devil หมายถึง เหตุการณ์ที่บุคคลที่เราเพิ่งเอ่ยถึงปรากฏตัวขึ้นทันทีหลังจากเราพูดชื่อเขาขึ้นมา สุภาษิตภาษาอังกฤษนี้มาจากประโยคเต็มที่ว่า Speak of the Devil and he will appear (กล่าวถึงมาร แล้วมันจะปรากฏตัว) เริ่มใช้ในอังกฤษในยุคกลางเพื่อเตือนสติไม่ให้เอ่ยชื่อมาร ซาตาน หรือลูซิเฟอร์

Anne: Jen, have you seen Alex? Boss wants to speak to him right now.
แอน: เจน เธอเห็นอเล็กซ์ไหมคะ? หัวหน้าต้องการพูดกับเขาตอนนี้เลยค่ะ

Alex: Hi, everyone. Sorry I’m late!
อเล็กซ์: สวัสดีครับทุกคน ขอโทษทีที่ผมมาสาย

Jen: Speak of the devil. Good luck Alex. Boss wants to talk to you.
เจน: พูดถึงก็มาเลย ขอให้โชคดีนะคะอเล็กซ์ เจ้านายต้องการพูดกับคุณล่ะ

Break a leg — ขอให้ทำผลงานได้ดี

Break a leg หมายถึง ขอให้ทำผลงานออกมาได้ดี ขอให้การแสดงประสบความสำเร็จ สำนวนภาษาอังกฤษนี้มาจากการแสดงบนเวทีในสมัยก่อนที่มักจะมีนักแสดงสำรองไว้ นักแสดงสำรองเหล่านี้จะได้ออกมาแสดงเมื่อนักแสดงตัวจริงไม่สามารถทำการแสดงได้เท่านั้น และนักแสดงสำรองมักจะไม่ได้รับเงินค่าจ้างจนกว่าจะได้รับโอกาสขึ้นแสดง การอวยพร Break a leg ที่แปลตรงๆว่า หักขา ใช้เพื่ออวยพรให้นักแสดงสำรองมีโอกาสได้แสดงและได้รับค่าจ้างนั่นเอง

Break a leg!” Nate said. Then Jennifer got up on the stage.
“ขอให้โชคดีนะครับ!” เน็ตบอก จากนั้นเจนนิเฟอร์ก็ขึ้นไปบนเวที

เมื่อคุณเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ หลังจากเรียนตัวอักษรอังกฤษและการอ่านตัวเลขภาษาอังกฤษ เรามักนึกถึงการเรียนคำนามภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่การเรียน Tenses ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากขึ้น หัวข้อที่น่าเรียนและไม่ยากเท่าไวยากรณ์คือ สำนวนภาษาอังกฤษ สำนวนในภาษาอังกฤษมีหลายสำนวนที่มีความหมายคล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกับสำนวนสุภาษิตไทย ผู้ที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษควรได้เรียนรู้สำนวนหรือวลีต่างๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะการฝึกพูดภาษาอังกฤษ ยิ่งผู้เรียนได้ฝึกพูดกับครูชาวต่างชาติ ก็จะยิ่งทำให้ผู้เรียนฝึกพูดได้เร็วขึ้น ช่วยให้การพูดของผู้เรียนดูเป็นธรรมชาติและใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากยิ่งขึ้นด้วย

อัพเดทล่าสุด: