100+ คำศัพท์ธุรกิจภาษาอังกฤษ (Business English) สำหรับทำธุรกิจ

หลายคนมักเข้าใจการเรียนภาษาอังกฤษกับติวเตอร์ภาษาอังกฤษเป็นการเรียนพิเศษสำหรับนักเรียน แต่ภาษาอังกฤษมีความสำคัญกับผู้ที่ต้องการทำงานในบริษัทต่างชาติที่ให้ค่าตอบแทนสูง เพราะเหตุนี้ในหลายมหาวิทยาลัยจึงมีหลักสูตรภาษาอังกฤษธุรกิจขึ้นมาโดยเฉพาะ นั่นก็คือ หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ B.A. (Business English)

อย่างไรก็ตามการเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น หากเราสามารถเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานให้ได้ผลเร็วและมีประสิทธิภาพ การต่อยอดทักษะการใช้ภาษาเฉพาะทางหรือภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจก็จะง่ายยิ่งขึ้น

คำศัพท์ทางธุรกิจในชีวิตประจำวัน

1. ASAP (เอแซพ) ย่อมาจาก As Soon As Possible (แอส ซูน แอส พอสซะเบิล):

การทำบางสิ่งบางอย่างอย่างรวดเร็วและเร่งด่วน

ตัวอย่าง

I need to submit the report ASAP so we can review it before the meeting tomorrow.
(ไอ นีด ทู ซับมิท เดอะ รีพอร์ท เอแซฟ โซ วี แคน รีวิว อิท บิฟอร์ เดอะ มีททิง ทูมอโร)
ฉันจำเป็นต้องส่งรายงานให้เร็วที่สุดเพื่อเราจะได้ทบทวนก่อนประชุมวันพรุ่งนี้

2. Backburner (แบคเบอเน่อะ):

การเลื่อนภาระงานหรือโครงการต่างๆไว้ก่อนระยะหนึ่ง

ตัวอย่าง

We’ve put this project on the backburner for now.
(วีฝ พุท ดีซ พรอเจ็ค ออน เดอะ แบคเบอเน่อะ ฟอร์ นาว)
สำหรับโครงการนี้เราจะเลื่อนออกไปก่อนในตอนนี้

3. Balls in the air (บอลส์ อิน ดิ แอร์):

เมื่อเรามีงานหรือความรับผิดชอบหลายอย่างที่ต้องจัดการในเวลาเดียวกัน แสดงว่าเรามี “Balls in the air” มากมาย

ตัวอย่าง

With the upcoming deadline and client meetings, I have a lot of balls in the air right now.
(วิธ เดอะ อัพคิมมิง เดดไลน์ แอนด์ ไคลเอิน มีททิงส์, ไอ แฮฝ เออะ ลอท ออฟ บอลส์ อิน ดิ แอร์ ไรท์ นาว)
ทั้งเส้นตายที่ใกล้เข้ามา ทั้งประชุมกับลูกค้า ตอนนี้ฉันมีงานให้สะสางเยอะจริงๆ

4. Too much on my plate (ทู่ มัช ออน มาย เพลท):

หมายถึง มีเรื่องที่ต้องทำหรือรับผิดชอบมากจนเกินไป จนรู้สึกหนักใจ

ตัวอย่าง

I can’t take on any more projects at the moment; I already have too much on my plate.
(ไอ แคนท์ เทค ออน แอนนี่ มอร์ พรอเจ็คส์ แอท เดอะ โมเมินท์, ไอ ออลเรดดี แฮฝ ทู่ มัช ออน มาย เพลท)
ตอนนี้ฉันทำโปรเจคอะไรเพิ่มไม่ได้แล้ว ฉันมีงานมากเกินไปแล้วล่ะ

5. Bandwidth (แบนด์วิชท์):

ความสามารถหรือความพร้อมของบุคคลในการทำงานหรือโครงการอื่นๆเพิ่มเติม ไม่ได้หมายถึงย่านความถี่ของวิทยุแต่อย่างใด

ตัวอย่าง

I’d love to help, but I don’t have the bandwidth right now.
(ไอด์ เลิฟ ทู เฮลพ์, บัท ไอ ดอนท์ แฮฝ เดอะ แบนด์วิทช์ ไรท์ นาว)
ฉันอยากจะช่วยนะ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมเลย

6. Boil the ocean (บอยล์ ดิ โอเชิน):

การทำภารกิจใดๆก็ตามด้วยความทะเยอทยานมากเกินไปก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ

ตัวอย่าง

Let’s focus on smaller goals instead of trying to boil the ocean with this project.
(เลทส์ โฟคัน ออน สมอลเลอะ โกลส์ อินสเทด ออฟ ทรายอิ่ง ทู บอยล์ ดิ โอเชิน วิธ ดิส พรอเจ็ค)
เรามามุ่งเน้นที่เป้าหมายเล็กๆดีกว่า แทนที่จะไปเสียเวลาลงทุนลงแรงกับโปรเจคนี้

7. Brain dump (เบรน ดัมพ์):

การเขียนแนวคิดในหัวเราที่มีมากมายลงบนกระดาษ แล้วจัดให้เป็นหมวดหมู่

ตัวอย่าง

I did a quick brain dump and came up with an awesome idea.
(ไอ ดิด เออ ควิค เบรน ดัมพ์ แอนด์ เคม อัพ วิธ แอน ออซัม ไอเดีย)
ฉันระดมความคิดอย่างรวดเร็ว และก็เกิดความคิดที่ยอดเยี่ยมขึ้น

8. Deliverables (ดิลิฟเวอเรเบิลส์):

ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ที่คาดหวังไว้จากโครงการหรืองานที่ทำ

ตัวอย่าง

What are our deliverables for this month?
(วอท อาร์ เอาเออะ ดิลิฟเวอเรเบิลส์ ฟอร์ ดิส มันธ์?)
ผลงานของเราเดือนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

9. Game changer (เกม เชนเจอะ):

หมายถึง บางสิ่งบางอย่างที่ส่งผลกระทบหรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อย่างมีนัยสำคัญ

