in, on, at บอกสถานที่ในภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง

หากต้องการบอกว่า “ฉันอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี” หรือ “ฉันอยู่ที่กรุงเทพฯ” เป็นต้น คุณจะเลือกใช้ at หรือ in ดี?
พูดตามตรงแล้ว ทั้ง in/at ต่างก็เป็นคำบุพบท หรือ preposition ที่พบได้บ่อยๆเมื่อต้องใช้กับสถานที่ วันนี้เรามีวิธีจำการใช้งานง่ายๆของคำศัพท์ 2 ตัวนี้ และแถมด้วย on มาฝากกัน

at

“สถานที่เล็กๆ ที่ใดที่หนึ่ง ตำแหน่งที่ค่อนข้างชัดเจน”

เช่น บ้านของตนเอง บ้านเพื่อน บ้านเลขที่ ห้าง โรงเรียน มหาวิทยาลัย ห้องสมุด เป็นต้น

Chulalongkorn University is at 254 Phayathai Road, Pathumwan, Bangkok 10330.
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ที่ เลขที่ 254 ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

She studies at Chulalongkorn University.
เธอเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

I’m going to read books at the library.
ฉันกำลังจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด

in

“สถานที่ที่กว้างออกไป หรือสถานที่ที่มีสถานที่ย่อยๆหลายอย่างรวมกัน”

เช่น เขต แขวง หมู่บ้าน ตำบล จังหวัด ประเทศ ทวีป โลก เป็นต้น

Chulalongkorn University is in Pathumwan district.
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่ในเขตปทุม

She studies in Bangkok.
เธอเรียนในกรุงเทพฯ

He lives in America.
เขาอาศัยอยู่ที่อเมริกา

on

“สถานที่ที่เป็นเกาะ ติดทะเล ใกล้ทะเล เป็นต้น”

I live on the island.
ฉันอาศัยอยู่บนเกาะ

ข้อควรระวัง เมื่อพูดถึง “ทะเล” บางครั้งสามารถใช้ได้ทั้ง at และ on แต่ความหมายก็จะต่างกันออกไป

Let’s meet at the beach.
ไปเจอกันที่ชายหาดนะ

ใช้ at มีความหมายถึงบริเวณของชายหาด ส่วนไหนก็ตาม อาจจะเป็น ที่จอดรถ ทางเดิน เป็นต้น

Let’s meet on the beach.
ไปเจอกันบนชายหาดนะ

ใช้ on หมายถึงบริเวณผืนทรายบนชายหาดเลย

หรือในอีกกรณี หากจังหวัด/เมืองที่เราอาศัยอยู่นั้นเป็นเกาะ เช่น ภูเก็ต สมุย เป็นต้น การเลือกใช้ on, in จะขึ้นอยู่กับว่าเราเน้นไปที่ส่วนไหนของของพื้นที่ โดยเราใช้ on เมื่อเราต้องการเน้นว่าสถานที่นั้นเป็น เกาะ เช่น

I live on Phuket.
ฉันอาศัยอยู่บนเกาะภูเก็ต

เมื่อเราใช้ in เราจึงเน้นไปที่ชื่อของสถานที่นั้นมากกว่า เช่น

I live in Phuket.
ฉันอาศัยอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต

จะเห็นว่า คำบุพบทอย่าง in/at/on ที่ฟังดูง่าย แค่ ใน/ที่/บน แต่ที่จริงแล้วก็มีการใช้งานที่มากกว่านั้น การเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อเริ่มเรียนแกรมม่าหรือไวยากรณ์แล้วหลายคนอาจจะเบื่อหรือส่ายหน้าหนี แต่การเรียนภาษาก็ต้องมาคู่กับไวยากรณ์ เพื่อที่จะสามารถนำความรู้ที่มีไปต่อยอด หรือไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์อื่นๆได้ และนี่คือสิ่งเล็กๆน้อยๆในภาษาอังกฤษที่ช่วยให้คุณเรียนภาษาอังกฤษและนำไปใช้ได้เข้าใจมากขึ้น

อัพเดทล่าสุด: