10 คำศัพท์ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันที่คนไทยไม่รู้จัก
คำภาษาไทยในชีวิตประจำวันหลายคำไม่สามารถแปลเป็นอังกฤษตรงๆได้ เช่น เวลาเราจะให้กำลังใจเพื่อน เราก็พูดว่า “สู้ๆนะ” ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษมันก็จะกลายเป็น “fight fight” ฝรั่งก็จะสงสัยว่า สู้อะไร สู้กับใคร งง เพราะคำที่แสดงถึงการให้กำลังใจ ฝรั่งจะใช้ว่า Hang in there! หมายถึง อดทนเข้าไว้! หรือ Keep going! ที่หมายถึง ทำต่อไป! (คำนี้ให้อารมณ์เดียวกับคำว่า สู้ๆ ค่ะ) เป็นต้น และสถานการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆเสียด้วยเพราะมันคือคำศัพท์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นเพื่อไม่เป็นกาารเสียเวลา เรามาดูกันค่ะ ว่า 10 คำศัพท์ที่เราใช้บ่อยๆในชีวิตประจำ แต่พูดไม่ค่อยถูกสักทีนี่ฝรั่งเค้าพูดกันยังไง
เกรงใจ = bother
ในภาษาอังกฤษไม่มีคำแปลเกรงใจออกมาตรงๆนะคะ ดังนั้นเวลาเราต้องการจะสื่อว่า เกรงใจ ไม่อยากรบกวนใครสักคน ให้ใช้คำว่า don’t want to bother… แทนค่ะ จะให้ความรู้สึกเดียวกัน
I don’t want to bother you.
ฉันไม่อยากรบกวนคุณ
หรือแปลเป็นไทยง่ายๆก็ ฉันเกรงใจคุณ นั่นแหละค่ะ
Am I bothering you?
ฉันรบกวนคุณอยู่รึเปล่าเนี่ย?
สมน้ำหน้า = deserve it
จริงๆแล้วคำว่า deserve… หรือ deserve it เป็นได้ทั้งแง่ลบและแง่บวกค่ะ แล้วแต่ว่าพูดด้วยอารมณ์แบบไหน และเหตุการณ์นั้นเป็นอย่างไร หากใครประสบความสำเร็จ ได้ดิบได้ดี เราก็ใช้คำนี้ได้เพื่อหมายความว่า สมควรแล้วที่ได้ดี แต่ถ้าใครได้รับผลกรรมที่เขาทำไม่ดีไว้ เราก็สามารถใช้คำนี้เพื่อหมายความว่า สมน้ำหน้า หรือสมควรแล้วล่ะ ได้ค่ะ
You deserve it!
สมน้ำหน้า!
You studied hard this term, you deserve the reward.
เธอเรียนหนักมากเลยนะเทอมนี้ เธอก็สมควรได้รับรางวัลแล้วแหละ
ปิ๊ง = have/has a thing about…
have/has a thingในที่นี้ไม่ได้หมายถึง มีของอะไรหรอกนะคะ แต่มันหมายถึงอาการชอบแบบเห็นแรกพบสบตาแล้วใจสั่น ไม่ถึงขั้นตกหลุมรัก แต่มันชอบ มันรู้สึกวูบๆวาบๆ ประมาณนี้ค่ะ มีอีกคำหนึ่งที่สามารถใช้แทนกันได้ นั่นคือ have/has a crush on…
Adam has a thing about Anne.
อดัมปิ๊งแอนอยู่
I have a crush on him.
ฉันปิ๊งเขาซะแล้วล่ะ
จีบ = flirt with
เมื่อปิ๊งแล้วก็ต้องจีบใช้ไหมคะ หากใช้พจนานุกรมแปล ก็อาจจะเจอจีบแบบจีบนิ้ว จีบขนมกันก็เป็นได้ ซึ่งห่างจากสิ่งที่ต้องการจะสื่อไปไกลเชียว ในภาษาอังกฤษ นอกจากจะใช้คำว่า flirt with… แล้ว ยังใช้คำว่า hit on… ได้อีกด้วยค่ะ
Jen is flirting with Paul.
