20 วิธีตอบคำถาม “คุณมีคำถามอะไรไหม” ในการสัมภาษณ์งานภาษาญี่ปุ่น
คุณเรียนคอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่นจบแล้ว และคุณยังติวสอบ JLPT แล้วอีกด้วย หากคุณแน่ใจแล้วว่าคุณจะไปทำงานที่ญี่ปุ่น อย่าลืมเช็คบทความ 44 คำถามสัมภาษณ์งานภาษาญี่ปุ่นของเรา เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคำถามใดๆ ก็ตามในการสัมภาษณ์งานภาษาญี่ปุ่น
คำถามหนึ่งที่ค่อนข้างสำคัญในการสัมภาษณ์งานภาษาญี่ปุ่นคือคำถาม
最後に質問ありますか?
(Saigo ni shitsumon arimasu ka?)
คุณมีคำถามสุดท้ายหรือไม่?
หรือคุณอยากถามอะไรหรือไม่ หากเราสัมภาษณ์งานในประเทศไทยเราคงคุ้นเคยกับคำถามนี้ดี และไม่เครียดกับมันเท่าไหร่ เพราะคนสัมภาษณ์มักไม่ได้หวังว่าเราจะมีคำถามอะไรที่จะถามเขามากมาย แต่ในประเทศญี่ปุ่น หากคุณมีคำถาม คุณอยากรู้ หมายความว่าคุณมีความกระตือรือร้น และสนใจในบริษัท ดังนั้นการมีคำถามที่จะถามคนสัมภาษณ์จึงสำคัญ ต่อไปนี้เป็น 20 คำถามที่คุณสามารถนำไปใช้ถามผู้สัมภาษณ์ได้ คุณควรเลือกใช้แค่ 2-3 คำถามก็เพียงพอแล้ว โดยเลือกคำถามที่เหมาะสมกับคุณ สายงาน และบริษัทที่สมัครมากที่สุด
1)
御社でいち早く活躍できるために、入社前に勉強しておいたほうがいいことは何ですか。
(Onsha de ichihayaku katsuyaku dekiru tame ni, nyūsha mae ni benkyō shite oita hō ga ī koto wa nanidesu ka.)
ฉันควรต้องเรียนอะไรบ้างก่อนที่จะมาร่วมงานกับบริษัท เพื่อทำงานให้กับบริษัทของคุณได้ทันที?
ข้อควรจำ : ในฐานะนักศึกษาจบใหม่ คุณจะมีเวลาเหลืออีกหนึ่งปี (ในบางกรณีอาจนานกว่านั้น) ก่อนที่คุณจะร่วมงานกับบริษัทจริงๆ และเวลาถือเป็นทรัพยากรที่มีค่า การถามว่าคุณจะใช้เวลานี้เตรียมตัวอย่างไรให้ดีที่สุดก็มีแนวโน้มว่าจะสร้างความประทับใจที่ดีได้
2)
御社には新入社員の早期活躍を促進する制度<がありますか。
(Onsha ni wa shin’nyū shain no sōki katsuyaku o sokushin suru seido < ga arimasu ka.)
มีระบบหรือแผนงานใดบ้างในบริษัทของคุณที่จะช่วยให้ผู้ที่มาใหม่สามารถเข้ามาเป็นส่วนสำคัญของบริษัทได้เร็วที่สุด?
คำถามนี้แสดงให้เห็นทั้งความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ ปรับปรุงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น (โดยส่งสัญญาณให้พวกเขารู้ด้วยว่าคุณตั้งใจที่จะให้ความเคารพและใช้ประโยชน์จากระบบภายในมากกว่าจะทำทุกสิ่งด้วยตนเอง)
3)
新卒として入社した社員が、どのぐらいの期間で初めての成果>を出していますか。
(Shinsotsu to shite nyūsha shita shain ga, dono gurai no kikan de hajimete no seika > o dashite imasu ka.)
ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าที่นักศึกษาจบใหม่ (โดยเฉลี่ย) จะมีส่วนร่วมสำคัญในบริษัทของคุณ?
คำถามนี้สามารถวัดระดับความคาดหวังได้ว่าอยู่สูงแค่ไหน คำตอบที่ได้ยังให้แนวคิดบางอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมฝึกอบรมภายในและระยะเวลาที่พวกเขาใช้ด้วย หากคุณต้องการทราบว่าอะไรถือเป็น “ส่วนร่วมสำคัญ” คุณอาจจะถามต่อว่า それはどのような成果ですか ? (สิ่งเหล่านั้นคือการมีส่วนร่วมแบบไหน)
4)
(先ほど話したように) ○○ の経験・資格・知識があるのですが、それは御社ではどのように活かせられますでしょうか。
((Saki hodo hanashita yō ni)… No keiken shikaku chishiki ga aru nodesuga, soreha onshade wa dono yō ni ikase raremasudeshou ka.)
(อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้) ฉันมีประสบการณ์ คุณสมบัติ และความรู้เกี่ยวกับ ….ฉันจะนำไปใช้ในบริษัทของคุณได้อย่างไร?
คำถามนี้เป็นการเน้นย้ำจุดแข็งของคุณและความอุตสาหะที่เคยมีมา ในขณะที่ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์อะไรหลายๆอย่างที่คุณมีอยู่แล้วอีกด้วย คำถามนี้สามารถปรับเปลี่ยนใหม่ได้ในทุกรูปแบบเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์และคุณสมบัติด้านบวกของคุณ
แน่นอนว่า สิ่งต่างๆที่คุณพูดถึงควรจะต้องสัมพันธ์กับธุรกิจของบริษัทด้วย (ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นไม่ได้สร้างความประทับใจ แต่เพียงเพราะคุณต้องการให้เขาอำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับคุณเท่านั้น)
5)
入社する上で覚悟しておいたほうがいい点はありますか。
(Nyūsha suru ue de kakugo shite oita hō ga ī ten wa arimasu ka.)
มีอะไรที่ฉันควรเตรียมตัวมาก่อนร่วมงานกับบริษัทหรือไม่?
นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหลายคนตระหนักดีว่าวัฒนธรรมของพวกเขาแตกต่างจากที่ชาวต่างชาติคุ้นเคย จึงมีความไม่แน่นอนว่าผู้สมัครชาวต่างชาติจะรับมือกับมันได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่พวกเขาไม่ยื่นข้อเสนองานมาให้ การถามไปก่อนล่วงหน้าว่าควร “เตรียมตัวเอง” อย่างไร เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้คาดหวังให้ทุกสิ่งเป็นไปตามต้องการ 100%
6)
御社で高評価を受けている方に共通点がありますか?
(Onsha de kō hyōka o ukete iru kata ni kyōtsū-ten ga arimasu ka?)
บุคคลที่ได้รับการเคารพนับถือในบริษัทมีอะไรที่คล้ายคลึงกันหรือไม่?
โดยทั่วไปในสังคมญี่ปุ่นจะคาดหวังให้คนหนุ่มสาวต้องให้ความเคารพต่อผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่า (ที่เรียกว่า “Senpai” หรือ “รุ่นพี่”) การถามถึงคุณสมบัติที่ดีของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าคุณมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้จากผู้อื่นและปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของคุณ
7)
外国出身の社員に一番期待していることは何ですか。
(Gaikoku shusshin no shain ni ichiban kitai shite iru koto wa nanidesu ka.)
คุณคาดหวังอะไรมากที่สุดจากคนต่างชาติ (ที่คุณจ้างมา)?
แม้ว่าจำนวนบริษัทญี่ปุ่นที่จ้างงานชาวต่างชาติจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่ายังไม่สูงมาก เว้นเสียแต่ว่าคุณจะอยู่ในภาคส่วนที่เป็นที่ต้องการ (เช่น งานบริการ, งานก่อสร้าง) ซึ่งปกติบริษัทต่างๆก็จะมีเหตุผลว่าทำไมจึงเลือกที่จะรับชาวต่างชาติเช่นกัน ซึ่งต้องลองหาเหตุผลของคำถามนี้ดูเอง
8)
御社で管理職になっている方がどのような経験を持っているのでしょうか。
(Onsha de kanrishoku ni natte iru kata ga dono yōna keiken o motte iru nodeshou ka.)
การเป็นผู้จัดการในบริษัทของคุณต้องมีประสบการณ์ใดบ้าง?
ตรงข้ามกับคำถามข้อ 7 คำถามนี้จะพุ่งเป้าไปที่เรื่องของอาชีพมากกว่า โดยการขอตัวอย่างประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรมแทนคุณสมบัติหรือลักษณะนิสัยที่ไม่ชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณมีความทะเยอทะยาน เพราะมันบ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งเป้าหมายเพื่อไปถึงตำแหน่งผู้บริหารด้วยตัวเอง
9)
御社の…は素晴らしいと思っております。入社したら、それに貢献できるチャンスが得られますでしょうか。
(Onsha no… wa subarashī to omotte orimasu. Nyūsha shitara, soreni kōken dekiru chansu ga e raremasudeshou ka.)
ฉันคิดว่า…(ผลิตภัณฑ์/บริการ)…ของบริษัทคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก หากได้ร่วมงานกับบริษัท ฉันจะมีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนามันหรือไม่?
การชื่นชมผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทเป็นความคิดที่ดีเสมอ อย่างไรก็ตามก็ต้องระวังในการพูด คุณควรให้เหตุผลที่แท้จริงในการชื่นชมสิ่งเหล่านั้นด้วย ไม่เช่นนั้นผู้สัมภาษณ์ก็มักจะตีความการกระทำของคุณเป็นอย่างอื่นแทน
10)
御社が新入社員に一番期待していることについて教えていただけますでしょうか。
(Onsha ga shin’nyū shain ni ichiban kitai shite iru koto ni tsuite oshiete itadakemasudeshou ka.)
สิ่งที่คุณคาดหวังจากคนที่มาใหม่ในบริษัทคืออะไร?
คำถามนี้มักจะได้คำตอบที่คลุมเครือ (โดยส่วนใหญ่ก็มักจะพูดให้ดูน่าสนใจเกินจริง) แต่คุณก็ยังได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัฒนธรรมของบริษัทด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากคำตอบที่ได้เป็นในลักษณะ “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องขยันไว้ก่อน” คุณก็สามารถกลับมาทบทวนได้ด้วยว่าคุณกำลังติดต่อกับบริษัทที่คุณไม่ควรทำงานด้วยหรือไม่
11)
職の一日の流れについて、詳しく教えていただけますでしょうか。
(Shoku no tsuitachi no nagare ni tsuite, kuwashiku oshiete itadakemasudeshou ka.)
คุณช่วยรายละเอียดงานที่ต้องทำในแต่ละวันหน่อยได้ไหม?
คำถามนี้แสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้สนใจแค่เรื่องใหญ่ๆเท่านั้น แต่ยังสนใจกระบวนงานต่างๆที่ค่อนข้างน่าเบื่อประจำวันด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วนักศึกษาจบใหม่จะไม่ได้รับตำแหน่งงานที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมตั้งแต่ต้น การระบุชัดถึงตำแหน่งงานที่คุณตั้งเป้าไว้ (พูดอีกครั้ง ในกรณีที่คุณแจ้งไว้เรียบร้อยแล้ว) เป็นการแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าคุณได้วางแผนอนาคตของคุณในบริษัทแห่งนี้แล้ว
12)
御社での日々の業務において、一番大切にしてほしいことは何ですか。
(Onsha de no hibi no gyōmu ni oite, ichiban taisetsu ni shite hoshī koto wa nanidesu ka.)
อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการให้ใส่ใจมากที่สุดในการทำงานประจำวันที่บริษัทของคุณ?
คำถามนี้อยู่ตรงกลางระหว่างคำถามข้อ 10 และ 11 เป็นคำถามที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจในรายละเอียดและสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวันรวมไปถึงวัฒนธรรมในองค์กรด้วย
13)
新卒で御社に入った方が最初>に失敗する場面は何ですか?
(Shinsotsu de onsha ni haitta kata ga saisho > ni shippai suru bamen wa nanidesu ka?)
อะไรเป็นสิ่งแรกที่เด็กจบใหม่ (โดยปกติ) มักจะผิดพลาดในบริษัทของคุณ?
คำถามนี้แสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้คาดหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นตั้งแต่ต้น และได้วางแผนรับมือล่วงหน้าโดยให้ความสนใจกับข้อผิดพลาดอื่นๆไว้ก่อนที่คุณจะทำมัน
14)
御社の事業の中でもっとも関心があるのは…事業なのですが、その事業の一番の課題は何だと考えていらっしゃいますか。
(Onsha no jigyō no naka de mottomo kanshin ga aru no wa… Jigyōna nodesuga, sono jigyō no ichiban no kadai wa nanida to kangaete irasshaimasu ka.)
จากธุรกิจทั้งหมดที่บริษัทของคุณมี ฉันสนใจธุรกิจ…ของคุณมากที่สุด คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ท้าทายมากที่สุดในธุรกิจนี้?
คำถามนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ว่าคุณจะไม่ได้รับการว่าจ้าง คุณก็ได้คิดเกี่ยวกับธุรกิจนี้ไว้อยู่แล้วและสนใจที่จะเข้ามาพัฒนาบริษัท เป็นคำถามที่ดีที่สุดเมื่อคุณได้สัมภาษณ์กับผู้จัดการหรือผู้บริหารของบริษัท (โดยปกติคือการสัมภาษณ์ครั้งที่ 2 หรือ 3 เป็นต้นไป)
15)
競合他社と比べて, 自社のどのような点が一番の強みとなっていると感じていらっしゃいますか。
(Kyōgō tasha to kurabete, Jisha nodo no yōna ten ga ichiban no tsuyomi to natte iru to kanjite irasshaimasu ka.)
คุณรู้สึกว่าอะไรคือจุดแข็งที่แกร่งที่สุดของบริษัทของคุณเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
แม้ว่าคำถามนี้จะค่อนข้างคลุมเครือแต่การเปลี่ยนหัวข้อสนทนาลงไปสู่ระดับที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้ต้องการทราบเกี่ยวกับภาพรวมของบริษัทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบุคลากรที่ทำงานอยู่ที่นั่นด้วย
16)
御社のウエブサイトで働き方改革の取り組みについての情報を拝見いたしましたが、その取り組みによって日々の仕事がどのように変わりましたか。
(Onsha no uebusaito de hataraki-kata kaikaku no torikumi ni tsuite no jōhō o haiken itashimashitaga, sono torikumi ni yotte hibi no shigoto ga dono yō ni kawarimashita ka.)
ฉันได้อ่านเรื่องความพยายามที่จะสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดีขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ การทำงานในแต่ละวันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรจากความพยายามต่างๆเหล่านี้?
คำถามลักษณะนี้จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการทำงานของบริษัทโดยไม่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี หากคุณต้องการถามถึงสภาพแวดล้อมการทำงาน, การลาพักร้อน, เงินเดือน ฯลฯ ลองเชื่อมโยงกับข้อมูลของบริษัทที่เปิดเผยต่อสาธารณะดู
17)
自分の意見をはっきり口に出す傾向があるのですが、御社は意見を自主的に主張することが許される環境なのでしょうか。
(Jibun no iken o hakkiri kuchinidasu keikō ga aru nodesuga, onsha wa iken o jishu-teki ni shuchō suru koto ga yurusa reru kankyōna nodeshou ka.)
ฉันมักจะแสดงความคิดเห็นของฉันอย่างชัดเจน บริษัทของคุณมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ผู้คนสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองได้อย่างมีอิสระหรือไม่?
อันนี้เป็นคำถามที่ค่อนข้างเฉียบขาด ที่ต้องถามอย่างระมัดระวัง ในขณะที่นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความสามัคคีและอัตลักษณ์ของกลุ่ม แต่ความกระตือรือร้อนและความเป็นอิสระทางความคิด (ตราบใดที่ไม่ใช่ความดื้อรั้น) ก็เป็นเรื่องที่ถูกมองในแง่บวกเช่นกัน ในความเป็นจริง หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นมักถูกมองว่ายังขาดคุณสมบัติข้อนี้ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนชาวต่างชาติ
18)
…職の個人目標はどのように設定されますか。評価の仕組みにはどのような特徴がありますか。
(… Shoku no kojin mokuhyō wa dono yō ni settei sa remasu ka. Hyōka no shikumi ni wa dono yōna tokuchō ga arimasu ka.)
เป้าหมายการทำงานของตำแหน่ง…คืออะไร? ลักษณะของระบบการประเมินคืออะไร?
เมื่อพูดถึงการทำงาน ทั้งหมดมักจะเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายและการทำให้ถึงเป้าหมาย การถามว่าคุณควรคิดอย่างไรเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณ และประเมินความสำเร็จและความล้มเหลวอย่างไร ช่วยให้เข้าใจได้อย่างลึกซึ้งว่าต้องทำตัวอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายได้อย่างพอดี คำถามนี้ยังแสดงให้เห็นว่าคุณต้องการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวิธีการทำสิ่งต่างๆของบริษัทด้วย
19)
御社に女性の方が何人ぐらい働いていますか。また、その方々の平均勤務年数と年齢層を教えていただけますでしょうか。
(Onsha ni josei no kata ga nan-ri gurai hataraite imasu ka. Mata, sono katagata no heikin kinmu nensū to nenrei-sō o oshiete itadakemasudeshou ka.)
บริษัทของคุณมีผู้หญิงกี่คน? ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าจำนวนปีโดยเฉลี่ยที่พวกเขาทำงานให้กับบริษัทเป็นกี่ปี และช่วงอายุโดยเฉลี่ยของพนักงานผู้หญิงคืออายุเท่าไหร่
เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ว่ายังมีบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งที่ทำให้ผู้หญิงทำงานลำบาก สำหรับคำถามนี้ทำให้คุณตรวจสอบได้ว่าบริษัทนี้เป็นมิตรกับผู้หญิงเพียงใด จำนวนพนักงานหญิงน้อย/จำนวนปีที่ทำงานก็ต่ำหรืออายุเฉลี่ยค่อนข้างสูง หมายความว่า คุณกำลังติดต่อกับบริษัทที่คาดหวังให้พนักงานหญิงลาออกทันที่ที่พวกเขาตัดสินในอะไรบางอย่างในชีวิต
20)
本日の面接で私と話して、改善しておいたほうがいいことや考え直してほしいことがありましたら、教えていただけますか。
(Honjitsu no mensetsu de watashi to hanashite, kaizen shite oita hō ga ī koto ya kangaenaoshite hoshī koto ga arimashitara, oshiete itadakemasu ka.)
การคุยกับฉันในวันนี้ มีอะไรบ้างที่คิดว่าฉันต้องปรับปรุง (เกี่ยวกับตัวเอง) หรือต้องกลับมาทบทวนใหม่?
ความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความอ่อนน้อมถ่อมตนก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กจบใหม่ คำถามนี้แสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้กลัวการวิจารณ์และเต็มใจที่จะปรับปรุงตัวเอง
นอกจากความมั่นคงในการทำงานแล้ว บริษัทญี่ปุ่นยังให้สวัสดิการที่ดีแก่พนักงาน เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินบำนาญ และบางกรณีค่าใช้จ่ายการเดินทางด้วย อย่างไรก็ตาม การทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นอาจมีความท้าทายจากวัฒนธรรมและสังคมการทำงานของญี่ปุ่น เช่น การทำงานยาวหลายชั่วโมงต่อวัน การเคารพผู้อาวุโส และตัดสินใจช้าในการดำเนินการต่างๆ เป็นต้น ดังนั้นคุณจึงควรเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นไว้ด้วย เช่น การโค้งคำนับแบบญี่ปุ่น และการแสดงความสุภาพในสถานการณ์ต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้การพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เป็นความสามารถที่จะช่วยให้คุณได้รับการพิจารณามากขึ้น ดังนั้นหากคุณไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นแต่อยากทำงานในบริษัทญี่ปุ่น คุณสามารถหาคอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่นสำหรับผู้ใหญ่วัยทำงาน เพื่อเพิ่มทักษะทางภาษาญี่ปุ่นให้คุณได้เลย