คำศัพท์ค้าขายภาษาอังกฤษ พ่อค้าแม่ค้า พนักงานขาย ฝ่ายขาย

หลายๆ คนที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน เพราะตัวเองมีอาชีพค้าขาย และอย่างที่ทราบกันดีว่า ชาวต่างชาติมักมีกำลังซื้อที่มากกว่า ดังนั้นเราจึงต้องเรียนภาษาอังกฤษเพื่อที่จะได้สื่อสารกับลูกค้าต่างชาติได้นั่นเอง ในบทเรียนนี้เรารวบรวมคำศัพท์ที่พ่อค้าแม่ค้าทุกคนควรรู้เมื่อค้าขายกับชาวต่างชาติ ทุกคนสามารถฝึกออกเสียงตามคำอ่านที่เขียนกำกับเอาไว้ และกดฟังเสียงคำศัพท์แต่ละคำเพื่อให้เราได้ออกเสียงเหมือนเจ้าของภาษากันได้เลย

งานขาย หรือที่เรียกว่า Sales ในภาษาอังกฤษ เป็นตำแหน่งที่เน้นการขายหรือให้บริการลูกค้า คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง/แผนกงานขายภาษาอังกฤษสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษสำหรับงานขายมีดังนี้

  • Salesperson (เซลส์เพอร์ซั่น) – พนักงานขาย
  • Sales Executive (เซลส์ เอ็กส์เซ็คคูทีฟ) – เจ้าหน้าที่บริหารงานขาย
  • Sales Representative (เซลส์ รีพรีเซ็นต์เททีฟ) – ตัวแทนขาย
  • Sales Coordinator (เซลส์ คอร์ดิเนเตอร์) – ผู้ประสานงานขาย
  • Sales Data Analyst (เซลส์ เดต้า อะนาลิสท์) – นักวิเคราะห์ข้อมูลการขาย
  • Sales Department (เซลส์ ดีพาร์ทเม้นท์) – ฝ่ายขาย

ส่วนการค้าขายภาษาอังกฤษ จะใช้คำว่า

Trade
(เทรด)
ค้าขาย, แลกเปลี่ยน

คำนี้นอกจากจะแปลว่าค้าขายแล้ว ยังสามารถแปลว่าแลกเปลี่ยนได้อีกด้วย

คำศัพท์ที่เกี่ยวกับการค้าขายอื่นๆ เช่น

  • do business (ดู บีสิเนส) – ทำการค้า, ทำธุรกิจ
  • sell (เซลล์) – ขาย
  • seller (เซลเล่อร์) – ผู้ขาย, แม่ค้า, พ่อค้า
  • vendor (เว็นเด้อร์) – ผู้ขาย (โดยเฉพาะตลาด, ข้างทาง)
  • merchant (เมอร์ช้านท์) – ผู้ขาย (มีของจำนวนมาก)
  • retail (รีเทล) – ค้าปลีก
  • wholesale (โฮล์วเซล) – ค้าส่ง

คำว่า ร้านขายของ ภาษาอังกฤษ สามารถใช้ได้หลายคำ ขึ้นอยู่กับประเภทของร้าน ดังต่อไปนี้

  • Shop (ช้อป) – ร้านค้า, ร้านขายของ
  • Store (สโตร์/สตอร์) – ร้านค้า (ใหญ่กว่า shop)
  • Grocery store (โกรสเซอร์รี่ สตอร์) – ร้านขายของชำ
  • Convenience store (คอนเว็นเนี่ยน สตอร์) – ร้านสะดวกซื้อ (เช่น 7-Eleven)
  • Department store (ดีพาร์ทเม้นท์ สตอร์) – ห้างสรรพสินค้า
  • Boutique (บูตีก) – ร้านขายของเฉพาะทาง (เช่น เสื้อผ้า หรือของตกแต่งหรู)

คำศัพท์ทั่วไปที่ใช้ในงานขาย

client (คลาย-เอ้นท์) แปลว่า ผู้ใช้บริการ

customer (คัส-ตูมเม้อร์) แปลว่า ลูกค้า, ผู้ซื้อสินค้า, ผู้บริโภค

ข้อควรรู้
ความแตกต่างระหว่าง client (ลูกค้า) และ customer (ลูกค้า) คือ client เน้นใช้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ เช่น ลูกค้าเช่าบ้าน ลูกค้าประกัน ลูกค้าตัดผม ส่วน customer เน้นใช้กับลูกค้าที่จับจ่ายใช้สอย ซื้อสินค้า อาหาร เช่น ลูกค้าซื้ออาหาร ลูกค้าซื้อเครื่องเขียน เป็นต้น

customer vs. client ต่างกันอย่างไร
customer = ลูกค้าซื้อของ
client = ลูกค้าใช้บริการ
customer vs. client

sell (เซล) แปลว่า การขายสินค้าหรือทรัพย์สินเพื่อแลกกับเงิน

sale (เซล) แปลว่า การเสนอขายสินค้าในราคาพิเศษ, การลดราคาสินค้า

discount (ดิสเค้าท์) แปลว่า การเสนอขายสินค้าในราคาที่ลดลง

to purchase (ทู เพอเชส) แปลว่า ซื้อ แต่มักใช้กับสิ่งของที่มีราคาหรือใช้ในบริบทที่เป็นทางการ

ข้อควรรู้
คำว่า sell (ขาย) และ sale (ลดราคา) ออกเสียงคล้ายกัน แต่ความหมายต่างกัน และมีหน้าที่ของคำ (Parts of speech) ต่างกัน คำว่า “sell” เป็นคำกริยา แปลว่า ขาย ในขณะที่คำว่า “sale” เป็นคำนาม จะแปลว่า “การขาย” หรือจะแปลว่า “ลดราคา” ก็แล้วแต่บริบท เช่น

  • for sale” แปลว่า “การขาย, สำหรับขาย”
  • on sale” แปลว่า “ลดราคา”

ตัวอย่างการใช้งาน

The car is for sale.
รถยนต์คันนี้สำหรับขาย

The car is on sale.
รถยนต์คันนี้กำลังลดราคา

sell vs. sale ต่างกันอย่างไร
sell = คำกริยา แปลว่า ขาย
sale = คำนาม แปลว่า ลดราคา
For sell vs. On sale

retail/ retailer – (รีเทล / รีเทลเล่อะ) แปลว่า ค้าปลีก, ผู้จำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้า

supplier (ซั๊พ-พลายเอ้อร์) แปลว่า ผู้จัดหาสินค้าหรือวัสดุให้กับร้านค้าหรือโรงงาน

supply (ซั๊พพลาย) แปลว่า จัดหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้กับบุคคลหรือองค์กรใดๆ

wholesale/ wholesaler (โฮลเซล / โฮลเซลเล่อะ) แปลว่า การขายสินค้าจากโรงงานในปริมาณมากๆ ให้กับผู้ค้าปลีก, ผู้ค้าส่ง

bargain (บาร์-เกน) แปลว่า การต่อรองราคา

Second-hand (เซค-เคิ่นด์ แฮนด์) แปลว่า การซื้อขายสินค้าที่เคยใช้งานมาแล้ว, การซื้อขายสินค้ามือสอง

expensive (อิคซ์เพนซีฟ) แปลว่า มีราคาแพง, มีค่าใช้จ่ายสูง

cheap (ชีพ) แปลว่า มีราคาถูก, มีค่าใช้จ่ายน้อย

expensive แปลว่า ราคาแพง
cheap แปลว่า ราคาถูก
Expensive vs. Cheap

fair (แฟร์) แปลว่า ค่อนข้างดี, ยอมรับได้

refund (รีฟันด์) แปลว่า การชำระเงินคืน, การคืนเงิน

cash (แคช) แปลว่า เงินสดที่อยู่ในรูปของเหรียญหรือธนบัตร

change (แช้งจ์) แปลว่า เงินทอน, เงินที่คืนให้เมื่อจ่ายเกินจำนวนที่ต้องชำระ

cash แปลว่า เงินสด
change แปลว่า เงินทอน
refund แปลว่า คืนเงิน
cash vs. change vs. refund

charge (ชาร์จ) แปลว่า ขอรับชำระเงิน, เรียกเก็บเงิน

rip off (ริพ ออฟ) แปลว่า การโก่งราคาเกินจริงไปมาก การขโมยหรือการหลอกลวง

overprice (โอ-เว่อะ ไพรซ์) แปลว่า การตั้งราคาแพงเกินความเหมาะสม

available (อะเวล-ละเบิ้ล) แปลว่า พร้อมจำหน่าย

guarantee (แกเรินที) แปลว่า คุ้มครองจากความเสียหายหรือสูญเสีย, การรับประกัน

out of stock (เอ้าท์ ออฟ สต๊อค) แปลว่า สินค้าคงคลังสำหรับขายให้ลูกค้ามีไม่เพียงพอชั่วคราว

a wide choice (เออะ ไวด์ ช้อยส์) แปลว่า ตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับสินค้าและบริการ

shop assistant (ชอพ อะซิสแท้นท์) แปลว่า พนักงานบริการลูกค้า คอยให้ความช่วยเหลือในการซื้อสินค้า

สำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้ในงานขาย

เหมือนการสนทนาภาษาอังกฤษหัวข้ออื่นๆ การสนทนาภาษาอังกฤษเมื่อขายของ ก็อาจมีการใช้สำนวนภาษาอังกฤษร่วมด้วย ต่อไปนี้คือสำนวนภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย

go window shopping (โก วิน-โดว์ ช้อปปิ้ง)

เดินดูสินค้าโดยไม่ได้ตั้งใจจะซื้อ

sell like hotcakes (เซล ไลค์ ฮอทเค้ก)

ขายสินค้าปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว, ขายดีมาก

go on a shopping spree (โก ออน เออะ ช้อปปิ้ง สะปรี)

ซื้อของมากเกินความจำเป็น

drive a hard bargain (ไดร์ฟ เออะ ฮาร์ด บาร์-เกน)

การเจรจาต่อรองอย่างหนักเพื่อให้บรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์

win-win situation (วิน-วิน ซิทุเอชั่น)

เมื่อทุกฝ่ายได้ประโยชน์จากการขาย

ballpark figure (บอลพาร์ค ฟิกเก่อะ)

ตัวเลขประมาณการคร่าวๆของสินค้าหรือบริการ

go the extra mile (โก ดิ เอ็คซ์ตร้า ไมล์)

การทุ่มเทมากเป็นพิเศษหรือการทำเกินความคาดหมายเพื่อใครบางคนหรือเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

bend over backward (เบนด์ โอเว่อะ แบคเวิร์ด)

พยายามทำสิ่งที่ท้าทายเพื่อสร้างความประทับใจให้กับกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าที่เอาใจยาก

อัพเดทล่าสุด: