เปิดสอนพิเศษ ใช้อะไรบ้าง
มีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงและเตรียมการเมื่อต้องการจะเปิดสอนพิเศษหรือโรงเรียนกวดวิชา เริ่มตั้งแต่การเลือกหลักสูตรและสื่อการสอน การกำหนดกลุ่มลูกค้า การคัดเลือกทีมงาน การวางระบบบริหาร ไปจนถึงทำเลที่ตั้ง รูปแบบการดำเนินธุรกิจ การตั้งราคาค่าคอร์ส การตั้งงบประมาณที่ต้องการลงทุนเบื้องต้น ฯลฯ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การหานักเรียนเพื่อมาเรียนพิเศษหรือการทำการตลาดให้โรงเรียนเป็นที่รู้จัก นักเรียนและผู้ปกครองเป็นหัวใจสำคัญที่จะสามารถตัดสินได้ว่าธุรกิจของคุณสามารถอยู่รอดได้หรือไม่
หลักสูตรและสื่อการสอน
สิ่งที่จะต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกในการเปิดสอนพิเศษ คือ ติวเตอร์ต้องตัดสินใจให้ได้ว่าคุณต้องการสอนวิชาอะไรและใช้หลักสูตรใด อะไรที่ทำให้คุณแตกต่างจากที่อื่นๆ โดยปกติติวเตอร์จะเลือกสอนวิชาที่ตนเองเชี่ยวชาญ หรือมีวุฒิการศึกษาทางด้านนั้นๆ เพราะไม่เสียเวลาในการเตรียมตัวมากเกินไปและเป็นคุณสมบัติที่ทำให้นักเรียนตัดสินใจมาเรียนด้วย โดยต้องไม่ลืมว่าทักษะความรู้ที่มีอยู่นั้นต้องอัพเดทอยู่เสมอ เมื่อกำหนดวิชาและหลักสูตรเรียบร้อยแล้ว จึงสามารถวางแผนการสอน จัดทำตารางสอน ตารางเรียน และเลือกสื่อการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนต่อไปได้
กำหนดงบประมาณการลงทุน
การเปิดสอนพิเศษก็เหมือนกับการทำธุรกิจอื่นๆ คุณต้องตั้งงบประมาณที่พร้อมจะลงทุน โดยต้องไม่ลืมคำนวณเงินทุนหมุนเวียนและระยะเวลาที่ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้ในกรณีที่รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ งบประมาณจะเป็นตัวกำหนดรูปการบริหาร การทำการตลาด คุณภาพของสื่อการสอนและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการสอน ค่าจ้างทีมงานและทีมติวเตอร์ รวมไปถึงทำเลที่ตั้งของโรงเรียน หากมีงบประมาณจำกัด ติวเตอร์อาจจะต้องใช้เวลาและทักษะในการดำเนินธุรกิจมากกว่า อย่างไรก็ตามหากมีการวางแผนและการบริหารงานที่ดีก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
กำหนดรูปแบบธุรกิจ
ทุกวันนี้รูปแบบของธุรกิจสอนพิเศษมีหลายประเภท คุณต้องเลือกรูปแบบธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง ตัวอย่างเช่น
- การซื้อแฟรนไชส์สอนพิเศษ : เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินลงทุน ผู้ที่ต้องการแนวทางการบริหารและมีหลักสูตรสำเร็จรูปพร้อมใช้ ข้อดีของระบบแฟรนไชส์ คือ ไม่เสียเวลามากเท่ากับการเปิดโรงเรียนด้วยตัวเอง แต่คุณต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับเจ้าของแฟรนไชส์ และขาดอิสระในการจัดการเรียนการสอนด้วยตัวเอง
- การเปิดโรงเรียนสอนพิเศษที่บ้าน วิธีนี้อาจจะต้องเตรียมตัวมากหน่อยแต่ลงทุนไม่มาก เพราะไม่ต้องเสียค่าเช่าสถานที่ แต่คุณต้องแน่ใจว่าจัดสถานที่เรียนได้อย่างเหมาะสม
- การเช่าสถานที่ต่างๆ เพื่อสอนพิเศษ เช่น โซนการศึกษาในห้างสรรพสินค้า อาคารพาณิชย์ใกล้โรงเรียน หรือเวิร์คกิ้งสเปซ เป็นต้น จุดแข็งของรูปแบบนี้คือทำเลที่ดี สะดวกสบายในการเดินทาง มีที่จอดรถแต่ราคาค่าเช่าค่อนข้างสูง คุณจำเป็นต้องคำนวณกำไรขาดทุนให้ดี
- การเดินทางไปสอนตามบ้านของนักเรียน วิธีการนี้สามารถทำรายได้ได้ค่อนข้างมาก เพราะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักเรียน เพียงแต่ต้องจัดตารางเวลาให้ดี เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
- การสอนออนไลน์ มีติวเตอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายคนสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการสอนออนไลน์ เพราะกลุ่มเป้าหมายของคุณไม่ได้จำกัดอยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง แต่นักเรียนของคุณมีอยู่ทั่วโลก
นักเรียนเรียนพิเศษ
คุณจำเป็นต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนว่าต้องการสอนวิชาอะไร ให้กับนักเรียนชั้นไหน อายุเท่าไหร่ สอนหลักสูตรใด หลักสูตรไทย อีพีหรืออินเตอร์ เป็นต้น หากคุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเฉพาะเจาะจงเท่าไหร่ การทำการตลาดหานักเรียนก็จะทำได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีการหานักเรียนหลายวิธี ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ แบบเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย สามารถเลือกได้ตามระยะเวลา งบประมาณและ ทักษะของติวเตอร์ ตัวอย่างวิธีการหานักเรียนเรียนพิเศษ เช่น
- สมัครเป็นติวเตอร์บนเว็บไซต์ค้นหาติวเตอร์ เช่น BestKru
- ใช้บริการนายหน้าติวเตอร์
- ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ในโซเชียลมีเดีย
- ทำโบรชัวร์หรือโปสเตอร์ติดบอร์ดสาธารณะหรือแจกตามจุดต่างๆ
- หานักเรียนจากเว็บบอร์ดติวเตอร์กลุ่มต่างๆ
การทำการตลาด
เมื่อเราเตรียมทุกอย่างพร้อมเปิดโรงเรียนหรือพร้อมเริ่มสอนพิเศษแล้ว เราจำเป็นต้องหาวิธีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อให้นักเรียนหรือผู้ปกครองรู้จักโรงเรียนหรือตัวติวเตอร์ให้มากขึ้น วิธีการโฆษณามีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำปากต่อปาก การโฆษณาในโซเชียลมีเดีย การประชาสัมพันธ์ในเว็บบอร์ด การใช้บริการนายหน้าติวเตอร์ หรือหาทีมติวเตอร์ที่สามารถแนะนำกันเองได้ การทำการตลาดอาจจะทำได้ตั้งแต่ก่อนเปิดโรงเรียน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนทราบล่วงหน้า อาจจะมีการทดลองเรียนฟรีหรือจัดทำโปรโมชั่นอื่นๆ เพื่อดึงดูดใจนักเรียนให้มาเรียนตั้งแต่เริ่มต้น
การเปิดโรงเรียนสอนพิเศษหรือการเป็นติวเตอร์ส่วนตัว ทุกคนสามารถทำได้ตามงบประมาณที่กำหนดไว้ มีวิธีการมากมายหลายวิธี เริ่มตั้งแต่การสอนตัวต่อตัวที่เริ่มต้นด้วยเงินลงทุนไม่มาก ไปจนถึงการเปิดเป็นโรงเรียนกวดวิชา ที่จำเป็นต้องมีทีมงาน สถานที่ อุปกรณ์และใช้เงินลงทุนมากขึ้น คุณต้องเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง บางครั้งอาจจะเริ่มจากธุรกิจขนาดเล็กแล้วจึงขยับขยายให้ใหญ่ขึ้นตามรายได้ที่มากขึ้นก็ได้