บอก/ถามอาการป่วยภาษาอังกฤษ โรคภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่าน ใบลาป่วย
บทความนี้เราจะเรียนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอาการป่วยภาษาอังกฤษ คำศัพท์ที่ควรรู้เมื่อไปโรงพยาบาล วิธีเรียกใบลาป่วยภาษาอังกฤษ ใบรับรองแพทย์ภาษาอังกฤษ รวมถึงสำนวนที่บอกว่าไม่สบายในภาษาอังกฤษอีกด้วย
ฉันรู้สึกไม่สบาย ภาษาอังกฤษ
เราสามารถบอกว่า ไม่สบาย เป็นภาษาอังกฤษ ได้หลายวิธี ดังต่อไปนี้
- I’m feeling sick.
(แอม ฟิลลิ่ง ซิกค์)
ฉันรู้สึกป่วย - I’m unwell.
(แอม อันเวล)
ฉันไม่สบาย/รู้สึกไม่ดี - I’m feeling poorly.
(แอม ฟิลลิ่ง พัวลี่)
ฉันรู้สึกไม่สบาย - I think I caught a bug.
(ไอ ธิ๊งค์ ไอ ค็อท อะ บั๊ก)
ฉันคิดว่าฉันติดหวัดมา
ประโยค caught a bug (ค็อท อะ บั๊ก) เมื่อใช้บอกอาการป่วยด้วยการติดเชื้อไวรัสหรือแบ็คทีเรียในภาษาอังกฤษ โดยอาจจะหมายความว่าติดไข้หวัด a cold (อะ โคลด์) หรือไข้หวัดใหญ่ a flu (อะ ฟลู) ก็ได้
การบอกว่าป่วยหรือไม่สบายในภาษาอังกฤษจะไม่ระบุว่าว่ามีอาการอะไร หรือเป็นโรคอะไร เหมือนกับการบอกอาการป่วยภาษาจีนและการบอกว่าไม่สบายภาษาญี่ปุ่น ที่เราจะรู้แค่ว่าผู้พูดไม่สบาย แต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร
ถามอาการป่วยภาษาอังกฤษ
ในภาษาอังกฤษมีวิธีถามอาการป่วยเป็นภาษาอังกฤษดังต่อไปนี้
- How are you feeling?
(ฮาว อาร์ ยู ฟิลลิ่ง)
คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง - Is everything okay?
(อีส เอฟวรี่ติง โอเค๊)
ทุกอย่างโอเคดีไหม - How’s your…?
(ฮาวส์ ยัวร์…)
อาการ…ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง
การใช้ประโยค How’s your…? ให้เติมชื่อโรค หรือส่วนของร่างกายที่ไม่สบาย ตัวอย่างเช่น
How’s your flu?
(ฮาวส์ ยัวร์ ฟลู)
ไข้หวัดใหญ่ของคุณเป็นยังไงบ้าง (หายจากไข้หวัดใหญ่หรือยัง)
How’s your arm? Is it still hurt?
(ฮาวส์ ยัวร์ อาร์ม) (อีส อิท สติล เฮิร์ท)
แขนของคุณเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม
อาการเจ็บป่วยภาษาอังกฤษ
อาการเจ็บป่วยภาษาไทย | ชื่อโรคภาษาอังกฤษ | คำอ่าน |
---|---|---|
ไอ | Cough | คัฟ |
เจ็บคอ | Sore throat | ซอ ทร์อต |
ปวดหัว | Headache | เฮ็ดเอ่ค |
เป็นลม | faint pass out | เฟ้นท์ พาส เอ้าท์ |
เวียนหัว | dizzy | ดิซซี่ |
ไม่รู้สึกตัว, หมดสติ | unconscious | อันคอนเชียส |
อาเจียร | vomiting | โวมิตติ้ง |
ผื่น, ผื่นคัน | Rash | แร่ช |
เบื่ออาหาร, ไม่อยากอาหาร | no appetite | โนว อัพเพอะไทท์ |
ท้องเสีย | diarrhoea, diarrhea | ไดอาเรีย, ไดอาเรีย |
ปวดท้อง | stomachache | สต็อมแม็คเอ่ค |
ท้องผูก | constipated | คอนสติเพเต็ด |
หนาวสั่น | shivering | ชิ่พเวอริ่ว |
มีไข้ | feverish | ฟีเว่อร์ริช |
เจ็บหน้าอก, แน่นหน้าอก | chest pain | เชสต์ เพน |
อ่อนเพลีย | weak | วีค |
โรงพยาบาลภาษาอังกฤษ
เมื่อเราพอจะจำชื่อโรคได้แล้ว หากอาการป่วยหนักจนต้องพบหมอ doctor (ด๊อกเตอร์) ที่โรงพยาบาล hospital (ฮอสพิตอล)
- Hospital
(ฮอสพิตอล)
โรงพยาบาล - I want to go to the hospital.