ตัวอย่าง

This new organization tool I’m using is a game changer for me!
(ดิส นิว ออกะไนเซเชิน ทูล ไอม์ ยูซซิง อิส เออะ เกม เชนเจอะ ฟอร์ มี!)
เครื่องมือสำหรับจัดระเบียบใหม่นี้ สำหรับฉันแล้วมันพลิกเกมไปเลย

10. Good to go (กู้ด ทู โก):

เมื่อบางสิ่ง “good to go” แสดงว่าสิ่งนั้นพร้อมแล้ว

ตัวอย่าง

The proposal I’ve been working on is good to go for today’s presentation.
(เดอะ พระโพเซิล ไอฝ์ บีน เวิร์คคิง ออน อีส กู้ด ทู โก ฟอร์ ทะเดย์ส์ พรีเซนเทเชิน)
โครงงานที่ฉันทำอยู่ตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการนำเสนอวันนี้

11. Herding cats (เฮิรดดิง แคทส์):

สำนวนนี้ไม่ได้มีความหมายว่า มีคนต้อนแมวหลายสิบตัวในอพาร์ทเมนท์ แต่สื่อถึงวิธีการแปลกๆที่บอกว่าเรากำลังจัดการกับผู้คนหรือภาระงานที่ยากต่อการจัดการ

ตัวอย่าง

Coordinating the different departments’ schedules for this project feels like herding cats.
(โคออร์ดิเนททิง เดอะ ดิฟเฟอเรินท์ ดิพาร์ทเมินทส์ เชดดูลส์ ฟอร์ ดีซ พรอเจ็ค ฟีลส์ ไลค์ เฮิร์ดดิง แคทส์)
การประสานงานระหว่างตารางงานของแต่ละแผนกทำให้รู้สึกว่ายากเหมือนจับปูใส่กระด้ง

12. Run up the flagpole (รัน เดอะ แฟลกโพล):

หมายถึงการนำเสนอแนวคิด, โครงงานหรือแผนการเพื่อวัดความสนใจจากผู้อื่น เป็นต้น

ตัวอย่าง

I haven’t finished the project yet, because I still need to run it up the flagpole.
(ไอ แฮฝวึ่น ฟินนิชท์ เดอะ พรอเจ็ค เย็น, บิคอซ ไอ สทิล นีด ทู รัน อิท อัพ เดอะ แฟลกโพล)
ฉันยังทำโครงงานไม่เสร็จ เพราะยังฉันยังต้องนำเสนอไอเดียต่างๆอยู่ดูว่ามีใครสนใจไหม

13. Throw under the bus (โธร อันเดอะ เดอะ บัส):

สำนวนนี้เราอาจจะเคยได้ยินมาบ้างในบริบทอื่นๆ หมายถึงการเอาเปรียบหรือใส่ร้ายผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ

ตัวอย่าง

John tried to throw me under the bus by blaming me for the mistake during the presentation.
(จอห์น ไทรด์ ทู โธร มี อันเดอะ เดอะ บัส บาย เบลมมิง มี ฟอร์ เดอะ มิสเทค ดูริง เดอะ พรีเซนเทเชิน)
จอห์นพยายามจะโยนความผิดให้ฉัน โดยตำหนิฉันเรื่องความผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างการนำเสนอผลงาน

14. Micromanage (ไมโครแมนนิจ):

การบริหารจัดการแบบจู้จี้จุกจิก ลงรายละเอียดทุกขั้นตอน รวมถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆจนน่ารำคาญ หรือเป็นแนวทางการปฏิบัติงานที่ลงรายละเอียดมากจนเกินความจำเป็น

ตัวอย่าง

I’m so annoyed with Susan! She micromanages everything I do.
(ไอม์ โซ แอนนอยด์ วิธ ซูซาน! ชี ไมโครแมนนิจจิส เอฝรีทิง ไอ ดู)
ฉันรำคาญซูซานมาก! เธอจู้จี้กับงานทุกอย่างที่ฉันทำ

15. Let go (เล็ทโก):

คำนี้อาจจะเป็นคำที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคนทำงาน หากคุณถูก “let go(เลท โก) แสดงว่าคุณถูก “ไล่ออก” นั่นเอง

ตัวอย่าง

Have you heard? Jack was let go yesterday!
(แฮฝ ยู เฮิร์ด? แจ็ค เวิส เล็ก โกว เยสเทอะเดย์!)
คุณได้ยินรึยัง? แจ็คถูกไล่ออกเมื่อวานนี้!

16. Keep me in the loop (คีพ มี อิน เดอะ ลูพ):

เมื่อคุณบอกใครสักคนว่า “keep me in the loop(คีพ มี อิน เดอะ ลูพ) แปลว่าคุณต้องการให้เขาแจ้งความเคลื่อนไหวหรือข่าวสารใหม่ๆให้คุณทราบ เพราะคุณไม่อยากตกข่าว

ตัวอย่าง

Keep me in the loop! I want to know what’s going on between John and Susan!
(คีพ มี อิน เดอะ ลูพ! ไอ วอนท์ ทู โนว วอทส์ โกอิ่ง ออน บีทวีน จอห์น แอนด์ ซูซาน)
บอกให้ฉันรู้ด้วยนะ! ฉันอยากจะรู้ว่าเกิดะไรขึ้นระหว่างจอห์นกับซูซาน!

17. Workflow (เวิร์คโฟล):

ขั้นตอนการทำงานหรือลำดับงานที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดวิธีการต่างๆอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์

ตัวอย่าง

The workflow for this project is insane… I don’t know how I’ll finish it on time!
(เดอะ เวิร์คโฟล ฟอร์ ดิซ พรอเจ็ค อิส อินเซน…ไอ ดอนท์ โนว ฮาว ไอล์ ฟินนิช อิท ออน ไทม์!)
ลำดับงานของโปรเจคนี้มันบ้าบอมากเลย ฉันไม่รู้ว่าจะทำให้เสร็จตรงเวลาได้ยังไง!

คำศัพท์เกี่ยวกับการประชุมทางธุรกิจ

แม้ว่าเราจะใช้ภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่อาจจะเคยได้ยินบางสำนวนภาษาอังกฤษทางธุรกิจกันมาบ้างแล้ว ต่อไปนี้คือสำนวนสำคัญที่พบได้บ่อยๆในการประชุม เพื่อให้คุณเข้าประชุมได้อย่างมั่นใจ

1. Meeting agenda (มีททิง อะเจนดะ):

คือวาระการประชุมหรือแผนการประชุมที่กำหนดหัวข้อ วัตถุประสงค์และลำดับการอภิปรายสำหรับการประชุมหนึ่งๆ

2. Opening remarks(โอเพินนิง รีมาร์คส์):

คือ การกล่าวเปิดงานประชุม เป็นความคิดเห็นหรือคำแถลงการณ์ของสมาชิกในกลุ่มงาน โดยมีจุดประสงค์เพื่อแจ้งบริบทต่างๆ และแนะนำหัวข้อของการประชุม

3. Action plan (แอคเชิน แพลน):

คือ แผนปฏิบัติการทำงานที่ผ่านการวางแผนมาโดยละเอียด ระบุสิ่งที่จำเป็นต้องทำ โดยสรุปงานและกำหนดระยะเวลาไว้เพื่อให้งานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

4. Touch base (ทัช เบส):

คือ การติดต่อพูดคุยกันสั้นๆเพื่ออัพเดทข้อมูลข่าวสาร ไม่เกี่ยวกับกีฬาฮอกกี้แต่อย่างใด

5. Break the ice (เบรค ดิ ไอซ์):

เป็นอีกสำนวนที่ใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวันด้วย คือการละลายพฤติกรรมในการเริ่มต้นบทสนทนาหรือเริ่มการประชุมเพื่อให้สถานการณ์รู้สึกผ่อนคลาย

6. Get the ball rolling (เก็ท เดอะ บอล โรลลิง):

หมายถึง การเริ่มต้น หรือเริ่มดำเนินการ ในที่นี้หมายถึงการเริ่มประชุมนั่นเอง

7. Circle back (เซอร์เคิล แบค):

หมายถึง การหารือเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งอีกครั้งหนึ่งหรือกลับไปที่หัวข้อนั้นอีกครั้งในภายหลัง

8. Going forward (โกอิ่ง ฟอร์เวิร์ด):

เป็นสำนวนที่ใช้ในระหว่างการประชุมเพื่อเปลี่ยนหัวข้อหนึ่งไปยังอีกหัวข้อหนึ่ง

9. Think outside the box (ธิงค์ เอาท์ไซด์ เดอะ บ็อคซ์):

เป็นสำนวนยอดนิยมที่หมายถึง การคิดนอกกรอบ ในสภาพแวดล้อมการทำงานก็หมายถึงการคิดไอเดียหรือนวัตกรรมอะไรใหม่ๆได้

10. Win-win situation (วิน-วิน ซิซชุเอเชิน):

คือสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย หมายถึงผลลัพธ์หรือแนวทางการแก้ปัญหาเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง เหมือนกับทุกคนได้ชัยชนะด้วยกันนั่นเอง

11. Move the needle (มูฟ เดอะ นีดเดิล):

หมายถึงการสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน หากมีใครสามารถ “Move the needle” ได้แสดงว่าพวกเขาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อสถานการณ์นั้นๆได้

12. Take it offline (เทค อิท ออฟไลน์):

หมายถึง การคุยกันเรื่องนี้ภายหลังหรือคุยกันนอกรอบ เพื่อที่จะไม่ให้การประชุมเกินเวลาที่วางแผนไว้ ไม่ได้มีความหมายถึงการสนทนาแบบตัวต่อตัวแต่อย่างใด

13. Back to the drawing board (แบค ทู เดอะ ดรอวิง บอร์ด):

หมายถึง การกลับไปเริ่มต้นใหม่ หรือวางแผนกันใหม่ สาเหตุหลักมาจากมีบางสิ่งบางอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ หรือต้องมีการประเมินแผนกันใหม่

14. Trim the fat (ทริม เดอะ แฟท):

เป็นสำนวนติดตลก ที่หมายถึงการตัดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อให้บางสิ่งบางอย่างมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

15. On the same page (ออน เดอะ เซม เพจ):

แปลตรงตัวว่า “การอยู่ในหนังสือหน้าเดียวกัน” หมายถึง การที่มีความคิดเดียวกันหรือเข้าใจตรงกันนั่นเอง

16. Deep dive (ดีพ ไดฟ์):

หมายถึงเจาะลึกหรือศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

17. Ducks in a row (ดัคส์ อิน เออะ โรว์):

หมายถึงการเตรียมความพร้อมหรือจัดระเบียบทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนเริ่มงาน

18. On board (ออน บอร์ด):

หากเรา On board กับสิ่งไหน แสดงว่าเราเห็นด้วยกับสิ่งนั้น แต่ถ้าไม่เราก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้

19. Move the goalposts (มูฟ เดอะ โกลโพสท์ส):

หมายถึง การที่จู่ๆก็มีใครบางคนมาเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง เช่น วัตถุประสงค์, ขอบเขตการทำงานหรือข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆของงานเอาดื้อ

20. Park it (พาร์ค อิท):

หมายถึงการรอโครงการหรือเหตุการณ์สำคัญจนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากใครก็ตามที่มีส่วนรับผิดชอบนี้

21. Push the envelope (พุช เดอะ เอนวะโลพ) :

หมายถึง การก้าวข้ามขีดความสามารถหรือขีดจำกัดที่เราคิดว่าจะทำได้ หรือทำให้สุดความสามารถ

22. Drill down into (ดรีล ดาวน์ อินทู):

หมายถึง การวิเคราะห์เจาะลึกหรือตรวจสอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างละเอียด

23. Forward planning (ฟอร์เวิร์ด แพลนนิ่ง):

เป็นสำนวนที่ลองเดาดูก็พอจะทราบว่า หมายถึง การวางแผนล่วงหน้า ซึ่งเป็นกระบวนการในการคาดการณ์ความต้องการหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคตและเตรียมรับมือกับเหตุการณ์นั้นๆไว้

24. Silver bullet (ซิลเว่อะ บูลลิท) :

เป็นสำนวนที่หมายถึง วิธีการแก้ปัญหาที่ง่ายและรวดเร็ว ที่สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนหรือบรรลุเป้าหมายสำคัญๆได้

25. Cut corners (คัท คอร์เน่อะ) :

เป็นอีกสำนวนยอดนิยมในภาษาอังกฤษ หมายถึง การใช้ทางลัด โดยปกติมักจะทำเพื่อประหยัดทรัพยากร (เช่น เงินหรือเวลา) แต่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดเสมอไป

26. Call it a day (คอล อิท เออะ เดย์):

น่าจะเป็นประโยคที่ทุกคนรอคอยตลอดเวลาการประชุม เพราะมันมีความหมายว่าการประชุมสิ้นสุดลงแล้ว เย้!

27. Follow-up questions (ฟอลโล อัพ เควสเชิน):

คำถามที่ไว้ถามต่อ หรือคำถามติดตามผล คือคำถามเพิ่มเติมที่เราหรือเพื่อนร่วมทีมอาจจะมีหลังจากการประชุมในบางหัวข้อ มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงสิ่งต่างๆหรือหาข้อมูลเพิ่มเติม

28. Closing remarks (โคลสซิง รีมาร์คส์):

เป็นสำนวนตรงข้ามกับ Opening remarks (โอเพินนิง รีมาร์คส์) หมายถึง การพูดปิดท้ายการประชุม ซึ่งมักเป็นข้อคิดเห็นหรือคำแถลงการณ์ โดยปกติจะสรุปสิ่งที่อภิปรายกันในการประชุม

29. Wrap up (แรพ อัพ):

หมายถึง ทำให้จบ, ทำให้เสร็จ หากเรากำลัง Wrap up (แรพ อัพ)อยู่ หมายถึงเรากำลังทำบางสิ่งบางอย่างให้เสร็จสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงงานหรือการประชุม

นอกจากคำศัพท์ทางธุรกิจที่กล่าวไปแล้ว หากเราทำงานในบริษัทหรือองค์กร คงหนีไม่พ้นที่จะต้องติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นอยู่เสมอ การเรียนรู้และจดจำคำชมภาษาอังกฤษแบบต่างๆ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้อื่น เป็นวิธีกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้าของเราได้เป็นอย่างดี

คำศัพท์เกี่ยวกับการตลาด

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักที่ใช้สื่อสารกันทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นศัพท์เทคนิคเฉพาะอย่าง B2B, ROI, หรือ CTA ก็ถูกใช้กันแพร่หลายไปทั่วโลก และถ้าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด เราอาจจะสงสัยในความหมายของศัพท์เทคนิคเหล่านี้

คำศัพท์/ประโยคคำศัพท์ภาษาไทยความหมาย
B2B (Business to business)
(บีทูบี:บิซเนส ทู บิซเนส)
ธุรกิจ B2B (บิสเนส ทู บิสเนส)การทำธุรกิจระหว่างบริษัทสองบริษัท ไม่ใช่รูปแบบบริษัทกับบุคคล
Brand awareness
(แบรนด์ อะแวร์เนส)
การสร้างการรับรู้ของแบรนด์การบอกต่อหรือกระจายข่าวสารเกี่ยวกับตราสินค้าเพื่อให้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง โดยทั่วไปทำได้ผ่านทางโซเชียลมีเดียหรือกูเกิ้ล
Branding
(แบรนดิ้ง)
ตราสินค้าการสร้างภาพลักษณ์เฉพาะตัว เป็นที่น่าจดจำให้กับสินค้าหรือบริษัท (ทั้งแบบที่เป็นรูปลักษณ์จับต้องได้และความรู้สึกที่มองไม่เห็น)
Call to action (CTA)
(คอลทูแอคเชิน:ซีทีเอ)
เครื่องมือกระตุ้นการตัดสินใจปุ่ม,แบนเนอร์,กราฟฟิคหรือคำบนเว็บไซต์ที่กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจต่างๆ เช่น การสั่งซื้อ
Case study
(เคส สทัดดี)
กรณีศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ของใครบางคน รวมถึงประโยชน์ที่พวกเขาได้รับเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือการบริการ
Clickbait
(คลิ๊คเบท)
พาดหัวยั่วให้คลิกพาดหัวแบบเร้าใจเพื่อหลอกให้เราคลิกเข้าไปดูเพื่อหวังผลการตลาด แต่เมื่อคลิกไปดูกลับไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวัง
Cold calling
(โคลด์ คอลลิ่ง)
การโฆษณาทางโทรศัพท์การโทรหาลูกค้าที่ไม่เคยรู้จักแบรนด์ของเราเพื่อขายสินค้าหรือบริการ
Content marketing
(คอนเทนท์ มาร์คิททิง)
การทำตลาดเน้นเนื้อหาที่มีคุณค่าการทำตลาดให้กับแบรนด์ผ่านเนื้อหาที่เป็นลายลักษณ์อักษร เสียง หรือวิดิโอที่เป็นประโยชน์
Conversion rate
(คันเวอเชิน เรท)
สัดส่วนของผู้ที่ทำการตอบสนองต่อโฆษณากับผู้ซื้อจริงอัตราส่วนของผู้ชมที่เข้ามามีส่วนร่วมกับเว็บไซต์อย่างใดอย่างหนึ่ง (เช่น การซื้อสินค้าหรือสมัครสมาชิก)
Customer journey
(คัสเทิมเมอะ เจอร์นี)
เส้นทางของผู้บริโภคกระบวนการต่างๆที่ลูกค้าของเราทำก่อนที่ตัดสินใจซื้อสินค้า
Customer segmentation
(คัสเทิมเมอะ เซกเมินเทเชิน)
การแบ่งกลุ่มลูกค้าการแบ่งกลุ่มลูกค้าของเราตามลักษณะที่มีร่วมกัน
Going viral
(โกอิ้ง ไวเริล)
กระแสแพร่หลายอย่างรวดเร็ว, กระแสไวรัลเราจะกลายเป็นกระแสไวรัลเมื่อสิ่งที่เราโพสในโซเชียลมีเดียมีคนเขามาดูหรือมีส่วนร่วมเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
Influencer marketing
(อินฟลูเอินเซอร์ มาร์คิททิง)
การทำตลาดโดยใช้บุคคลมีชื่อเสียงการให้คนที่มีชื่อเสียงบนโซเชียลมีเดียมาโฆษณาให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือรีวิวแบรนด์ของเราให้กับผู้ติดตามของพวกเขา
Landing page
(แลนดิ้ง เพจ)
หน้าเว็บไซต์ที่คนเห็นหลังคลิกลิงค์หน้าเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์หรือข้อเสนออย่างเฉพาะเจาะจง และดึงดูดให้ผู้เข้าชมทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ดาวน์โหลดฟรี หรือซื้อสินค้า
Market research
(มาร์คิท รีเซิร์ช)
การวิจัยตลาดการรวบรวมข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจความต้องการของผู้ชมและค้นหาว่าคู่แข่งกำลังทำอะไรอยู่
Onboarding
(ออนบอร์ดดิง)
การเริ่มงานที่ใหม่กระบวนการที่ทำให้พนักงานใหม่ปรับตัวและพร้อมเริ่มงานอย่างรวดเร็ว หรือการเตรียมทุกอย่างเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อไม่ให้ลูกค้าใหม่รู้สึกสับสน
ROI (Return on investment)
(อาร์โอไอ:รีเทิร์น ออน อินเวสท์เมินท์)
ผลตอบแทนจากการลงทุนตัวชี้วัดที่คำนวณเพื่อให้ทราบว่าเงินที่ลงทุนไปสร้างผลกำไรได้มากขึ้นหรือไม่
SEO (Search Engine Optimization)
(เอสอีโอ:เซิร์ช เอนจิ้น ออพทิไมเซเชิ่น)
การทำการตลาดผ่าน Search EngineOptimizing a website or content to improve its visibility and ranking in search engine results.
Social media engagement
(โซเชิล มีเดีย เอนเกจเมินท์)
การมีส่วนร่วมกับแบรนด์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียการวัดว่าผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมกับเนื้อหาบนโซเชียลมีเดียของเราอย่างไร ผ่าน การกดไลค์, การแสดงความคิดเห็นและกดบันทึก
Target audience
(ทาร์กิท ออเดียนซ์)
ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายกลุ่มคนที่มีลักษณะคล้ายกันที่มีแนวโน้มที่สนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรามากที่สุด
Testimonials
(เทสทะโมเนียล)
การรีวิว, คำแนะนำแสดงถึงความพึงพอใจความคิดเห็นที่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือถูกบันทึกไว้ของผู้คนที่มีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรา
Unique selling proposition (USP)
(ยูนีค เซลลิ่ง พรอพพะซิสเชิน)
การสร้างจุดขายที่แตกต่างคุณสมบัติเฉพาะที่ทำให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราแตกต่างจากคู่แข่ง

คำศัพท์เกี่ยวกับการขาย

การขายคือเป้าหมายสูงสุดของทุกธุรกิจ ไม่ว่าเราจะทำงานให้กับบริษัท หรือทำธุรกิจของตัวเอง เราจำเป็นที่จะต้องใช้ทักษะการขายได้อย่างคล่องแคล่วเพื่อให้เราทำธุรกรรมต่างๆ กับลูกค้าได้ประสบผลสำเร็จ

คำศัพท์/ประโยคคำศัพท์ภาษาไทยความหมาย
Bargain
(บาร์เกน)
การเจรจาต่อรองการเจรจาต่อรองที่ฝ่ายหนึ่งอาจต้องยอมเสียผลประโยชน์บางอย่าง หรือได้ผลประโยชน์บางอย่างน้อยลง เพื่อให้อีกฝ่ายตกลงตามเงื่อนไขใดๆ เช่น การต่อรองลดราคา เป็นต้น
Buy in bulk
(บาย อิน บัลค์)
การซื้อสินค้าจำนวนมากการซื้อสินค้าชนิดเดียวกันในปริมาณมากๆ
Buyer
(บายเออะ)
ผู้ซื้อ, ผู้บริโภคบุคคลหรือบริษัทที่สั่งซื้อบางสิ่งบางอย่าง
Client
(ไคลเอินท์)
ลูกค้าคนที่ซื้อบริการของเรา
Close the sale
(โคลส เดอะ เซล)
ปิดการขายโน้มน้าวให้ใครบางคนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้สำเร็จ
Customer
(คัสเทิมเมอะ)
ลูกค้าบุคคลที่จ่ายเงินซื้อสินค้า
Good value for money
(กู้ด แวลลิว ฟอร์ มันนี)
คุ้มราคาผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลและคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
Invoice
(อินวอยซ์)
ใบแจ้งราคาสินค้าเอกสารที่แสดงรายละเอียดและราคาของผลิตภัณฑ์และบริการ
Negotiate
(นิโกชเอท)
การเจรจาต่อรองการพยายามในการบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายตามเงื่อนไขและราคา กล่าวคือต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ หรือเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่าย
Out of stock
(เอาท์ ออฟ สท็อค)
สินค้าหมดเมื่อสินค้าไม่พร้อมจำหน่ายชั่วคราว เรียกว่า สินค้าหมดสต๊อก
Pay in full
(เพย์ อิน ฟูล)
จ่ายเต็มราคาการชำระสินค้าและบริการทั้งหมดพร้อมกันทีเดียว
Payment by installments
(เพเมินท์ บาย อินสทอลเมินท์)
ผ่อนชำระแนวทางในการชำระค่าสินค้าในจำนวนที่น้อยกว่าปกติในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
Payment plan
(เพเมินท์ แพลน)
แผนการชำระเงินการตระเตรียมการชำระค่าสินค้าหรือบริการบางอย่างตามโครงสร้างและเวลาที่กำหนด
Prospect
(พรอสเพ็คท์)
ลูกค้าผู้มุ่งหวังผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของบริษัท และแสดงความสนใจหรือมีแนวโน้มที่จะสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท
Purchase
(เพอเชิส)
จัดซื้อการซื้อบางสิ่งบางอย่าง
Quote
(โควท)
การแจ้งราคาการแจ้งราคาประมาณของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์
Refund
(รีฟันด์)
การคืนเงินเงินที่ร้านค้าคืนให้กับลูกค้าสำหรับการคืนผลิตภัณฑ์หรือยกเลิกการบริการ
Retailer
(รีเทลเลอร์)
ผู้ค้าปลีกร้านค้าหรือธุรกิจที่ขายสินค้าให้กับลูกค้าโดยตรง
Sales pitch
(เซลส์ พิทช์)
การขายด้วยการโน้มน้าวการนำเสนอที่โน้มโน้าวให้ผู้อื่นซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรา
Seller
(เซลเล่อะ)
ผู้ขายบุคคลหรือบริษัทที่ขายของบางอย่าง
Sold out
(โซลด์ เอาท์)
ขายหมดเมื่อสินค้าหมด ร้านค้าก็ไม่เหลือสินค้าอีกต่อไป
Supplier
(ซัพพลายเออะ)
ผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบบริษัทที่จัดหาผลิตภัณฑ์ให้กับบริษัทอื่นซึ่งจะนำไปขายต่อให้กับลูกค้าของพวกเขาภายหลัง
Trial
(ไทรเอิล)
การทดลองใช้การทดลองใช้หรือทดสอบผลิตภัณฑ์หรือบริการก่อนตัดสินใจซื้อ
Wholesaler
(โฮลเซล)
ผู้ค้าส่งบริษัทที่ขายสินค้าในปริมาณมากๆให้กับผู้ค้าปลีก

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว คือ การสร้างความประทับใจให้กับคู่สนทนา นอกเหนือจากทักษะการโน้มน้าวใจแล้ว ทักษะการใช้ภาษาหรือคำศัพท์ที่น่าใช้เพื่อสร้างความประทับใจก็เป็นอีกเทคนิคที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้าของเราได้

คำศัพท์เกี่ยวกับการเงินและการบัญชี

คำศัพท์/ประโยคคำศัพท์ภาษาไทยความหมาย
Assets
(แอสเซท)
สินทรัพย์ทรัพยากรมีมูลค่าที่บุคคลหรือกิจการเป็นเจ้าของ หนี้สิน
Balance sheet
(แบลเลินซ์ ชีท)
งบดุลงบการเงินที่แสดงสินทรัพย์ หนี้สินและกรรมสิทธิ์หุ้นส่วนในบริษัท
Break-even point
(เบรค อีเวิน พอยท์)
จุดคุ้มทุนระดับการขายที่ธุรกิจไม่ทำกำไรหรือไม่ขาดทุน
Budget
(บัดเจท)
งบประมาณแผนการเงินสำหรับธุรกิจที่บอกว่าสามารถใช้เงินได้เท่าไหร่และใช้ไปในทิศทางไหน
Capital
(แคพพิเทิล)
เงินทุนเงินลงทุนในธุรกิจเพื่อการเริ่มต้นและทำให้ธุรกิจเติบโต
Cash flow
(แคช โฟล)
กระแสดเงินสดเงินในธุรกิจทั้งเงินเข้าและเงินออก
Depreciation
(ดีพรีชีเอเชิน)
ค่าเสื่อมราคามูลค่าของทรัพย์สินที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
Equity
(เอคควิที)
ส่วนของผู้ถือหุ้นมูลค่าของธุรกิจหลังจากหักหนี้สิน
Expenses
(อิคซ์เพนซเซส)
ค่าใช้จ่ายเงินที่ใข้จ่ายกับสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
Gross profit
(โกรส พรอฟฟิท)
กำไรขั้นต้นเงินคงเหลือหลังจากหักต้นทุนขายแล้ว
Income statement
(อินคัม สเททเมินท์)
งบกำไรขาดทุนรายงานทางการเงินที่แสดงรายได้ ค่าใช้จ่ายและกำไร
Inventory
(อินเวนทอรี)
รายการสินค้าผลิตภัณฑ์หรือสินค้าทั้งหมดที่ธุรกิจมีในสต็อก ซึ่งวางแผนที่จะขาย
Liabilities
(ไลอะบิลลิทีส์)
หนี้สินเงินที่ธุรกิจเป็นหนี้กับบุคคลอื่น (เช่น นักลงทุนหรือผู้มีส่วได้ส่วนเสีย)
Loss
(ลอส)
การขาดทุนเมื่อบริษัทใช้จ่ายมากกว่าที่พวกเขาหามาได้ เรียกว่า พวกเขาขาดทุน
Net profit
(เน็ต พรอฟฟิท)
กำไรสุทธิเงินคงเหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว
Revenue
(เรฟเวอะนิว)
รายได้เงินที่ธุรกิจที่ได้จากการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ

คำศัพท์เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล (HR)

คำเรียกอาชีพภาษาอังกฤษ Human resources ย่อว่า HR แปลว่า เจ้าหน้าที่แผนกทรัพยากรบุคคล หรือเจ้าหน้าที่งานฝ่ายบุคคล บ่อยครั้งพนักงานปกติจะได้ยินเจ้าหน้าที่ HR พูดคำศัพท์ที่เราไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็น “Broadbanding(บอร์ดแบนดิ่ง) หรือ “Confidentiality agreement(คอนฟิเดินชิอัลลิที อะกรีเมินท์)

การรู้ศัพท์เทคนิคเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในหลายๆสถานการณ์ เช่น การเซ็นสัญญาจ้างงานหรือการออกจากงาน เป็นต้น ต่อไปนี้คือรายการคำศัพท์เกี่ยวกับฝ่ายบุคคลที่เราควรรู้

คำศัพท์/ประโยคคำศัพท์ภาษาไทยความหมาย
Applicant tracking system (ATS)
(แอพพิลเคินท์ แทรคคิง ซิสเทิม)
ระบบติดตามผู้สมัครระบบที่ช่วยให้ผู้จัดหางานติดตามใบสมัครงานที่พวกเขาได้รับทั้งหมด
Behavioral competency
(บิเฮฟวิเออเริล คอมพิเทินซี)
สมรรถนะเชิงพฤติกรรมทักษะและคุณสมบัติที่มีส่วนช่วยให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิผล
Benchmarking
(เบนช์มาร์คคิง)
การเปรียบเทียบกับองค์ที่ทำได้ดีกว่าการเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของผู้อื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันเพื่อช่วยในปรับปรุงองค์กร
Broadbanding
(บอร์ดแบนดิ่ง)
โครงสร้างเงินเดือนแบบช่วงกว้างการรวมระดับตำแหน่งงานหลายๆระดับเข้าไว้ด้วยกันในช่วงที่ค่าจ้างที่กว้างขึ้น
Confidentiality agreement
(คอนฟิเดินชิอัลลิที อะกรีเมินท์)
ข้อตกลงการรักษาความลับข้อตกลงที่ให้พนักงานลงนามเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาใช้ข้อมูลที่เป็นความลับอันเป็นส่วนหนึ่งของงาน นอกเหนือจากความรับผิดชอบของพวกเขา
Exit interview
(เอคซิท อินเทอวิว)
การสัมภาษณ์หลังพนักงานลาออกการสัมภาษณ์ที่มีขึ้นเมื่อพนักงานลาออก เพื่อรวบรวมคำติชมและข้อมูลเชิงลึก
Gross misconduct
(โกรส มิสคอนดัคท์)
การประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้ในที่ทำงานและจำเป็นต้องได้รับการลงโทษด้วยการเลิกจ้างทันที
Job description
(จอบ ดิสคริพเชิน)
คำบรรยายลักษณะงานคำอธิบายที่แสดงรายละเอียดงานทุกอย่างที่ควรทำในงานใดงานหนึ่ง ซึ่งมักจะเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศรับสมัครงาน
Key performance indicators (KPIs)
(คีย์ เพอฟอมเมินซ์ อินดิเคเทอะ : เคพีไอส์)
ตัวชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงานKPIs เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดว่าฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีส่วนช่วยในความสำเร็จของบริษัทอย่างไร
Onboarding
(ออนบอร์ดดิง)
การต้อนรับและดูแลพนักงานใหม่กระบวนการให้ความรู้พนักงานใหม่ และทำให้พวกเขาเป็นสมาชิกในทีมที่ทำงานได้เต็มศักยภาพ
Orientation
(โอริเอนเทเชิน)
ปฐมนิเทศวันแรกของการทำงานสำหรับพนักงานใหม่ ซึ่งรวมถึงการเยี่ยมชมสำนักงานและการประชุมอีกสองสามครั้งเพื่ออธิบายลักษณะงาน
Recruitment
(รีครูทเมินท์)
การรับสมัครกระบวนการหาพนักงานใหม่มาทำงานที่บริษัท
Succession planning
(ซัคเซสเชิน แพลนนิง)
การวางแผนหาผู้สืบทอดตำแหน่งการระบุและเตรียมผู้สมัครที่มีศักยภาพสำหรับบทบาทสำคัญในอนาคต
Talent management
(แทลเลินท์ แมนนิจเมินท์)
การบริหารจัดการคนเก่งการบ่มเพาะและพัฒนาทักษะและศักยภาพของพนักงาน

หากเราทำงานในแผนกบริหารงานบุคคล คงหลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษหรืออ่านจดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษไม่ได้ ดังนั้นหากเรามีการเตรียมคำถามในการสัมภาษณ์ที่เหมาะสมและเรียนรู้การทักษะการใช้ภาษาสำหรับการสัมภาษณ์งานก็จะทำให้เรามึความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น

ศัพท์เฉพาะทางกฏหมายและความหมาย

ด้วยเหตุผลบางประการ ภาษากฎหมายของบริษัทมักฟังดูน่ากลัวสำหรับพวกเราที่ไม่ได้เชี่ยวชาญกฎหมายธุรกิจ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ฟรีแลนซ์ ผู้ประกอบการหรือเจ้าของกิจการจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับศัพท์เทคนิคทางกฎหมายพื้นฐานเหล่านี้

การรู้ศัพท์เทคนิคเหล่านี้นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการลงนามในสัญญาและข้อตกลงต่างๆ การเจรจาต่อรองหรือการจัดการประเด็นทางกฎหมายมากมาย

คำศัพท์/ประโยคคำศัพท์ภาษาไทยควาหมาย
Agreement
(อะกรีเมินท์)
ข้อตกลง, สัญญาความเข้าใจระหว่างสองฝ่ายขึ้นไป มักจะมีการบันทึกไว้ในสัญญา
Appendix
(อะเพนดิคซ์)
ภาคผนวกส่วนเพิ่มเติมของสัญญาที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
Breach of contract
(บรีช ออฟ คอนแทรค)
การละเมิดสัญญาเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ตกลงไว้ในสัญญาที่ลงนามร่วมกัน
Clause
(คลอส)
มาตรา, ข้อกำหนดส่วนในสัญญษที่กล่าวถึงปัญหาเฉพาะเจาะจง
Contract
(คอนแทรค)
สัญญาเอกสารที่มีการสรุปข้อตกลงระหว่างสองฝ่ายโดยละเอียด
Copyright
(คอพพีไรท์)
ลิขสิทธิ์สิทธิ์ตามกฎหมายแต่เพียงผู้เดียวที่มอบให้แก่ผู้สร้างผลงานต้นฉบับ เพื่อปกป้องผลงานจาการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต
Fail to comply
(เฟล ทู คัมไพล)
ไม่ปฏิบัติตามไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาที่ลงนาม
Fine print
(ไฟน์ พรินท์)
หนังสือเล็กๆด้านล่างสัญญาหรือเอกสารข้อความเล็กๆ โดยปกติจะอยู่ด้านล่างของเอกสารหรือสัญญาที่มีข้อมูลสำคัญ
Intellectual property
(อินทะเล็คชวล พรอพเพอที)
ทรัพย์สินทางปัญญาการสร้างสรรค์ผลงานทางความคิด เช่น การคิดค้น, การออกแบบ, ผลงานศิลปะ ที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
Legal dispute
(ลีเกิล ดิสพิวท์)
ข้อพิพาททางกฎหมายความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายที่ต้องมีการแทรกแซงทางกฎหมาย
Legal expert
(ลีเกิล เอคซ์เพิร์ท)
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายบุคคลที่รู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกฎหมาย และสามารถให้คำแนะนำผู้ที่ไม่มีความรู้ทางกฎหมายได้
Legally binding
(ลีเกิลลี ไบน์ดิง)
มีผลผูกพันทางกฎหมายเมื่อสิ่งใดมีผลผูกพันทางกฎหมาย สิ่งนั้นก็สามารถบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย
Null and void
(นับ แอนด์ วอยด์)
โมฆะหมายถึงสัญญาที่ถูกพิจารณาว่าไม่ถูกต้องและไม่มีผลทางกฎหมาย
Party
(พาร์ทที)
คู่กรณีบุคคลหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสัญญาหรือข้อพิพาททางกฎหมาย
Terminate a contract
(เทอมะเนท เออะ คอนแทรค)
ยกเลิกสัญญาให้สัญญาสิ้นสุดก่อนวันที่สัญญาจะแล้วเสร็จ
Terms
(เทอมส์)
เงื่อนไขข้อกำหนดที่ตกลงกันเมื่อลงนามในสัญญา
Trademark
(เทรดมาร์ค)
เครื่องหมายการค้าสัญลักษณ์ คำ วลีหรือโลโก้ที่จดทะเบียนตามกฎหมายใช้เพื่อระบุตราสินค้าหรือผลิตภัณฑ์

อีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้สำหรับการใช้ภาษาอังกษแบบธุรกิจ คือ บอกลำดับที่ภาษาอังกฤษและวันที่ภาษาอังกฤษไม่ว่าจะทำงานในตำแหน่งใด การบอกลำดับที่หรือวันที่อย่างได้อย่างถูกต้อง จะช่วยป้องกันความผิดพลาดที่เกิดจากการสื่อสารได้

รู้จักคำศัพท์ธุรกิจที่คล้ายกัน เพื่อป้องกันความสับสน

แม้ว่าเราจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง แต่ก็มีคำศัพท์บางคำที่ใช้กันอยู่ทั่วไปที่ทำให้เราสับสนได้

Client (ไคลเอิน) vs. customer (คัสเทิมเมอะ)

คำว่า Client (ไคลเอิน) คือ บุคคลที่ซื้อบริการ ส่วนคำว่า customer (คัสเทิมเมอะ) คือ บุคคลที่ซื้อสินค้า

Collaboration (คะแลบบะเรเชิน) vs. Cooperation (โคออพเพอเรเชิน)

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะใช้สองคำนี้แทนกันได้ แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้างระหว่างสองคำนี้

คำว่า Cooperation (โคออพเพอเรเชิน) หมายถึงการที่เราทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อบรรลุเป้าหมายของเราเอง ส่วนคำว่า Collaboration (คะแลบบะเรเชิน) นั้นคือการที่เราทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน

Market share (มาร์คคิท แชร์) vs. Market penetration (มาร์คคิท เพนนิเทรเชิน)

สองคำนี้พูดถึงสัดส่วนทางการตลาดที่บริษัทอ้างถึงเหมือนกัน แต่ใช้วัดสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนกัน

คำว่า Market penetration (มาร์คคิท เพนนิเทรเชิน) นั้นเป็นอัตราส่วนของกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดที่บริษัทขายของได้ แต่ Market share (มาร์คคิท แชร์) นั้นหมายถึงสัดส่วนของของกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดที่ซื้อสินค้าของบริษัท

Revenue (เรฟวะนิว) vs. Profit (พรอฟฟิท)

ทั้งสองคำนี้ไม่สามารถใช้แทนกันได้ คำว่า Revenue (เรฟวะนิว) นั้นเป็นรายได้ทั้งหมดที่ธุรกิจสร้างขึ้นจากการดำเนินงาน ส่วนคำว่า Profit (พรอฟฟิท) นั้นเป็นรายได้ที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องเผชิญเพื่อสร้างรายได้ (Revenue) ในตอนแรก

Marketing (มาร์คิททิง) vs. Advertising (แอดเวอไทซิง)

สองคำนี้มักก่อให้เกิดความสับสนไม่น้อย เพราะมีความหมายหมายทับซ้อนกัน กล่าวคือคำว่า Advertising (แอดเวอไทซิง) นับเป็นส่วนหนึ่งของการ Marketing (มาร์คิททิง)

คำว่า Marketing (มาร์คิททิง) เป็นการโปรโมทตราสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของเราไปยังผู้รับสาร ส่วน Advertising (แอดเวอไทซิง) นั้น เป็นวิธีการชำระเงินเพื่อให้เนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง (เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหรือกูเกิ้ล) เข้าไปถึงกลุ่มเป้าหมายของเรา

การใช้ภาษาอังกฤษเชิงธุรกิจนับว่าเป็นการใช้ภาษาอังกฤษในระดับที่เป็นทางการ มีความซับซ้อนกว่าการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เราจึงต้องระมัดระวังในการใช้คำศัพท์ที่ไม่ถูกต้องที่ทำให้การสื่อสารผิดพลาด หรือหรือบางครั้งอาจมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เราอาจใช้ผิดโดยไม่รู้ตัว เราจึงต้องหมั่นเรียนรู้และฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษอยู่เสมอ

แบบฝึกหัดภาษาอังกฤษธุรกิจ

อัพเดทล่าสุด: