คำนำหน้านามภาษาอังกฤษ (Determiner) คืออะไร มีอะไรบ้าง วิธีการใช้
บทเรียนนี้เราจะมาเรียนเกี่ยวกับคำนำหน้านาม (English Determiners) เช่น a, an, the, all, few, each เป็นต้น ซึ่งเป็นคำที่มีความสำคัญในการสร้างประโยคภาษาอังกฤษที่ถูกต้องและเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและผู้ที่ต้องการมีความมั่นใจในการพูดประโยคภาษาอังกฤษที่ถูกต้องมากขึ้น
คำนำหน้านาม (Determiner) ภาษาอังกฤษ คืออะไร
Determiner คือคำนำหน้าคำนาม จะถูกวางไว้หน้าคำนามเสมอ ใช้เพื่อชี้เฉพาะ บอกจำนวน ปริมาณ หรือแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งมีแยกไปอีกหลากหลายคำ การเรียน determiners ชนิดต่างๆ และวิธีการใช้ที่ถูกต้องมีความสำคัญในการสร้างประโยคในภาษาอังกฤษ
คำนำหน้านาม (Determiner) มีกี่ชนิด
Determiner ภาษาอังกฤษ มีทั้งหมด 7 ชนิด ได้แก่
- Articles หรือ ”คำนำหน้านาม“
- Demonstrative determiners หรือ “คำนำหน้านามบ่งชี้เฉพาะเจาะจง”
- Distributive derminers หรือ ”คำนำหน้านามแบ่งแยก“ หรือ “คำนำหน้านามแยกส่วน”
- Interrogative determiners หรือ “คำนำหน้านามตั้งคำถาม”
- Possessive determiners หรือ “คำนำหน้านามแสดงความเป็นเจ้าของ”
- Quantifying determiners and Number หรือ “คำนำหน้านามบอกปริมาณและจำนวน”
- Relative determiners หรือ “คำนำหน้าบ่งชี้สัมพัทธ์”
คำนำหน้านาม (Determiner) แต่ละชนิดมีหน้าที่และการใช้งานที่แตกต่างกันดังนี้
1. คำนำหน้านาม (Articles)
Articles เป็นคำนำหน้านาม (Determiner) ที่ใช้บอกว่าคำนามนั้นเป็นนามเฉพาะเจาะจงหรือไม่เฉพาะเจาะจง ในภาษาอังกฤษมีทั้งหมด 3 คำ คือ
- a
- an
- the
แต่ละคำมีวิธีการใช้งานและความหมายที่ต่างกันออกไปดังต่อไปนี้
- “a” — ใช้กับคำนามเอกพจน์ทั่วไปที่ไม่ได้เจาะจง และมีการออกเสียงขึ้นต้นเป็นเสียงพยัญชนะ (Consonant Sound) เช่น
- a car — รถหนึ่งคัน
- a book — หนังสือหนึ่งเล่ม
- a university — มหาวิทยาลัยหนึ่งแห่ง
- “an” — ใช้กับคำนามเอกพจน์ที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจง และมีการออกเสียงขึ้นต้นด้วยสระ (Vowel Sound) เช่น
- an apple — แอปเปิ้ลหนึ่งลูก
- an hour— หนึ่งชั่วโมง
- an honest person — คนซื่อสัตย์หนึ่งคน
- “the” — ใช้กับคำนามที่เฉพาะเจาะจง (รู้อยู่แล้วว่าเป็นสิ่งไหน) ชื่อของสถานที่/สิ่งที่มีอยู่เพียงอย่างเดียว ใช้ได้กับทั้งคำนามเอกพจน์และพหูพจน์ และใช้ “the” เมื่อกล่าวถึงคำนามที่กล่าวไปแล้วในบทสนทนา เช่น
- the sun — พระอาทิตย์
- The United Kingdom — สหราชอาณาจักร
- The Pacific Ocean — มหาสมุทรแปซิฟิก เป็นต้น
2. คำนำหน้านามบ่งชี้เฉพาะเจาะจง (Demonstrative determiners)
วิธีใช้คำบ่งชี้เฉพาะเจาะจงจะขึ้นอยู่กับจำนวนของสิ่งนั้นๆ และระยะห่างระหว่างผู้พูดกับสิ่งที่กำลังพูดถึง คำนำหน้าแบบบ่งชี้เฉพาะเจาะจงมีทั้งหมด 4 คำได้แก่ “this”, “that”, “these” และ “those”
- This (สิ่งนี้) — ใช้กับคำนามเอกพจน์ และอยู่ใกล้ตัวผู้พูด เช่น
- This book is interesting. — หนังสือเล่มนี้น่าสนใจ (หนังสือเล่มเดียว วางอยู่ใกล้ตัวผู้พูด)
- That (สิ่งนั้น) — ใช้กับคำนามเอกพจน์ และอยู่ไกลตัวผู้พูด เช่น
- I want that bag. — ฉันอยากได้กระเป๋าใบนั้น (กระเป๋าใบเดียว วางอยู่ไกลตัวผู้พูด)
- These (สิ่งเหล่านี้) — ใช้กับคำนามพหูพจน์ และอยู่ใกล้ตัวผู้พูด เช่น
- These flowers are beautiful. — ดอกไม้เหล่านี้สวย (ดอกไม้หลายดอก อยู่ใกล้ผู้พูด)
- Those (สิ่งเหล่านั้น) — ใช้กับคำนามพหูพจน์ และอยู่ไกลตัวผู้พูด เช่น
- Those dogs are loud. — หมาเหล่านั้นเสียงดัง (หมาหลายตัว อยู่ไกลตัวผู้พูด)
3. คำนำหน้านามแบ่งแยก (Distributive determiners)
คำนำหน้านามนี้ใช้บอกว่าสิ่งของนั้นอยู่แยกกัน หรืออยู่รวมกัน คำนำหน้านามที่ใช้แบ่งแยกที่สำคัญ และพบได้บ่อย มีดังต่อไปนี้
- Each (แต่ละ) — ใช้กับคำนามเอกพจน์ ใช้เมื่อแต่ละสิ่งในกลุ่ม แยกออกจากกัน เช่น
- Each day brings new opportunities. — แต่ละวันนำโอกาสใหม่ๆ มาให้ (พูดวันในแต่ละวัน)
- Every (ทุกๆ) — ใช้กับคำนามเอกพจน์ แต่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และมีคุณสมบัติบางอย่างที่เหมือนกัน เช่น
- Every student needs to study. — นักเรียนทุกคนจำเป็นต้องเรียน (นักเรียนแต่ละคนเป็นเอกพจน์ แต่รวมกันเป็นกลุ่ม และทุกคนเป็นนักเรียนเหมือนกัน)
- Either (อย่างใดอย่างหนึ่ง) — ใช้กับคำนามเอกพจน์ หมายถึงอย่างใดอย่างหนึ่งในสองสิ่งนั้น เช่น
- Either option is fine with me. — ตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งก็ได้สำหรับฉัน
- Neither (ไม่ใช่ทั้งสอง) — ใช้กับคำนามเอกพจน์ ที่ไม่ต้องการเลือกทั้งสองสิ่งนั้น, ไม่ใช่ หรือ ไม่เห็นด้วยกับทั้งคู่ เช่น
- Neither answer is correct. — ไม่มีคำตอบไหนถูกต้อง
- All (ทั้งหมด) — ใช้กับคำนามนับไม่ได้ และคำพหูพจน์ ใช้เพื่อเน้นภาพรวมของทั้งกลุ่ม ไม่มีใคร หรือส่วนใดแยกออกมา เช่น
- I like all dogs. —ฉันชอบหมาทุกตัว
4. คำนำหน้านามตั้งคำถาม (Interrogative determiners)
เป็นคำนำหน้านามที่ใช้ตั้งคำถาม หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนาม โดยจะวางไว้หน้าคำนามที่ต้องการถามหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม คำนำหน้านามตั้งคำถามที่พบบ่อยมี 3 คำ คือ “which”, “what” และ “whose”
- Which (อันไหน, สิ่งไหน) — ใช้ได้กับทั้งคำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้ จะใช้เมื่อต้องการเลือกอันใดอันหนึ่งจากคำนามที่กำหนดให้ เช่น
- Which book do you prefer? — หนังสือเล่มไหนที่คุณชอบ (เลือกหนังสือมาเล่มหนึ่ง)
- What (อะไร) — ใช้ได้กับทั้งคำนามนับได้และนับไม่ได้ ใช้เมื่อต้องการสอบถามแบบกว้างๆ เกี่ยวกับคำนามนั้นโดยไม่ได้ระบุเจาะจงคุณสมบัติอื่น เช่น
- What food do you like? — คุณชอบอาหารอะไร (ไม่ได้เจาะจงประเภทของอาหารที่ต้องเลือก)
- Whose (ของใคร) — ใช้กับคำนามเอกพจน์และพหูพจน์ และใช้สอบถามเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ เช่น
- Whose bag is this? — กระเป๋าใบนี้ของใคร (ถามหาเจ้าของกระเป๋าใบดังกล่าว)
5. คำนำหน้านามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive determiners)
เป็นคำนำหน้านามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ หรือความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดกับคำนามที่ตามหลังมา เราจะวางคำนำหน้านามประเภทนี้ไว้หน้าคำนามที่เราต้องการแสดงความเป็นเจ้าของเสมอ โดยจะเลือกใช้คำให้สอดคล้องกับผู้เป็นเจ้าของ ไม่ใช่ใช้ตามคำนามที่ตามหลัง
คำนำหน้านามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive determiners) มีทั้งหมด 7 คำดังต่อไปนี้
บุรุษสรรพนาม | Possessive determiner | คำแปลภาษาไทย |
---|---|---|
I | my | ของฉัน |
you | your | ของคุณ |
he | his | ของเขา (ผู้ชาย) |
she | her | ของเธอ |
it | its | ของมัน |
we | our | ของพวกเรา |
they | their | ของพวกเขา |
ตัวอย่าง
- These are my pencils. — ปากกาเหล่านี้เป็นของฉัน (ปากกาหลายแท่ง)
- They sold their house. — พวกเขาขายบ้านของพวกเขา
6. คำนำหน้านามบอกปริมาณและจำนวน (Quantifying determiners and number)
ใช้บอกปริมาณหรือจำนวนของคำนามให้ทราบว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน หากต้องการระบุปริมาณเฉพาะ เช่น หนึ่ง, สอง, สาม เป็นต้น จะใช้ตัวเลข (number) นำหน้านาม แต่หากต้องการบอกว่ามีปริมาณมาก/น้อย จะใช้คำบอกปริมาณ (Quantifying)
เราสามารถแบ่งการใช้งานตามประเภทของคำนามได้ดังนี้
ตัวเลขนำหน้านาม (Number)
- จำนวนนับได้ (Cardinal Numbers) เช่น
- one
- two
- three
- ตัวเลขลำดับ (Ordinal Numbers) เช่น
- first
- second
- third
คำนำหน้านามบอกปริมาณ (Quantifying)
- ใช้กับคำนามนับได้ (Countable Nouns) ใช้กับคำนามพหูพจน์
- Many เช่น many books — หนังสือหลายเล่ม
- A few เช่น a few friends — เพื่อนสองสามคน
- Few เช่น few cars — รถไม่กี่คัน
- Several เช่น several options — ตัวเลือกหลายอย่าง
- ใช้กับคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Nouns)
- Much เช่น much water — ปริมาณน้ำมาก
- A little เช่น a little sugar — น้ำตาลปริมาณเล็กน้อย
- Little เช่น little time — เวลาน้อย
- ใช้ได้กับทั้งคำนามนับได้และนับไม่ได้
- Some มัเช่น some information — ข้อมูลบางส่วน
- Any เช่น any questions — คำถามใดๆ
- No เช่น no evidence — ไม่มีหลักฐาน
- All เช่น all children — เด็กทุกคน
- Most เช่น most people — คนส่วนใหญ่
- Enough เช่น enough time — เวลาเพียงพอ
7. คำนำหน้าบ่งชี้สัมพัทธ์ (Relative determiners)
เป็นคำนำหน้านามที่ใช้ในประโยค Relative clause เพื่อเชื่อมคำนามกับส่วนเติมเต็ม โดยทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดคำนามในอนุประโยคนั้นๆ ได้แก่
- whose (…ของใคร) — ใช้เมื่อคำนามนั้นเป็นของใครคนหนึ่ง เช่น
- I know whose car you stole. — ฉันรู้นะว่ารถของใครที่คุณขโมยมา
- which/whichever (…อันไหน/สิ่งไหน) — ใช้เมื่อต้องเลือกอันใดอันหนึ่งจากคำนามที่กำหนด เช่น
- I don’t know which bag you are referring to. — ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงกระเป๋าใบไหน
- what /whatever (อะไรก็ได้) — ใช้เมื่อไม่ต้องการระบุแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับคำนามนั้นเลย เช่น
- What book to buy doesn’t matter. — จะซื้อหนังสือเล่มไหนก็ไม่สำคัญหรอก
ข้อควรจำ
คำนำหน้านามบ่งชี้สัมพัทธ์จะต้องตามด้วยคำนามหรือประโยคที่ทำหน้าที่เป็นคำนามเสมอ หากเราพบคำ whose, which, what ที่ไม่ได้มีคำนามตามหลัง คำว่า whose, which, what เหล่านั้นมักเป็นสรรพนามภาษาอังกฤษที่ใช้ในประโยคคำถาม