ประโยคขอโทษภาษาอังกฤษ Sorry ฉันขอโทษ ขอโทษแบบสุภาพ แบบสั้น
ขอโทษภาษาอังกฤษใช้คำว่า
Sorry
(ซอรี่)
ขอโทษ
ไม่ว่านักเรียนจะเคยเรียนภาษาอังกฤษกับติวเตอร์หรือไม่ ก็คงคุ้นเคยกับคำนี้กันอย่างแน่นอน เพราะคำว่า Sorry เป็นประโยคพื้นฐานภาษาอังกฤษ ที่สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นขอโทษเพื่อแสดงความเสียใจ ขอโทษเพื่อขอความช่วยเหลือภาษาอังกฤษ หรือขอโทษกรณีขัดจังหวะเพื่อถาม-บอกทางภาษาอังกฤษก็ได้ นอกจากนี้เรายังพบคำว่า Sorry ในสำนวนภาษาอังกฤษอีกหลายสำนวนด้วย
คำศัพท์ทั่วไปสำหรับการพูดขอโทษ
บางครั้งการพูดแค่ “Sorry” หรือ ”ขอโทษ“ ในภาษาอังกฤษอาจจะไม่เพียงพอ มีคำและวลีเฉพาะที่เราสามารถนำมาใช้เพื่อบอกหรืออธิบายความรู้สึกของเราได้
บทความนี้เราจะได้เรียนรู้คำศัพท์ที่สำคัญที่เกี่ยวกับการพูด “ขอโทษ” เป็นภาษาอังกฤษ
Apologize (อพอโลไจส์)
เป็นคำกริยา แปลว่า กล่าวขอโทษ
ตัวอย่างเช่น
I apologize for hurting you that day.
ฉันขอโทษนะที่ทำร้ายคุณวันนั้นน่ะ
Regret (รีเกรท)
เป็นได้ทั้งคำนามและคำกริยา แปลว่า ความรู้สึกแย่จากการกระทำสิ่งใดลงไป (หากย้อนเวลากลับไปได้ ก็จะไม่ทำ)
ตัวอย่างเช่น
I have lots of regrets about the way I acted.(คำนาม)
ฉันเสียใจกับการกระทำของตัวเองมาก
I regret signing up for that stressful job. (คำกริยา)
ฉันเสียใจที่สมัครงานที่เครียดขนาดนั้น
Apologetic (อะพอลละเจททิคซ์)
เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่า การแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เราทำลงไป
ตัวอย่างเช่น
She was really apologetic about shouting at you in the meeting.
เธอขอโทษจริงๆ ที่ต้องตะโกนใส่คุณในที่ประชุม
Ashamed (อะเชมด์)
เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่า รู้สึกแย่หรืออับอายกับการกระทำในอดีตมาก
ตัวอย่างเช่น
I am ashamed of how hurtful I was to my sister.
ฉันรู้สึกละอายใจที่ทำให้น้องสาวของตัวเองเจ็บปวด
Remorseful (รีมอร์สฟูล)
เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่า สำนึกผิดและเสียใจมากต่อความผิดที่ได้กระทำไป คล้ายกับคำว่า “ashamed”
ตัวอย่างเช่น
After fighting with his best friend, he was remorseful about the way he had treated her.
หลังจากทะเลาะกับเพื่อนสนิท เขาก็รู้สึกสำนึกผิดและเสียใจมากกับวิธีที่เขาปฏิบัติกับเธอ
Fault (ฟอลท์)
เป็นคำนาม แปลว่า ข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาด เมื่อใช้กับบุรุษสรรพนาม เช่น “my” หรือ ”your“ จะมีความหมายว่าการรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองหรือบอกให้ผู้อื่นรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เลวร้าย
ตัวอย่างเช่น
It was my fault that we arrived late, and I’m sorry.
ฉันผิดเองที่ทำให้พวกเรามาถึงช้า ฉันขอโทษนะ
I’m sorry we’re late, but it was her fault, not mine.
ฉันขอโทษที่พวกเรามาสาย แต่มันเป็นความผิดของเธอ ไม่ใช่ของฉัน
Mistake (มิสเทค)
เป็นคำนาม แปลว่า ความผิดพลาดหรือความเข้าใจผิด เรามักใช้คำว่า “mistake” กับกริยา “make”
ตัวอย่างเช่น
I made too many mistakes, so we failed the group project.
ฉันทำผิดพลาดมากเกินไป โครงการกลุ่มเราจึงพังไม่เป็นท่า
Forgive (ฟอร์กิฟว์)
เป็นคำกริยา แปลว่า ยกโทษ, ให้อภัย, หยุดโกรธหรืออารมณ์เสียต่อคนที่ทำสิ่งไม่ดี
ตัวอย่างเช่น
I don’t know if I can forgive her yet.
ฉันไม่รู้ว่าจะให้อภัยเธอได้หรือยัง
Sincere (ซินเซียร์)
เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่า ซื่อสัตย์, จริงใจ
ตัวอย่างเช่น
He offered a sincere apology for his behavior.
เขาขอโทษอย่างจริงใจในพฤติกรรมของเขา
Atonement (อะโทนเมินท์)
เป็นคำนาม แปลว่า แก้ไขหรือไถ่โทษต่อการกระทำที่ผ่านมา
ตัวอย่างเช่น
He apologized as part of his atonement.
เขาขอรับผิดเป็นอีกสิ่งหนึ่งในการไถ่โทษของเขา
วลีสำหรับใช้พูด “ขอโทษ” เป็นภาษาอังกฤษ
เมื่อเราทำอะไรผิด บ่อยครั้งที่เราอาจจะทำผิดร้ายแรงหรือทำเรื่องไม่ดี
- I’m so sorry. I was incorrect.
ฉันขอโทษ ฉันทำไม่ถูก - I messed up and I’m sorry.
ฉันไม่ดีเอง ฉันขอโทษ - I apologize for my mistake.
ขออภัยสำหรับความผิดพลาด - I’m truly sorry. I didn’t mean it.
ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ - I want to say sorry for my behavior.
ฉันอยากจะบอกว่าขอโทษสำหรับการกระทำของฉัน - I owe you an apology. I acted impulsively and I’m truly sorry.
ฉันยังไม่ได้ขอโทษคุณเลย ฉันทำอะไรหุนหันพลันแล่นไป ฉันเสียใจจริงๆ - That was wrong of me. I regret my words and actions.
เป็นความผิดของฉันเอง ฉันเสียใจกับคำพูดและการกระทำของฉันมาก - Please accept my apologies. I was completely out of line.
กรุณารับคำขอโทษจากผมด้วย ผมล้ำเส้นไปจริงๆ - I want to express my sincere apologies for the inconvenience I caused.
ฉันอยากจะขอโทษจากใจจริงๆในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น - Please forgive me for my oversight. I take full responsibility.
ได้โปรดให้อภัยผมด้วยที่ปล่อยปละละเลย ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว (ประโยคนี้เหมาะสำหรับสถานการณ์การทำงานมากกว่า)
เมื่อเราทำร้ายความรู้สึกใครสักคน
บางครั้งสิ่งที่เราพูดหรือทำลงไปอาจจะทำร้ายคนอื่นได้
- I truly regret what I did.
ฉันเสียใจจริงๆกับสิ่งที่ฉันทำลงไป - I’m sorry, I didn’t mean to upset you.
ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเสียใจ - I’m sorry. I shouldn’t have said that.
ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรพูดอย่างนั้นออกไปเลย - I’m filled with remorse for what I did.
ฉันรู้สึกสำนึกผิดและเสียใจมากสำหรับสิ่งที่ฉันทำลงไป - I’m very sorry. Please don’t be mad at me.
ฉันเสียใจมาก ได้โปรดอย่าโกรธฉันเลย - I didn’t mean to hurt you but I’m sorry I did. Will you please give me another chance?
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณ แต่ฉันขอโทษในสิ่งที่ฉันทำลงไป ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกสักครั้งได้ไหม? - I apologize for my thoughtless words. I didn’t realize they would be hurtful.
ฉันขอโทษที่พูดไปไม่คิด ฉันนึกไม่ถึงว่าจะทำให้พวกเขาเจ็บปวด - I’m sorry. Is there anything I can do to make this up to you?
ฉันขอโทษ มีอะไรที่ฉันทำให้คุณได้ไหมเพื่อเป็นการชดเชยในเรื่องนี้ - I’m sorry for being insensitive. I didn’t consider how my actions would make you feel.
ฉันขอโทษที่รู้สึกตัวช้า ฉันไม่ทันได้คิดเลยว่าการกระทำของฉันจะทำให้คุณรู้สึกอย่างไร
เมื่อเราทำพลาดเล็กๆน้อยๆ
อาจเกิดขึ้นได้หากเราประมาท ไม่ระมัดระวังหรือไม่มีสมาธิ
- Oops, sorry!
อุ๊ย!, ขอโทษค่ะ (ครับ) - Sorry about that!
ขอโทษนะเกี่ยวกับเรื่องนั้น - Sorry, it was an accident!
ขอโทษนะ, มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ! - Sorry, I didn’t mean to do that!
ขอโทษ, ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น! - That was my mistake, sorry about that.
นั่นเป็นความผิดของฉันเอง ขอโทษด้วยนะ! - Sorry for the mix-up.
ขอโทษที่ทำให้วุ่นวาย - Oh, sorry! I didn’t see you there!
โอ้ว, ขอโทษนะ ฉันไม่ทันได้เห็นคุณ! (ใช้เมื่อเราบังเอิญเดินเหยียบเท้าหรือชนเข้ากับใคร) - My bad, I wasn’t paying attention.
ฉันผิดเอง ฉันไม่ได้สนใจเลย (เป็นประโยคที่เป็นกันเองมากๆ)
ขอโทษสำหรับการขัดจังหวะ
บางครั้ง เราจำเป็นต้องขัดจังหวะคนที่กำลังพูดอยู่เพื่อบอกเรื่องสำคัญให้พวกเขาฟัง หรือในบางครั้ง เราอาจจะบังเอิญเดินเข้าไปและเป็นสาเหตุให้สถานการณ์นั้นหยุดชะงัก
- My apologies for cutting you off, go ahead and finish your thought.
ขอโทษที่ตัดบทนะ พูดต่อให้จบได้เลย - Sorry for the interruption, please continue.
ขอโทษสำหรับการขัดจังหวะ เชิญพูดต่อเลยค่ะ(ครับ) - Sorry to interrupt, but I have a quick question.
ขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่ฉันขอถามอะไรนิดนึงได้ไหม - I’m sorry for interjecting, I just wanted to add something to the discussion.
ฉันขออภัยที่พูดแทรก ฉันเพียงอยากเพิ่มอะไรบางอย่างลงไปในการอภิปรายนี้ (ประโยคนี้ค่อนข้างเป็นทางการ เหมาะสำหรับสถานการณ์การทำงาน) - I’m sorry for cutting in, I didn’t realize you were still speaking.
ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ(ครับ) ฉัน(ผม)ไม่เห็นว่าคุณกำลังพูดอยู่ - Sorry, I didn’t mean to butt in.
โทษที, ไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะนะ (เป็นประโยคไม่เป็นทางการ ใช้สำหรับพูดกับเพื่อน)
เมื่อต้องการแสดงความเห็นใจต่อผู้อื่น
คำว่า “sorry” ในภาษาอังกฤษนั้น ไม่ได้เป็นเพียงคำขอโทษหรือใช้เมื่อทำผิดพลาดเท่านั้น เรายังสามารถใช้คำว่า ”sorry” เมื่อต้องการแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เราจะพูด Sorry เมื่อเราต้องการแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจและความห่วงใยต่อสมาชิกในครอบครัว, เพื่อนหรือคนรู้จัก เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ต่อไปนี้คือตัวอย่างของประโยคสำหรับใช้แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น
- I’m so sorry to hear about that. How are you coping now?
เสียใจกับเรื่องนั้นด้วยนะ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ยังไหวไหม? - I’m sorry that this happened to you. It must have been so terrible. No one should have to go through that.
เสียใจด้วยนะที่เกิดเหตุการณ์นี้กับคุณ มันคงจะแย่มาก ไม่ควรมีใครต้องมาเจออะไรแบบนั้นเลย - I’m very sorry. I’ve been through this and I understand how you feel.
ฉันเสียใจด้วยจริงๆ ฉันเคยผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้ว ฉันเข้าใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร - I cannot express how sorry I am to hear about this.
ฉันเสียใจมากจนไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไรเมื่อได้ยินเรื่องนี้ - I’m really sorry to hear that. I’m here for you if you wish to talk about it.
ฉันเสียใจด้วยจริงๆ ที่ได้ยินเช่นนั้น ฉันอยู่กับคุณตรงนี้นะ เผื่อคุณมีอะไรอยากระบาย
ในสถานการณ์ที่มีใครบางคนเสียชีวิต โดยปกติเราจะใช้ประโยคต่อไปนี้
- I’m sorry to hear about your father. My condolences. He must have been a great man.
ฉันเสียใจที่ได้ยินเรื่องพ่อของคุณ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ เขาต้องเป็นคนที่ดีมากแน่ๆ - I’m so sorry for your loss. My thoughts are with you and your family.
ฉันเสียใจด้วยจริงกับการสูญเสียครั้งนี้ ฉันห่วงใยและระลึกถึงคุณและครอบครัวอยู่เสมอนะ
เมื่อต้องการดึงความสนใจจากผู้อื่น
In certain cases, you can use “sorry” to get someone’s attention. This is useful when you need somebody to repeat something, or when you need somebody to move.
- Sorry, could you move over a bit so I can get through?
- Sorry, could you please repeat what you said?
- Sorry, could you pass me my jacket?
- Sorry to bother you, but could I have a moment of your time?
In these situations, we can also use words like “pardon” or “excuse me.”
- Pardon? Could you repeat that?
- Excuse me, can you pass me the salt?
ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการ
วิธีพูดขอโทษคนแปลกหน้านั้นจะแตกต่างจากการพูดขอโทษเพื่อนสนิท
ในสถานการณ์ที่ไม่ได้เป็นทางการหรือพูดกับเพื่อนฝูง เรามักใช้ภาษาที่เป็นกันเองหรือ “แสลง” ต่อไปนี้คือวลีที่เหมาะสมที่ใช้สำหรับพูดเมื่อทำผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ
- My bad.
ความผิดฉันเอง - Oops, sorry!
อุ๊ย, โทษที! - How careless of me to say that!
ฉันไม่ระวังเองที่พูดจาไปแบบนั้น! - I goofed, sorry!
โทษทีนะ ฉันผิดเอง! - Whoops!
อุ๊ปส์! (คำอุทานแสดงความประหลาดใจหรือความอาย) - Sorry about that!
โทษนะสำหรับเรื่องนั้น! - Sorry, I messed up.
ขอโทษด้วย ฉันทำให้วุ่นวายเอง - My mistake.
ฉันผิดเองแหล่ะ
บางครั้งเราส่งข้อความหาเพื่อน เราสามารถใช้ตัวย่อหรือเปลี่ยนวิธีการสะกดคำได้ เช่น
- Sry. See ya soon! ( Sorry. See you soon! )
ข.ท. เจอกันนะ (ขอโทษ แล้วพบกันใหม่นะ)
ขอโทษภาษาอังกฤษแบบเป็นทางการ
คำขอโทษมีอิทธิพลมาก โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่สำคัญหรือคอขาดบาดตาย เช่น ในที่ทำงานหรือในสถานการณ์ที่เป็นทางการ
เมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรผิดอาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ แต่ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดหรือประโยคแบบไหนที่ถูกต้องสำหรับบอกว่าคุณยอมรับในความผิดนั้น
ยกตัวอย่างเช่น พนักงานบริษัทอาจจะต้องขอโทษหัวหน้าของพวกเขา หากงานของพวกเขาออกมาไม่ดีพอ ทั้งในรูปแบบลายลักษณ์อักษรหรือพูดต่อหน้าหรือคนทำงานอาจจะต้องขอโทษลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือรับบริการ เมื่อเกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง ในกรณีแบบนี้เราจะใช้ประโยคที่เป็นทางการจะดีที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น
- My apologies.
ผม(ดิฉัน) ต้องขอโทษด้วยครับ (ค่ะ) - I would like to sincerely apologize.
ผม(ดิฉัน) อยากจะขอโทษจริงๆ ครับ(ค่ะ) - I offer my heartfelt apologies.
ผม (ดิฉัน) ต้องขอโทษจากใจจริง - I owe you an explanation.
ฉันควรจะต้องขอโทษหรืออธิบายให้คุณฟัง - I apologize wholeheartedly.
ฉันต้องขอโทษอย่างสุดหัวใจ - Please accept my deepest apologies.
ได้โปรดรับคำขอโทษของฉัน, กราบขอประทานโทษ - I deeply regret my actions.
ฉันเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการกระทำของตนเอง - I humbly ask for your forgiveness.
ขอให้ท่านโปรดให้อภัยเรา - I take full responsibility for my mistake.
ฉันจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในความผิดพลาดของฉันเอง
สำหรับการเขียนอีเมล์แบบมืออาชีพ เราสามารถใช้วลีที่เป็นทางการมากกว่านี้ได้
ยกตัวอย่างเช่น
- Please accept my sincerest apologies regarding…
ได้โปรดรับการขอโทษอย่างจริงใจของฉันต่อเรื่อง… - Please accept this as my formal apology for…
ขออภัยอย่างเป็นทางการมา ณ โอกาศนี้สำหรับเรื่อง… - Allow me to apologize on behalf of the entire company.
ในนามของบริษัทดิฉัน(ผม)ขออภัยเป็นอย่างสูง