(ไอ ว้อนท์ ทู โกว ทูว ดิ ฮอสพิตอล)
ฉันต้องการไปโรงพยาบาบ - You have to go to the hospital.
(ยู แฮฟ ทูว โกว ทูว ดิ ฮอสพิตอล)
คุณจำเป็นต้องไปโรงพยาบาล
นอกจากคำศัพท์อาชีพภาษาอังกฤษษคำว่า หมอ doctor (ด๊อกเตอร์) แล้ว มาดูกันว่ามีคำศัพท์อะไรที่เราควรรู้บ้าง
คำศัพท์ | ภาษาอังกฤษ | คำอ่าน |
---|---|---|
โรงพยาบาล | hospital | ฮอสพิตอล |
แพทย์, หมอ | doctor | ด๊อกเตอร์ |
พยาบาล | nurse | เนิร์ส |
ห้องฉุกเฉิน | ER (Emergency Room) | อีอาร์ (เอเมอร์เจนซี่ รูม) |
รถพยาบาล | Ambulance | แอมบูลานซ์ |
เตียงฉุกเฉินในรถพยาบาล | wheeled stretcher | วีลด์ สเตร็ทเชอร์ |
วีลแชร์, เก้าอี้ล้อเข็นคนไข้ | wheelchair | วีลแชร์ |
เตียงผู้ป่วย, เตียงในโรงพยาบาล | hospital bed, gurney, trolley | ฮอสพิตอล เบ๊ด, เกอร์นี่ย์, โทรเล่ย์ |
การบาดเจ็บ | Injury | อินเจอรี่ |
ความฉุกเฉิน | Emergency | เอเมอร์เจนซี่ |
บทสนทนา อาการป่วย ภาษาอังกฤษ
- Your throat looks bit scruffy.
คอของคุณดูไม่ดีเลย (บวม, แดง หรือมีหนอง สภาพไม่ปกติ) - Do you get sweating and shivering?
คุณมีอาการเหงื่อออกและหนาวสั่นหรือไม่ - Have you taken any medicine so far?
คุณได้ทานยามาบ้างแล้วหรือยัง? - What did you eat yesterday?
เมื่อวานคุณทานอะไรมาบ้าง - How’re you doing today?
วันนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง - So what brings you here?
คุณเป็นอะไรมา?, อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณมาที่นี่? - Do you’ve any other questions?
คุณมีคำถามอะไรอีกไหม
บอกอาการป่วยภาษาอังกฤษ
- I’m running a temperature and have a sore throat.
ฉันกำลังจะมีไข้และเจ็บคอ - I have moderate fever.
ฉันมีไข้ไม่สูงมาก - Can’t keep anything down (vomiting).
ฉันรู้สึกผะอืดผะอม (อาเจียน) - I feel faint / light-headed / dizzy.
ฉันรู้สึกหน้ามืด, เวียนหัว, ตาลาย - I have food poisoning.
ฉันมีอาการอาหารเป็นพิษ - I have aches and pains.
ฉันรู้สึกปวดเมื่อย - My throat is sore.
ฉันรู้สึกเจ็บคอ - I have a stuffy nose.
ฉันมีอาการคัดจมูก - My nose is blocked.
ฉันหายใจไม่ออก (เพราะคัดจมูก) - I have a headache.
ฉันรู้สึกปวดหัว - I have a high temperature.
ฉันมีไข้สูง - I feel hot.
ฉันรู้สึกร้อน - I have fever.
ฉันมีไข้
คนป่วยภาษาอังกฤษ
คำว่าคนป่วยภาษาอังกฤษคือคำต่อไปนี้
patient
(เพเชี่ยนท์)
คนป่วย
ในโรงพยาบาลจะมีการแยกประเภทผู้ป่วยออกเป็นแต่ละประเภทดังต่อไปนี้
- In-patient (อิน เพเชี่ยนท์) หรือ IPD (In-patient department)
ผู้ป่วยใน, ผู้ป่วยที่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล - Out-patient (เอ้าท์ เพเชี่ยนท์) หรือ OPD (Out-patient department)
ผู้ป่วยนอก, ผู้ป่วยที่พบแพทย์แล้วกลับบ้าน
ใบลาป่วยภาษาอังกฤษ
ลาป่วยภาษาอังกฤษใช้คำว่า
sick leave
(ซิกค์ ลีฟ)
ลาป่วย
ใบลาป่วย หรือแบบฟอร์มเขียนลาป่วยภาษาอังกฤษใช้คำว่า
Sick leave form
(ซิกค์ ลีฟ ฟอร์ม)
หรือ
Sick leave application
(ซิกค์ ลีฟ แอพพลิเคชั่น)
ใบลาป่วย
จดหมายลาป่วย ภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า
Sick leave letter
(ซิกค์ ลีฟ เลตเตอร์)
จดหมายลาป่วย
ใบรับรองแพทย์ภาษาอังกฤษที่เราต้องนำมายื่นให้ที่ทำงานเมื่อขอลาหยุดไปหาหมอ เรียกว่า
medical certificate
(เมดิคอล เซอร์ทิฟิเคท)
ใบรับรองแพทย์
การลาป่วย หรือลากิจก็ตามเป็นสิ่งที่เราอาจจะต้องขอลาวันใดก็วันหนึ่งในอาชีพการทำงานของเรา ไม่ว่าเราจะทำงานบริษัทต่างชาติหรือบริษัทไทย การขอลาทำงานไม่ใช่แค่จะบอกลาก่อนและหยุดงานได้เลย แต่ต้องมีการเขียนแบบฟอร์มให้เป็นเรื่องเป็นราว ต่อไปนี้เป็นคำศัพท์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลาทำงาน
- Vacation Leave หรือ Annual leave แปลว่า ลาพักร้อน
- Maternity leave แปลว่า ลาคลอด
- Family responsibility leave แปลว่า การลาหยุดเพื่อดูแลครอบครัว เช่น หยุดเฝ้าไข้ลูก , งานศพสมาชิกครอบครัว
- Compassionate leave แปลว่า ลาไปงานศพ
- Study Leave แปลว่า ลาไปเรียนต่อ
- Marriage Leave ลาแต่งงาน
- Personal leave แปลว่า ลากิจ, ลาเป็นการส่วนตัว
- Day off แปลว่า วันหยุดงาน (ขอหยุดเอง หรือวันหยุดประจำสัปดาห์ที่ได้รับตามกำหนด)
ชื่อโรคภาษาอังกฤษ
คำว่า โรค ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า
Disease
ดิซีส์
โรค
ต่อไปนี้คือรายชื่อโรคในภาษาอังกฤษที่คนเรียนภาษาอังกฤษควรจำให้ได้ และนำไปใช้ให้ถูกต้อง
ชื่อโรคภาษาไทย | ชื่อโรคภาษาอังกฤษ | คำอ่าน |
---|---|---|
ไข้หวัด | Cold | โคลด์ |
ปวดหัว | Headache | เฮ็ดเอ่ค |
ไข้หวัดใหญ่ | Flu | ฟลู |
โรคเบาหวาน | Diabetes | ไดอะบีทีส |
ความดันโลหิตสูง | High blood pressure | ไฮ บลัด เพรสเช่อร์ |
หัวใจวาย | Heart Attack | ฮาร์ท แอทแท็ค |
โรคมะเร็ง | Cancer | แคนเซอะ |
โรคโควิดสิบเก้า | COVID-19 | โควิดไนน์ทีน |
โรคสมองเสื่อม | Alzheimer’s disease | แอลไซเมอะดิซีส |
โรคหัวใจ | Heart disease | ฮาร์ท ดิซีส |
โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน/แตก | Stroke | สโทรค |
โรคซึมเศร้า | Depression | ดีเพรสเชิน |
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง | HIV/AIDS | เอชไอวี/เอดส์ |
ไข้มาลาเรีย, ไข้จับสั่น | Malaria | มะแลเรีย |
วัณโรค | Tuberculosis | ทูเบอคิวโลซิส |
โรคหอบหืด | Asthma | แอชมะ |
โรคข้อต่ออักเสบ | Arthritis | อาร์ไธรทิส |
โรคตับอักเสบ | Hepatitis | เฮพพะไธทิส |
โรคหัด | Measles | มีเซิลส์ |
โรคคางทูม | Mumps | มัมส์ |
โรคหัดเยอรมัน | Rubella | รูเบลละ |
โรคอีสุกอีใส | Chickenpox | ชิคเก้นพอคซ์ |
โรคหนองใน | Gonorrhea | กอนนะเรีย |
กามโรค, โรคซิฟิลิส | Syphilis | ซิสฟะลิส |
โรคไข้หวัดใหญ่ | Influenza | อินฟลูเอนซะ |
โรคปอดบวม, โรคปอดอักเสบ | Pneumonia | นิวมอนเนีย |
โรคฝีดาษ, ไข้ทรพิษ | Smallpox | สมอลพอคซ์ |
โรคลมบ้าหมู | Epilepsy | เอพพะเลพซี |
อาการปวดศีรษะข้างเดียว | Migraine | ไมเกรน |
ไส้ติ่งอักเสบ | Appendicitis | อะเพนดิไซทิส |
โรคจิตเภท | Schizophrenia | สคิสโซฟรีเนีย |
โรคเก๊าท์, โรคข้อต่ออักเสบ | Gout | เก๊าท์ |
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ | Gastroenteritis | แกสโทรเอ็นทะไรทิส |
โรคหลอดลมอักเสบ | Bronchitis | บรองไคทิส |
โรคไข้รากสาดน้อย, โรคไทฟอยด์ | Typhoid fever | ไทฟอยด์ ฟีเวอะ |
หูดที่อวัยวะสืบพันธ์ุ | Genital warts | เจนนิเทิล วอร์ทส |
โรคโปลิโอ | Polio | โพลิโอ |
โรคย้ำคิดย้ำทำ | Obsessive-compulsive disorder (OCD) | ออบเซสซิส คอมพัลซีฟ ดิสออเดอะ (โอซีดี) |
โรคธาลัสซีเมีย | Thalassemia | แธเลิสซีเมีย |
สิว | Acne | แอคนี |
ภาวะโลหิตจาง | Anemia | อะนีเมีย |
ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ | Hypothyroidism | ไฮโปไธรอยดิซึม |
ต่อมไธรอยด์เป็นพิษ | Hyperthyroidism | ไฮเปอร์ไธรอยดิซึม |
โรคเรื้อนกวาง | Eczema | เอคซีมะ |
โรคผิวหนังอักเสบ | Dermatitis | เดอะมะไททิส |
โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ | Colitis | คะไลทิส |
โรคออทิสติก | Autism spectrum disorder | ออทิสซึม สเปนทรัม ดิสออเดอะ |
ภาวะมีบุตรยาก, เป็นหมัน | Infertility | อินเฟอทิลิที |
ขี้กลาก | Ringworm | ริงเวิร์ม |
โรคงูสวัด | Shingles | ชิงเกิลส์ |
โรคสะเก็ดเงิน | Psoriasis | สะไรอะสิส |
วัยทอง, ภาวะประจำเดือนหมด | Menopause | เมนนะพอซ |
โรคกระดูกและข้ออักเสบ | Osteoarthritis | ออสทีโออาไธรทิส |
โรคน้ำกัดเท้า, ฮ่องกงฟุต | Athlete’s foot | แอธลีทฟุต |
สำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการเจ็บป่วย
นอกจากจะใช้คำว่า sick เพื่อบอกว่า “ป่วย” เราจะพบว่าเจ้าของภาษามักมีการบอกว่าป่วยโดยไม่ใช้คำว่า sick เลยอีกด้วย แต่พวกเขาจะใช้สำนวนกันบ่อยๆ ต่อไปนี้คือสำนวนที่ถูกใช้ทั่วไป
As Sick As A Dog
ความหมาย : มีอาการป่วยมาก
ตัวอย่าง :
Jimmy is sick as a dog after he ate thirteen burgers.
จิมมี่รู้สึกป่วยหนักหลังจากเขากินเบอร์เกอร์ไป 13 ชิ้น
To Be At Death’s Door
ความหมาย : ปางตาย, เกือบตาย, อาการหนัก
ตัวอย่าง :
Sarah’s grandfather is at death’s door, he barely can’t walk and talk.
คุณปู่ของซาราห์น่าจะอาการหนัก เขาแทบจะเดินและพูดไม่ได้เลย
To Feel Out Of Sorts
ความหมาย : รู้สึกไม่ค่อยสบาย, รู้สึกป่วยนิดหน่อย
ตัวอย่าง :
I felt out of sorts for most of the day and had a knot in my stomach.
ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเกือบทั้งวัน มีอาการท้องไส้ปั่นป่วน
To Feel (A Little) Off-Colour
ความหมาย : รู้สึกไม่ค่อยดีแปลกๆ ไม่สบายนิดหน่อย แต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
ตัวอย่าง :
Adam is feeling a bit off-colour today, I think he should go to the doctor.
วันนี้อดัมรู้สึกแปลกๆ ฉันคิดว่าเขาควรไปหาหมอ
To Feel Like Death Warmed Up
ความหมาย : รู้สึกแย่มากจริงๆ
ตัวอย่าง :
Throughout her pregnancy, she felt like death warmed up.
ตลอดเวลาที่ตั้งครรภ์ เธอรู้สึกแย่มากจริงๆ
As Sick As A Parrot
ความหมาย : มักจะหมายถึงรำคาญหรือโกรธมาก
ตัวอย่าง :
Michael had wanted to buy a Harley Davidson bike but really could not afford it. He was as sick as a parrot when his friend told him that he had just purchased one!
ไมเคิลอยากซื้อรถมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์ เดวิดสันแต่ไม่มีปัญญาซื้อจริงๆ เขารู้สึกหงุดหงิดมากที่เพื่อนมาบอกว่าเพื่อนของเขาเพิ่งซื้อมา!
I Am Sick To Death Of…
ความหมาย : ฉันรู้สึกเหนื่อยกับบางสิ่งบางอย่าง
ตัวอย่าง :
The mother was constantly telling the children to stop shouting and fighting. She had had enough. She screamed out “I am sick to death of your shouting and fighting you have to stop now!!”
ผู้เป็นแม่คอยบอกกับเด็กๆเสมอว่าให้หยุดตะโกนและทะเลาะกัน จนเธอเหลืออด เธอจึงกรีดร้องออกมาว่า “ฉันเหนื่อยกับการตะโกนและทะเลาะกันของพวกแกแล้ว หยุดซักที!!