เลือกหนังเรียนภาษาอังกฤษที่ใช่สำหรับคุณ

การเรียนภาษาอังกฤษจากหนังจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้การใช้ประโยคในสถานการณ์ที่ถูกต้อง การออกเสียงพูด รวมถึงคำแสลง หรือคำสบถที่เราอาจไม่ได้เรียนในชั้นเรียนทั่วไป เทคนิคการเลือกหนังเพื่อเรียนภาษาอังกฤษ เราแนะนำให้คุณเลือกหนังที่มีการดำเนินเรื่องในสถานที่/สถานการณ์ใกล้เคียงกับชีวิตประจำวันของคุณ เพราะคุณจะนำประโยคเหล่านั้นไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายมากขึ้น เช่น หากคุณอยู่ในวัยเรียน อาจจะเลือกหนังที่มีการดำเนินเรื่องในสถานศึกษา เป็นต้น

หนังวัยรุ่น

หนังประเภทนี้มักจะดำเนินเนื้อเรื่องในโรงเรียน หรือสถานศึกษาเป็นหลัก คุณจะได้เรียนรู้การพูด และคำศัพท์ต่างๆที่นักเรียน นักศึกษาพูดกันในชีวิตประจำวัน มักพบคำสบถในหนัง เหมาะสำหรับนักเรียนวัยเรียน และผู้ที่ต้องการเรียนคำแสลง หากมีคำสบถในหนัง นักเรียนควรได้รับคำแนะนำการใช้คำเหล่านั้น

ตัวอย่างหนังวัยรุ่น เช่น Midnight Sun, Onward, The Half of it, To All the Boys I’ve Loved Before, Harry Potter เป็นต้น

หนังตลก

ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Comedy หนังประเภทนี้มักใช้คำศัพท์ที่ง่ายต่อการเข้าใจ อาจมีการเรียบเรียงประโยคไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์บ่อยครั้ง มักมีคำแสลง และคำสบถเยอะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเรียนด้วยความตึงเครียด คุณควรคำนึงถึงเรท หรือระดับของหนังตลกเหล่านี้เพื่อดูว่าเหมาะสมสำหรับวัยของผู้ชมหรือไม่

ตัวอย่างหนังตลก เช่น How to lose a guy in 10 days, Charlie’s Angels, Rush Hour เป็นต้น

หนังสยองขวัญ

เป็นหนังที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อขู่ขวัญผู้ชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการฆาตกรรม สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว หรือคนชั่ว เป้าหมายของหนังคือทำให้คนดูกลัว หนังประเภทนี้อาจไม่เหมาะสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษจากหนังสักเท่าไหร่เนื่องจากบ่อยครั้งตัวละครไม่ค่อยมีบทพูด หรือมีบทพูดน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ

ตัวอย่างหนังสยองขวัญ เช่น Servant, Night of the Living Dead, Resident Evil, Jaws เป็นต้น

หนัง Sci-fi

มาจากชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า Science Fiction เรียกสั้นๆว่า ไซไฟ เป็นหนังนิยายวิทยาศาสตร์ ผู้ชมต้องใช้จินตนาการและเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยอิงหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ สิ่งมีชีวิตนอกโลก ยานอวกาศ หุ่นยนต์ ไซบอร์ก การเดินทางระหว่างดวงดาว หรือเทคโนโลยีอื่นๆ

ตัวอย่างหนัง Sci-fi เช่น Lost in Space, Serenity, Avatar เป็นต้น

หนังแฝงประวัติศาสตร์

เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในอดีต เรื่องราวอาจจะยึดอยู่กับเหตุการณ์ใดที่เกิดขึ้นในอดีต หรือประวัติชีวิตในอดีตของคนใดคนหนึ่ง โดยอาจมีการต่อเติมให้เรื่องน่าสนใจมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ และต้องการเรียนภาษาอังกฤษไปในตัว

ตัวอย่างหนังแฝงประวัติศาสตร์ เช่น Theory of Everything, The Danish Girl, Apollo 13, Marie Antoinette เป็นต้น

หนังจากหนังสือวรรณกรรม

เป็นหนังที่มีการเรียบเรียงเนื้อเรื่อง และคำพูดตามหนังสือวรรณกรรม มักจะใช้ชื่อเดียวกับวรรณกรรมนั้น คุณจะได้เรียนรู้คำศัพท์ขั้นสูง คำพูดในหนังมีคำพูดที่สละสลวย หรือเป็นทางการมากกว่าหนังประเภทอื่นๆ

ตัวอย่างหนังจากวรรณกรรม เช่น Pride and Prejudice, The Great Gatsby, Little Women, Les Misérables, Jane Eyre เป็นต้น

สุดท้ายแล้วคุงที่คุณชอบ หรือสนใจจริงๆ เพราะจะทำให้คุณรู้สึกกับการเรียนมากขึ้น และช่วยให้จำคำศัพท์ต่างๆได้ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น การดูหนังเพื่อเรียนภาษาอังกฤษเป็นวิธีหนึ่งในการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ยังมีอีกหลายวิธีที่คุณควรเลือกดูเพื่อพิจารณาว่าวิธีไหนเหมาะสำหรับคุณมากที่สุด

อัพเดทล่าสุด: