สอบ IELTS เตรียมสอบไอเอล ค่าสอบ สอบที่ไหน ตารางสอบ IELTS
เมื่อกล่าวถึงการสอบวัดระดับแล้ว ผู้เรียนที่เรียนภาษาอังกฤษกับติวเตอร์คงทราบเกี่ยวการเตรียมสอบ TOEIC (สอบโทอิค) ซึ่งนอกจากการสอบโทอิคแล้ว ยังมีการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่เรียกว่าสอบ IELTS (สอบไอเอล) อีกด้วย ในบทความนี้ เรามาดูรายละเอียดการเตรียมความพร้อมสอบไอเอลกัน
ข้อสอบ IELTS คืออะไร
IELTS หรือ The International English Language Testing System เป็นการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษระดับนานาชาติสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ประกอบด้วยการวัดทักษะภาษาอังกฤษทั้งสี่ทักษะ ได้แก่ ทักษะการฟัง พูด อ่านและเขียน เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกคนเข้าทำงานหรือสถานศึกษา อีกทั้งยังเป็นการทดสอบที่ได้รับการยอมรับในหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ รวมถึงสถาบันการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาอีกด้วย
ผลสอบ IELTS ใช้ทำอะไรได้บ้าง
การสอบ IELTS มีอยู่ด้วยกันสองประเภทแบ่งตามวัตถุประสงค์ของการสอบ ได้แก่
- การทดสอบเชิงวิชาการสำหรับการศึกษาต่อ (Academic Modules) โดยผลสอบ IELTS ที่ได้สามารถนำไปยื่นศึกษาต่อได้ทั่วโลกทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก
- การทดสอบแบบฝึกอบรมทั่วไป (General Training Modules) โดยผลสอบประเภทนี้สามารถนำไปสมัครเรียนในระดับต่ำกว่าปริญญาตรี นำไปใช้เป็นประสบการณ์ในการทำงาน การโยกย้ายถิ่นฐานหรือสมัครงานกับองค์กรในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
IELTS สอบอะไรบ้าง
การสอบ IELTS สามารถเลือกสอบได้สองวิธี คือ สอบแบบกระดาษ กับสอบแบบคอมพิวเตอร์ โดยแบบทดสอบจะครอบคลุมทั้งสามทักษะ ได้แก่ การฟัง (Listening) การอ่าน (Reading) และการเขียน (Writing) ส่วนการพูด (Speaking) นั้นจะเป็นส่วนที่แยกออกมาสอบแบบตัวต่อตัวกับเจ้าของภาษาที่ได้รับอนุญาตจากศูนย์สอบ IELTS โดยรายละเอียดการสอบมีดังต่อไปนี้
สอบทักษะการฟัง IELTS (IELTS Listening Test)
ในส่วนของการฟังนั้น ข้อสอบมีทั้งหมด 4 ส่วน ส่วนละ 10 ข้อ โดยเรียงลำดับจากง่ายไปหายาก ใช้เวลา 40 นาทีและมีเวลาประมาณ 30 วินาทีในแต่ละส่วนเพื่ออ่านคำถามก่อนเริ่มสอบ
คำถามในส่วนของการฟังแต่ละข้อนั้น หากตอบถูกจะได้หนึ่งคะแนน จากนั้นนำคะแนนดิบไปคำนวณระดับคะแนนของ IELTS ซึ่งมีตั้งแต่ 0-9 หรือคะแนนเต็ม 9 นั่นเอง
ส่วนที่ 1 (section 1)
ส่วนนี้จะเป็นคลิปบทสนทนาระหว่างคนสองคนเกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน ส่วนนี้เป็นส่วนที่ง่ายที่สุด เพราะบทสนทนาจะค่อนข้างช้า มีการหยุดเป็นระยะ อีกทั้งข้อมูลที่สำคัญมักจะมีการพูดซ้ำด้วย และในส่วนนี้จะเน้นที่ข้อเท็จจริงที่กำหนดให้เท่านั้น
ตัวอย่างข้อสอบ IELTS
- คนสองคนกำลังพูดถึงแผนการเดินทางของพวกเขา
- คนๆหนึ่งถามอีกคนเรื่องวิธีการเดินทาง
- ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังให้คำแนะนำแก่เพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับโครงงานใหม่
- ชายสองคนพูดถึงการแข่งขันฟุตบอล
- นักท่องเที่ยวกำลังลงทะเบียนเข้าพักที่โรงแรม
ส่วนที่ 2 (section 2)
ส่วนนี้จะเป็นคลิปเสียงที่เป็นบทพูดคนเดียว (monologue) บอกเล่าสถานการณ์ในในชีวิตประจำวัน ผู้พูดจะพูดค่อนข้างช้า แต่การเว้นระยะพูดน้อยกว่าส่วนแรก และยังคงเน้นเฉพาะข้อเท็จจริงที่กำหนดให้เท่านั้น
ตัวอย่างข้อสอบ IELTS
- ข้อมูลคอนโดมิเนียมสร้างใหม่สำหรับผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูง
- บทสัมภาษณ์ทางวิทยุเกี่ยวกับรีสอร์ทริมทะเล
- โฆษณาเกี่ยวกับที่พูดถึงข้อดีของแปรงสีฟันแบบใหม่
ส่วนที่ 3 (section 3)
ในส่วนนี้จะยากกว่าสองส่วนก่อนหน้านี้ เพราะจะเป็นบทสนทนาระหว่างกลุ่มผู้พูด 2-4 คน พูดเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการศึกษาหรือการฝึกอบรม ผู้พูดจะพูดด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น และบางครั้งใช้ศัพท์ค่อนข้างยาก นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับทั้งข้อเท็จจริงและความคิดเห็นกับทัศนคติของผู้พูดอีกด้วย
ตัวอย่างข้อสอบ IELTS
- กลุ่มนักเรียนกำลังพูดถึงการบ้านที่ได้รับมอบหมาย
- คนกลุ่มหนึ่งกำลังอภิปรายเกี่ยวกับคำบรรยายทางวิชาการของศาสตราจารย์ท่านหนึ่ง
ส่วนที่ 4 (section 4)
ส่วนสุดท้ายนี้เป็นบทพูดคนเดียวในหัวข้อทางวิชาการ ถือว่าเป็นส่วนที่ยากที่สุด เป็นบทพูดที่ไม่มีการหยุดเว้นระยะ ผู้พูดพูดค่อนข้างเร็ว และมีการใช้คำศัพท์ที่หลากหลาย ในส่วนที่ 4 นี้จะเน้นไปที่ข้อเท็จจริงที่ได้รับ แนวคิดที่สำคัญ ความคิดเห็นและทัศนคติของผู้พูด
ตัวอย่างข้อสอบ IELTS
- บทบรรยายเกี่ยวกับสัตว์ที่ใกล้สูญพันธ์
- พูดคุยเกี่ยวกับการให้การศึกษาหรือการเลี้ยงดูเด็ก
- พูดคุยเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนและผลกระทบ
- การบรรยายเกี่ยวกับป่าสงวน
สอบทักษะการอ่าน IELTS (IELTS Reading Test)
สำหรับการสอบทักษะการอ่าน IELTS แบบเชิงวิชาการและแบบฝึกอบรมทั่วไปจะแตกต่างกัน โดยทั้งสองแบบจะมีทั้งหมด 3 ส่วนและมีคำถามจำนวน 40 ข้อเท่ากัน ให้เวลาทำข้อสอบทั้งสิ้น 60 นาที
สอบทักษะการอ่าน IELTS เชิงวิชาการ (IELTS Academic Reading)
เนื้อหาที่นำมาใช้ในข้อสอบ IELTS นั้นอาจจะเป็นบทความจากหนังสือ, วารสาร, หนังสือพิมพ์, นิตยสารหรือเว็บไซต์ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาเชิงวิชาการสำหรับผู้อ่านที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยแบบทดสอบทั้งสามส่วนจะบรรจุเนื้อหาทั้งหมดประมาณ 2,150-2,750 คำ โดยบางส่วนอาจจะมีภาพประกอบ, กราฟ, แผนภูมิหรือเนื้อหาที่ไม่ใช่คำพูดอื่นๆ มาเป็นส่วนประกอบ หากในบทความมีคำศัพท์พิเศษหรือไม่เป็นที่รู้จัก จะมีความหมายให้ไว้ท้ายบทความ
คำถามแต่ละข้อจะมีคะแนน 1 คะแนน โดยที่ระดับคะแนน IELTS ในส่วนของการอ่านนั้นจะมีตั้งแต่ 0-9 ขึ้นอยู่กับคะแนนดิบที่ได้รับ
ลักษณะคำถามมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบเลือกตอบตามตัวเลือกที่กำหนด, ตอบถูกหรือผิด, ตอบคำถามสั้นๆ, เติมคำในช่องว่าง, จัดหมวดหมู่หรือจับคู่ย่อหน้า เป็นต้น
สอบทักษะการอ่าน IELTS แบบฝึกอบรมทั่วไป (IELTS General Reading)
ในส่วนนี้ใช้เวลาทั้งหมด 60 นาที มี 3 ส่วน โดยในแต่ละส่วนจะแบ่งเป็นหลายส่วนย่อยๆ และมีคำถามทั้งหมด 10-17 คำถามในแต่ละส่วน รวมทั้งสิ้น 40 คำถาม
ส่วนที่ 1 : เป็นข้อความสั้นๆ 2-3 ข้อความที่พบเจอในชีวิตประจำวัน เช่น ตารางเวลา, แผ่นพับ, หนังสือพิมพ์, ประกาศต่างๆ หรือโฆษณา เป็นต้น ส่วนนี้ถือเป็นส่วนที่ง่ายที่สุด มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบความเข้าใจเนื้อหาประเภทต่างๆ ที่พบได้บ่อย เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นภาษาอังกฤษ
ส่วนที่ 2 : ส่วนนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ข้อความที่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน เช่น ลักษณะงาน, การสมัครงาน, สัญญาจ้างงาน, ค่าจ้าง, สภาพการทำงาน หรือการฝึกงาน เป็นต้น
ส่วนที่ 3 : ส่วนสุดท้ายจะเป็นข้อความที่น่าสนใจจากหนังสือ, หนังสือพิมพ์,นิตยสารหรือแหล่งข้อมูลออนไลน์ต่างๆ
เนื้อหาหรือข้อความในแบบทดสอบทักษะการอ่าน IELTS นี้จะมีทั้งหมด 2,150-2,750 คำ ซึ่งจะไต่ระดับความยากขึ้นเรื่อยๆ โดยเนื้อหาทั้งหมดจะเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องรู้หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และระดับคะแนนที่ได้มีตั้งแต่ 0-9 ขึ้นอยู่กับคะแนนดิบที่ได้รับเช่นเดียวกับ section อื่นๆ
สอบทักษะการเขียน IELTS (IELTS Writing Test)
เป็นอีกหนึ่งการสอบทักษะที่ข้อสอบไม่เหมือนกันระหว่าง การสอบ IELTS เชิงวิชาการ (Academic Module) กับการสอบ IELTS แบบฝึกอบรมทั่วไป (General Training Module) โดยข้อสอบจะแบ่งคำสั่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกจะแตกต่างกัน ในขณะที่ส่วนที่สองจะเป็นการเขียน essay เหมือนกันทั้งสองโมดูล การสอบทักษะการเขียนทั้งสองส่วนนั้นจะให้เวลาทั้งหมด 60 นาที
สอบทักษะการเขียน IELTS เชิงวิชาการ (Academic IELTS Writing Test)
คำสั่งแรกของการสอบทักษะการเขียนของโมดูลนี้ โจทย์ต้องการให้อธิบายหรือสรุปข้อมูลที่เป็นรูปภาพ เช่น กราฟ, แผนภูมิ, ตาราง, แผนภาพ, โครงร่างหรือกระบวนการต่างๆ เป็นต้น ซึ่งควรเขียนอย่างน้อย 150 คำ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ในส่วนของคำสั่งที่สองซึ่งจะเหมือนกันทั้งสองโมดูล (การสอบ IELTS เชิงวิชาการและการสอบ IELTS แบบฝึกอบรมทั่วไป) เป็นส่วนที่ค่อนข้างท้าทาย เราต้องเขียนเรียงความหรือ Essay ตามหัวข้อที่กำหนดให้ นำเสนอความคิดเห็นและมุมมองของตนเอง เขียนสนับสนุนและโต้แย้งอย่างเป็นเหตุเป็นผล และเกี่ยวข้องกับเรื่องที่กำหนด ซึ่งเราควรจะเขียนให้ได้อย่างน้อย 250 คำ ในเวลาประมาณ 40 นาที
ตัวอย่างข้อสอบ IELTS
- การใช้อินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องได้รับการควบคุมจากรัฐบาลหรือไม่? จงอภิปราย
สอบทักษะการเขียน IELTS แบบทั่วไป (General IELTS Writing Test)
การทดสอบนี้ โจทย์ต้องการให้เราเขียนจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับเกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวันที่เราต้องเผชิญเมื่อเราต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพื่อทดสอบความสามารถในการเขียนจดหมายส่วนตัว ไม่ว่าจะเขียนถึงเจ้าหน้าที่หอพัก, เพื่อนหรือนายจ้าง สามารถบอกเล่าหรือให้ข้อมูลทั่วไปได้ แสดงความคิดเห็น มุมมองหรือความต้องการ สิ่งที่ชอบและไม่ชอบได้ เป็นต้น ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งจดหมายที่เป็นทางการหรือกึ่งทางการ ในส่วนนี้ควรใช้เวลาประมาณ 20 นาทีและเขียนให้ได้อย่างน้อย 150 คำ
ตัวอย่างข้อสอบ IELTS
- เพื่อนของคุณกำลังจะมีงานเลี้ยงวันเกิดและได้เชิญคุณไปร่วมงานด้วย แต่คุณไม่สามารถไปร่วมงานได้เนื่องจากติดประชุมสำคัญในวันนั้น จงเขียนจดหมายถึงเพื่อนของคุณคนนั้น และต้องประกอบด้วยรายละเอียดต่อไปนี้
- ขอบคุณสำหรับคำเชิญ
- อธิบายเหตุผลว่าทำไมคุณจึงมาไม่ได้
- เสนอให้พบกันในวันอื่นๆ
สอบทักษะการพูด IELTS (IELTS Speaking Test)
ในการเตรียมตัวสอบ IELTS ในส่วนของทักษะการพูดนั้น เราควรทำความคุ้นเคยกับหัวข้อและคำถามประเภทต่างๆ ที่มักใช้ในการสอบ ซึ่งการสอบจะแบ่งออกเป็นสามส่วน แต่ละส่วนจะใช้เวลาประมาณ 4 นาที เราควรจะตอบคำถามอย่างเป็นธรรมชาติ รู้จักใช้คำศัพท์ที่สำคัญ และใช้คำเชื่อมได้อย่างเหมาะสม เราจึงควรอ่านตัวอย่างที่ใช้ในการตอบคำถาม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบ
ตัวอย่างหัวข้อที่ใช้ในการสอบทักษะการพูด IELTS
- การเดินทางและวันหยุด
- เพื่อน
- เทคโนโลยี
- กีฬา
- อาหาร
- การศึกษา
- สภาพอากาศ
- สิ่งแวดล้อม
- ดนตรี
- หนังสือและภาพยนตร์
- สุขภาพ
วิธีสมัครสอบ IELTS
การสมัครสอบ IELTS สามารถสมัครได้ด้วยตนเองที่หน้าเคาน์เตอร์ British Council สาขาสยามสแควร์, เซ็นทรัลปิ่นเกล้าหรือเซ็นทรัลลาดพร้าว หรือสถาบัน Oxbridge ซึ่งเป็นตัวแทนของศูนย์ IDP หรือสมัครทางออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ของ Britishcouncil Thailand หรือเว็บไซต์ของ IDP
ศูนย์สอบ IELTS
สำหรับประเทศไทยจะมีศูนย์สอบให้เลือกสองศูนย์ ได้แก่
- ศูนย์สอบ British Council (ตัวแทนการจัดสอบจากสหราชอาณาจักร)
- ศูนย์สอบ IDP (ตัวแทนการจัดสอบจากประเทศออสเตรเลีย)
โดยทั้งสองศูนย์นั้นจะใช้ข้อสอบ IELTS ที่ออกโดย University of Cambridge เหมือนกัน ดังนั้นมาตรฐานของข้อสอบและการให้คะแนน รวมถึงความยากง่ายจึงไม่แตกต่างกัน อีกทั้งค่าสมัครสอบยังเท่ากันทุกประการอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์หรือข้อสอบกระดาษ
ศูนย์สอบ IELTS ในกรุงเทพ
ในช่วงเช้าของการสอบ IELTS แต่ละรอบจะเป็นการสอบ Listening, Reading, และ Writing ซึ่งจะสอบที่สถานที่ต่อไปนี้
- ศูนย์สอบของ British Council จะจัดสอบที่โรงแรมแลนด์มาร์ค ถนนสุขุมวิท สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีนานา
- ศูนย์สอบของ IDP โดยมากจะจัดสอบที่โรงแรมมณเฑียร ใกล้สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง, โรงแรมตะวันนาหรือโรงแรมเชอราตัน
ส่วนการสอบ Speaking นั้นจะสอบในช่วงบ่าย ซึ่งผู้สอบจะทราบเวลาสอบ Speaking เมื่อเข้าสอบในช่วงเช้า ซึ่งสถานที่สอบ Speaking ได้แก่
- ศูนย์สอบของ British Council โดยส่วนใหญ่จะใช้สนามสอบเดิม แต่เปลี่ยนเพียงห้องสอบเท่านั้น
- ศูนย์สอบของ IDP จัดขึ้นที่ซีพีทาวเวอร์ ชั้น 4 ผู้สอบจำเป็นจะต้องคำนวณเวลาเดินทางให้ดี เพราะเป็นคนละสถานที่กับการสอบทักษะอื่นๆ
หมายเหตุ : สถานที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ผู้สอบควรตรวจสอบข้อมูลจากศูนย์สอบโดยตรงก่อนสอบทุกครั้ง
ศูนย์สอบ IELTS ในต่างจังหวัด
- ศูนย์สอบของ British Council
– การสอบ IELTS แบบกระดาษ : เชียงใหม่, ขอนแก่น, ภูเก็ต, พิษณุโลก, สมุทรปราการ, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, ชลบุรี, เชียงราย, อุดรธานี
– การสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ : เชียงใหม่, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, นครราชสีมา - ศูนย์สอบของ IDP : เชียงใหม่, ขอนแก่น, หาดใหญ่, นครราชสีมา, อุบลราชธานี, เชียงราย, ภูเก็ต, ชลบุรี, พิษณุโลก, มหาสารคาม, ระยอง, อุดรธานี
ค่าสมัครสอบ IELTS
การสอบ IELTS แบบกระดาษและแบบคอมพิวเตอร์ทั้งสองตัวแทนการสอบราคาจะไม่แตกต่างกัน แต่ราคาจะขึ้นอยู่กับประเภทของการสอบ IELTS โดยตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป IDP IELTS จะมีการปรับราคาค่าสมัครสอบ IELTS Regular ทั้งแบบกระดาษและแบบคอมพิวเตอร์ จากราคา 7,100 บาท เป็น 7,350 บาท
ประเภทการสอบ | ราคา (บาท) |
---|---|
IELTS เชิงวิชาการ | 7,350 |
IELTS แบบฝึกอบรมทั่วไป | 7,350 |
IELTS สำหรับ UKVI เชิงวิชาการ | 7,990 |
IELTS สำหรับ UKVI แบบฝึกอบรมทั่วไป | 7,990 |
IELTS Life Skills | 6,300 |
ตารางสอบ IELTS
ตารางสอบ IELTS สามารถตรวจสอบวันสอบและสถานที่สอบได้จาก
ศูนย์สอบ IELTS สถาบัน British Council
ระดับคะแนนสอบ IELTS
ระดับคะแนนของทุกทักษะการสอบจะมีตั้งแต่ 0-9 โดยแต่ละคะแนนสามารถวัดระดับความรู้ความสามารถได้ดังต่อไปนี้
ระดับคะแนน | ระดับทักษะ | คำอธิบาย |
---|---|---|
9 | ผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญ | มีความรู้ด้านภาษาที่นำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ เหมาะสม ถูกต้องและ คล่องแคล่ว พร้อมความเข้าใจที่สมบูรณ์ |
8 | ผู้ใช้ที่ดีมาก | มีความรู้ด้านภาษาที่นำไปใช้ได้จริงอย่างเต็มที่ มีความไม่แม่นยำด้านความไม่เป็นระบบและไม่เหมาะสมเพียงครั้งคราวเท่านั้น ความเข้าใจสารผิดอาจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย จัดการการโต้แย้งอย่างละเอียดที่มีความซับซ้อนได้ดี |
7 | ผู้ใช้ที่ดี | มีความรู้ด้านภาษาที่นำไปใช้ได้จริง แม้ว่าจะมีความไม่ถูกต้องเป็นครั้งคราว ความไม่เหมาะสม และความเข้าใจผิดในบางสถานการณ์ รับมือภาษาที่ซับซ้อนได้ดีโดยทั่วไป และเข้าใจการให้เหตุผลโดยละเอียด |
6 | ผู้ใช้ที่มีความสามารถ | มีความสามารถซึ่งในทั่วไปใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้จะมีข้อผิดพลาด การใช้ภาษาที่ไม่เหมาะในบางสถานการณ์ และการเข้าใจผิดอยู่บ้าง สามารถใช้และเข้าใจภาษาที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่คุ้นเคยอยู่เเล้ว |
5 | ผู้ใช้พอประมาณ | มีความสามารถทางภาษาบางส่วน จัดการกับความหมายโดยรวมในสถานการณ์ส่วนใหญ่ แม้ว่ามีแนวโน้มที่จะทําผิดพลาดมากมาย คาดว่าสามารถจัดการการสื่อสารพื้นฐานในสิ่งที่ตนเองคุ้นเคยได้ |
4 | ผู้ใช้แบบจำกัด | ความสามารถพื้นฐานถูกจํากัดในสถานการณ์ที่คุ้นเคยเท่านั้น มีปัญหาในการทําความเข้าใจและแสดงออกบ่อยครั้ง ไม่สามารถใช้ภาษาที่ซับซ้อนได้ |
3 | ผู้ใช้แบบจำกัดอย่างยิ่ง | ถ่ายทอดและเข้าใจความหมายทั่วไปเฉพาะในสถานการณ์ที่คุ้นเคยอย่างยิ่งเท่านั้น เกิดการสะดุดบ่อยครั้งในการสื่อสาร |
2 | ผู้ใช้แบบไม่ต่อเนื่อง | เป็นไปไม่ได้ที่จะสื่อสารอย่างแท้จริง ยกเว้นข้อมูลพื้นฐานจริง ๆ โดยใช้คําเดี่ยวหรือสูตรคำสั้น ๆ ในสถานการณ์ที่คุ้นเคยและเพื่อตอบสนองความต้องการแบบเร่งด่วน เข้าใจการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างยากลำบาก |
1 | ไม่ใช่ผู้ใช้ภาษา | โดยพื้นฐานแล้วไม่มีความสามารถในการใช้ภาษาที่นอกจากการใช้คำเดี่ยวเพียงสองสามคํา |
0 | ไม่ได้พยายามทำข้อสอบ | ไม่มีข้อมูลที่ประเมินได้ |
การเตรียมตัวสอบ IELTS
การสอบ IELTS เป็นการประเมินความรู้ความสามารถและทักษะการใช้ภาษาอังกฤษทั้งการพูด การฟัง การอ่านและการเขียน ดังนั้นการทำข้อสอบให้ได้คะแนนดีจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวก่อนสอบล่วงหน้า ซึ่งหากทำได้ทุกอย่างดังต่อไปนี้ รับรองว่าคะแนนสอบ IELTS ของเราต้องออกมาดีอย่างแน่นอน
- ฝึกฟังภาษาอังกฤษจากวิทยุ, ภาพยนตร์, ข่าว, เพลง, รายการโทรทัศน์หรือคลิปวิดิโอต่างๆใน YouTube เพื่อให้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษในหลากหลายสำเนียงของเจ้าของภาษา ไม่ว่าจะเป็น สำเนียงอังกฤษ สำเนียงอเมริกัน สำเนียงออสเตรเลีย เป็นต้น
- ฝึกอ่านโจทย์และทำตามคำสั่ง เช่น ลองฝึกเขียน Essay ในหัวข้อที่กำหนดตามจำนวนคำที่โจทย์สั่ง หากคำสั่งบอกให้เขียน 150 คำ เราควรจะให้อยู่ใน 150 นั่นเอง
- ฝึกทำข้อสอบแบบจับเวลาเสมือนจริง เช่น การสอบทักษะการฟัง IELTS ให้เวลาทั้งหมด 40 นาที เราจะมีเวลาฟัง ประมาณ 30 นาที และมีเวลาตอบอีก 10 นาที ควรจับจังหวะการทำข้อสอบของตนเอง และวิเคราะห์ดูว่าเรายังมีจุดอ่อนตรงไหนที่ควรฝึกฝนเพิ่มเติม
- หาและพัฒนาวิธีทำข้อสอบที่เหมาะสมกับตนเอง เช่น การอ่านคำถามก่อนค่อยอ่านเนื้อหาที่โจทย์ให้ เพื่อจะได้มองหาคำตอบจากเนื้อหาได้เร็วขึ้น เป็นต้น
- ฝึกอ่านเยอะๆ เนื้อหาที่อ่านอาจจะนำมาจากแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ, บทความ, ประกาศ, นิตยสารหรือรายงานการประชุมก็ได้ หากเราได้คำศัพท์ใหม่ๆ ลองนำมาฝึกเขียนเป็นประโยค เมื่อทำได้แล้ว จึงพัฒนามาเป็นการเขียนย่อหน้าหรือบทความสั้นๆ ด้วยเทคนิคนี้จะทำให้การเขียนเหมือนกับเจ้าของภาษามากยิ่งขึ้น
- หาเพื่อนร่วมเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการพัฒนาภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเพื่อนยังช่วยเราประเมินความสามารถและเป็นเพื่อนช่วยพูดคุย โต้ตอบเพื่อปรับปรุงการพูดของเราให้ดียิ่งๆขึ้นไป
- หาหนังสือเตรียมสอบ IELTS ที่เหมาะสมกับความต้องการเพื่อทบทวนและเตรียมตัวสอบ ควรเลือกซื้อหนังสือเตรียมสอบ IELTS ตามประเภทการสอบ มีการอธิบายรายละเอียดการสอบ มีแบบฝึกหัด, ตัวอย่างข้อสอบหรือข้อสอบเก่าให้ฝึกทำ และควรมีไฟล์เสียงประกอบด้วย
- หากเรามีเวลาเตรียมตัวไม่มาก ควรหาคอร์สเรียน IELTS ที่ตรงกับความต้องการของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียนสดหรือออนไลน์ ติวสอบ IELTS แบบตัวต่อตัวหรือแบบกลุ่ม การเลือกคอร์สเรียน IELTS ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการของผู้เรียน ข้อดีของการเรียนคอร์ส IELTS คือ เราไม่จำเป็นต้องลองผิดลองถูกด้วยตนเอง ซึ่งอาจจะเสียเวลามาก คุณครูที่ดีจะมีการประเมินนักเรียน รู้เทคนิคและแนวทางในการออกสอบ รวมถึงสามารถเน้นจุดแข็ง และกลบจุดอ่อนของผู้เรียนได้