เจนกำลังจีบพอล
That guy is hitting on me!
ผู้ชายคนนั้นกำลังตามจีบฉันอยู่ล่ะ!
ถือศีล 5 = follow the five precepts (of Buddhism)
หน้าที่ชาวพุทธก็มา เวลาจะบอกฝรั่งว่า ฉันไม่กินเหล้านะ เพราะฉันถือศีล 5 อันนี้หลายคนต้องตั้งโต๊ะบรรยายความเป็นมาเป็นไปของพุทธศาสนาซะละเอียด เพราะไม่รู้ว่าศีล 5 ในภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่าอะไร
I don’t drink alcohol. I follow the five precepts.
ฉันไม่ดื่มเหล้านะ ฉันถือศีล 5 น่ะ
เมารถ = car sick
ปัญหาในการเดินทางสำหรับบางคน เวลาไปกับเพื่อนฝรั่งแต่เกิดอาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบินขึ้นมา กระทันหัน อย่าไปใช้ drunk ที่แปลว่า เมาเหล้านะคะ ให้ใช้เป็น car sick (เมารถยนต์) boat sick (เมาเรือ) ส่วนเครื่องบินให้ใช้คำว่า air sick นะคะ ไม่ใช่ plane sick
I feel car sick every time I get in a car.
ฉันเมารถตลอดเลยเวลานั่งรถ
แพ้ท้อง = morning sickness
แพ้ท้อง กับอาการแพ้ (allergy) ไม่ใช่อาการเดียวกัน แม้จะใช้คำว่า “แพ้” เหมือนกันก็ตามค่ะ
My wife has morning sickness.
ภรรยาผมเธอแพ้ท้องน่ะครับ
ประจำเดือน = period
ประจำเดือนแม้จะมาทุกเดือน แต่ก็ไม่สามารถแปลมันตรงๆว่า “every month” ได้นะคะ ให้ใช้คำว่า period หรือถ้าเป็นทางการหน่อยเวลาคุยกับคุณหมอก็ menstruation ค่ะ
Don’t annoy her, she has a period today.
อย่าไปกวนเธอเชียวนะ วันนี้เธอเมนส์มาล่ะ
My menstruation started when I was 14.
หนูเริ่มมีเมนส์ตอนอายุ 14 ค่ะ
ปาน = birthmark
ปานเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เปรียบเสมือนเครื่องหมายติดตัวแรกเกิด ภาษาอังกฤษจึงใช้คำว่า birthmark ค่ะ
I have a birthmark on my arm.
ฉันมีปานที่แขน
ดัดจริต = pretentious
คำนี้แรงนิดนึง แต่เป็นคำที่เวลาหมั่นไส้ใครแล้วอยากบอกมากเลยว่าเธอนี่ดัดจริตจริงๆ มักจะนึกหาคำพูดกันไม่ออก
That girl is so pretentious.
เด็กคนนั้นดัดจริตมากเลย
หลายคนเช่นกันที่มีประสบการณ์พยายามอธิบายให้ฝรั่งฟังอยู่นานสองนานว่าตัวเองต้องการสื่อถึงอะไรเพราะนึกคำพวกนี้ไม่ออก นึกๆไปก็แปลกเหมือนกันนะคะที่คำเหล่านี้ไม่ยักกะเคยเห็นในหนังสือสมัยเรียน แต่มันเป็นคำที่อยู่ใกล้ตัวเรามากๆ กล่าวได้ว่าได้ยินอยู่ตลอดในบทสนทนาในชีวิตประวันเลยค่ะ หลายๆคนจึงหาเวลาเรียนพิเศษการสนทนาเพิ่มเติม ก็เพราะอยากจะสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันนอกเหนือจากข้อสอบในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย