10 วิธีโปรโมทโปรไฟล์สอนพิเศษออนไลน์
การโปรโมทโปรไฟล์สอนพิเศษมีความสำคัญกับครูสอนพิเศษมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นครูสอนพิเศษมือใหม่ที่ยังไม่มีลูกค้ารู้จักคุณมากนัก วิธีโปรโมทโปรไฟล์จะเป็นวิธีหลักที่จะทำให้ลูกค้าได้รู้จักกับคุณ
ด้านล่างนี้เป็น 10 วิธีโปรโมทโปรไฟล์สอนพิเศษของคุณ มีทั้งฟรีและไม่ฟรี ให้คุณได้เลือกใช้วิธีที่เหมาะกับคุณได้เลย
โปรโมทโปรไฟล์บนเว็บไซต์สอนพิเศษ
เว็บไซต์สอนพิเศษมีเป้าหมายเป็นลูกค้าที่สนใจเรียนพิเศษอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ชมที่เข้าชมโปรไฟล์ของคุณบนเว็บไซต์สอนพิเศษเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชมที่สนใจเรียนพิเศษ และเมื่อคุณรับสมัครติวเตอร์สอนพิเศษบนเว็บไซต์สอนพิเศษเพื่อหางานสอนพิเศษ คุณมักมีตัวเลือกในการโปรโมทโปรไฟล์สอนพิเศษของคุณบนเว็บไซต์ของพวกเขา เพื่อให้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น
ข้อดี
- ผู้เยี่ยมชมโปรไฟล์ของคุณเป็นกลุ่มเป้าหมายแน่นอน
- ไม่ต้องมีทักษะการใช้งานอินเตอร์เน็ตมาก
- วิธีการโปรโมทไม่ซับซ้อน
- เลือกราคาโปรโมทได้หลากหลายแล้วแต่การตกลงกับเว็บไซต์ที่ให้บริการ ค่าใช้จ่ายแบบถูกสุดเริ่มที่หลักสิบ
- หากโปรไฟล์ของคุณมีผู้เยี่ยมชมมาก Google อาจนำโปรไฟล์ของคุณไปแสดงบนหน้าแรกของ Google ได้
ข้อเสีย
- การโปรโมทมักจะเป็นไปตามที่เว็บไซต์กำหนด
- ไม่ถูกโปรโมทบน Google โดยตรง
- มีค่าใช้จ่ายมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเว็บไซต์ที่ให้บริการ โดยอาจมีค่าใช้จ่ายมากถึงหลักพันในบางเว็บไซต์
แชร์ลิ้งค์โปรไฟล์
การแชร์ลิ้งค์โปรไฟล์บนโซเชี่ยลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter หรือ Instragram เป็นวิธีที่ได้ผลดีวิธีหนึ่งหากคุณมีเพื่อนหรือผู้ติดตามค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกลุ่มคนที่ติดตามบัญชีของคุณตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ (เป็นผู้ที่สนใจเรียนพิเศษวิชาที่คุณสอน)
ข้อดี
- ฟรี
- ไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านคอมพิวเตอร์ก็ทำได้
ข้อเสีย
- ควรมีเพื่อน หรือผู้ติดตามมาก และเป็นผู้ติดตามที่สนใจเรียนพิเศษ
- หากเพื่อนหรือผู้ติดตามไม่แชร์โพสของคุณ โอกาสที่บุคคลอื่นจะเห็นโพสของคุณนั้นมีน้อยมาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย
สร้าง Fanpage บนโซเชี่ยลมีเดีย
สร้าง Fanpage ไม่ว่าจะเป็นบน Facebook, Instagram หรือ Twitter จากนั้นสร้างโพสแสดงความรู้ที่เกี่ยวข้องกับวิชาที่คุณสอน เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งานโซเชี่ยลมีเดียอื่นๆให้มาติดตามบัญชีของคุณ
ข้อดี
- ฟรี
- ได้แชร์ความรู้ในด้านที่คุณถนัดอยู่แล้ว
ข้อเสีย
- ผู้ติดตาม Fanpage อาจมีความสนใจในเนื้อหา แต่ไม่ได้ต้องการเรียนก็ได้
- ต้องโพสหรือแชร์เนื้อหาที่เป็นความรู้อย่างสม่ำเสมอ
- คุณอาจใช้เวลาอย่างมากในการทำโพสแต่ละโพส
- คุณต้อง active ตลอดเวลา ทำให้ใช้เวลามากในการตอบคำถามหรือพูดคุยกับผู้ติดตาม
ซื้อโฆษณาบนโซเชี่ยลมีเดีย
คุณสามารถสร้างโฆษณาบนโซเชี่ยลมีเดีย เพื่อให้เว็บไซต์โฆษณาที่คุณสร้างแก่บุคคลอื่นๆที่ไม่ใช่เพื่อนหรือผู้ติดตามของคุณได้ การคิดค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับว่ามีผู้ชมผ่านมาเห็นโฆษณาที่คุณสร้างไว้เท่าไหร่
เว็บไซต์ | ค่าบริการโดยเฉลี่ย (แสดงต่อ 1,000 คน) |
176 บาท | |
194 บาท | |
158 บาท | |
Youtube | 237 บาท |
161 บาท | |
734 บาท |
ข้อดีคือ
- คุณสามารถสร้างโฆษณาและเริ่มแสดงให้ผู้ชมเห็นได้ทันที แค่มีเงินทุนเพียงพอ
- ใช้เวลาเรียนรู้การสร้างโฆษณาไม่นาน
ข้อเสีย
- โฆษณาจะถูกแสดงให้ผู้ชมทั่วไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สนใจเรียนพิเศษ ดังนั้นเปอร์เซ็นที่คุณจะได้รับการติดต่อจากผู้ชมจึงน้อยมาก (ยกเว้นคุณมีเงินทุนมากพอ)
- แม้จะใช้เวลาเรียนรู้การสร้างโฆษณาไม่นาน แต่ควรมีทักษะด้านการตลาดเพื่อช่วยให้โฆษณามีประสิทธิภาพ
SEO เว็บไซต์สอนพิเศษ
SEO ย่อมาจาก Search engine optimization เป็นกระบรวนการทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่บนหน้าแรกของ Search engine เพื่อให้ผู้ค้นหาบน Search engine เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ เป็นการเพิ่ม Traffic หรือผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณให้มากขึ้น
แล้วซอต์ฟแวร์ตัวไหนบ้างจัดเป็น Search engine?
Search engine คือ ซอต์ฟแวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานหาข้อมูลของสิ่งที่พวกเขาต้องการค้นหาโดยให้ผู้ใช้งานพิมพ์คำสำคัญ หรือคำที่เกี่ยวข้องลงใน Search engine
ตัวอย่างของ Search engine เช่น Google, Bing, Yahoo! และ MSN Search
ข้อดี
- แสดงเว็บไซต์ของคุณบนหน้าแรกของ Google ได้
- ยิ่งได้อยู่ตำแหน่งสูงก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น
- ผู้เยี่ยมชมที่เลือกกดเข้ามาดูเว็บไซต์ของคุณ เป็นผู้ที่สนใจคำสำคัญที่คุณเลือกไว้ จึงมีแนวโน้มว่าพวกเขาน่าจะสนใจสิ่งที่คุณพยายามนำเสนออยู่ไม่มากก็น้อย
ข้อเสีย
- ต้องมีทักษะการสร้างเว็บไซต์
- มีทักษะการใช้คำสำคัญ (Keyword) บนเว็บไซต์เพื่อให้ Search engine นำเว็บไซต์ของคุณมาแสดงต่อผู้ค้นหาคำสำคัญเหล่านั้น
- ต้องเรียนรู้การทำงานของ Search engine ที่ต้องการทำ SEO เพื่อรู้วิธีทำเว็บไซต์ของคุณไปอยู่บนหน้าแรกได้
สื่อมวลชนสัมพันธ์
Media relations หรือเรียกว่า PR กล่าวสั้นๆคือการนำลิ้งค์เว็บไซต์ของคุณไปฝากไว้บนเว็บไซต์อื่นที่มีผู้เยี่ยมชม (ผู้เยี่ยมชมมาก หมายความว่า มี Traffic มาก) โดยหากคุณทำให้เว็บไซต์ของคุณที่แสดงแสดงอยู่บนเว็บไซต์ที่คุณฝากไว้มีความน่าสนใจ ผู้เยี่ยมชมของเว็บไซต์นั้นก็อาจกดเข้ามาที่ลิ้งค์เว็บไซต์ของคุณด้วย ทำให้ traffic เว็บไซต์ของคุณสูงขึ้น
วิธีที่นิยมทำ PR คือวิธีใด?
วิธีที่นิยมทำกันมากคือ การเขียนบทความที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ที่คุณต้องการนำลิ้งค์ของคุณไปฝาก และในขณะเดียวกันบทความนั้นก็ต้องมีความพยายาม “ขาย” หรือนำเสนอคอร์สที่คุณสอนด้วย เมื่อเว็บไซต์ที่คุณต้องการฝากลิ้งค์เว็บไซต์ของคุณ เผยแพร่บทความของคุณบนเว็บไซต์ของพวกเขา พวกเขาก็จะแนบลิ้งค์เว็บไซต์ของคุณบนบทความนั้นด้วย เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาอ่านเห็นลิ้งค์เว็บไซต์ของคุณ
ข้อดี
- ได้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เพิ่ม โดยผู้เยี่ยมชมที่เพิ่มเข้ามามักจะเป็นผู้ที่มีความสนใจบทความที่คุณเขียน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสนใจคอร์สการสอนของคุณ
- การฝากบทความพร้อมลิ้งค์ไม่ซับซ้อนเท่าการทำ SEO และสามารถช่วยเพิ่มผู้เยี่ยมชมจำนวนมากได้
ข้อเสีย
- ต้องมีทักษะเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อหาเว็บไซต์ที่มี Trafifc สูง
- มีทักษะด้านการเขียนบทความเพื่อให้ได้บทความที่ถูกใจเว็บไซต์ที่มี Traffic สูง และยังคงช่วย “ขาย” คอร์สของคุณได้ในเวลาเดียวกัน
- มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ยิ่งเว็บไซต์ที่คุณต้องการฝากลิ้งค์เว็บไซต์ของคุณมีจำนวน Traffic สูงเท่าไหร่ ราคาค่าฝากลิ้งค์ก็จะยิ่งสูงขึ้นไปด้วย ปกติราคาค่าฝากลิ้งค์จะมีราคาตั้งแต่หลักหลายพันไปจนถึงหลักหลายหมื่นบาท และเว็บไซต์ที่รับฝากลิ้งค์อาจมีข้อเสนอนำลิ้งค์ของคุณออกเมื่อใดก็ได้ตามตกลง
จ้าง Influencers
influencers คือ กลุ่มคนที่มีผู้ติดตามมาก และพวกเขามีอิทธิพลต่อความคิด และการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายของคุณ การจ้าง influencers โดยอาจให้ influencer ที่คุณจ้างกล่าวถึงคอร์สของคุณ แนะนำคอร์สของคุณแก่ผู้ติดตามของพวกเขา หรืออาจเป็นการจ้างให้ influencer ทำ content เป็น วิดีโอ เกี่ยวกับคอร์สที่คุณสอนและโพสบนบัญชีของพวกเขา เช่น Facebook, Instagram, Twitter เป็นต้น
ข้อดี
- ไม่ต้องมีทักษะการใช้งานอินเตอร์เน็ตมาก
- ไม่ต้องทำ content เช่น วิดีโอ หรือ บทความเอง
- กลุ่มเป้าหมายมักมีความไว้เนื้อเชื่อใจ influencers ทำให้มีแนวโน้มในการตัดสินใจซื้อคอร์สของคุณง่ายขึ้น
ข้อเสีย
- มีค่าใช้จ่ายมาก (หลักหมื่นบาทขึ้นไป) ยิ่งผู้ติดตาม influencers มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีค่าจ้างสูงขึ้น
- influencers สามารถปฏิเสธการทำงานกับคุณได้ หากสิ่งที่คุณพยายามนำเสนอไม่ตรงกับรสนิยมส่วนตัวของพวกเขา หรือไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกับโปรดักส์อื่นๆที่พวกเขานำเสนออยู่ หรือเคยนำเสนอไปแล้ว
สร้างโปรไฟล์บน Google My Business
Google My Business คือ การสร้างบัญชีธุรกิจ (ในที่นี้คือสถานที่สอนพิเศษ) ของคุณบน Google Search และ Google Map เมื่อผู้ใช้งานพิมพ์คำค้นหาที่ตรงหรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ Google ก็จะแสดง “Business” ของคุณบนแผนที่ของ Google โดยคุณต้องระบุตำแหน่งหรือสถานที่ที่คุณสอนบนแผนที่ของ Google
ข้อดี
- ฟรี
- ได้แสดงที่สอนพิเศษของคุณบน Google Map
- ง่ายต่อการค้นหาของคนในพื้นที่ใกล้เคียง
- มีระบบรีวิว และให้คะแนน
ข้อเสีย
- จำเป็นต้องมีสถานที่สอนพิเศษ
- แสดงสำหรับคนในพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น
- ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถสร้างบัญชีกี่อันก็ได้ และไม่ว่าใครก็สามารถรีวิวได้ทั้งด้านดีและด้านลบโดยไม่ต้องระบุตัวตน
- หากมีรีวิวน้อย หรือมีรีวิวด้านลบเยอะ มักไม่ได้รับความสนใจ
คอมเม้นท์บน Blog ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อคุณใช้บล็อกของคุณคอมเม้นท์บนบล็อกที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับบล็อกสอนพิเศษของคุณ แน่นอนว่าจะทำให้ผู้เยี่ยมชมบล็อกหรือเว็บไซต์นั้นเห็นคอมเม้นท์ของคุณ และหากคอมเม้นท์ของคุณถูกใจผู้อ่าน พวกเขาอาจจะเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของคุณด้วยก็ได้ นอกจากนั้นหากบล็อกนั้นมี Traffic สูง หรือติดหน้า SEO บน Google แล้ว อาจทำให้บล็อกหรือเว็บไซต์ของคุณได้อยู่ตำแหน่งสูงขึ้นบน Google ไปด้วย
ข้อดี
- ฟรี
- ผู้เยี่ยมชมมีแนวโน้มที่จะอยู่ในกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่แล้ว
- สามารถช่วยให้เว็บไซต์หรือบล็อกของคุณติด SEO บนหน้า Google ได้
ข้อเสีย
- จำเป็นต้องมีทักษะการใช้งานอินเตอร์เน็ต
- จำเป็นมีความรู้ในการสร้างบล็อกหรือเว็บไซต์
- การคอมเม้นท์บนเว็บไซต์หรือบล็อกที่ไม่มี Traffic สูงจะไม่ช่วยให้ Google พิจารณาแสดงเว็บไซต์หรือบล็อกของคุณบนหน้า search ของ Google
- ไม่ได้รับความสนใจมากเท่าที่ควร เนื่องจากไม่ได้มีโอกาสขายคอร์สหรือแสดงทักษะของคุณอย่างเต็มที่
ทำโฆษณาบน Google Ads
การทำ Google Ads คือการทำโฆษณาให้เว็บไซต์ของคุณติดบนหน้าแรกของ Google โดยจะมีค่าใช้จ่ายเมื่อผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์ของคุณที่เรียกว่า CPC (Cost-per-Click) ค่าใช้จ่ายนี้จะเรียกว่า bid เป็นค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาที่คุณตั้งเองได้ เมื่อผู้เยี่ยมชมเห็นเว็บไซต์ของคุณ หรือกดเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ คุณก็จะเสียค่าใช้จ่ายตามราคา bid ที่คุณตั้งไว้ทันที ในขณะเดียวกันการตั้งราคา bid ที่ถูกกว่าคู่แข่งจะทำให้โฆษณาของคุณไม่ถูกแสดง หรือถูกแสดงต่ำกว่า
ข้อดี
- ตั้งราคา bid ต่ำสุดได้ที่ 30 บาท
- หากผู้เยี่ยมชมไม่กดเข้าเว็บไซต์ของคุณ ก็ไม่เสียเงินค่า CPC
- เว็บไซต์ของคุณจะอยู่บนหน้าแรกของ Google
- ผู้เยี่ยมชมมีแนวโน้มเป็นกลุ่มเป้าหมาย เพราะพวกเขาค้นหาคำสำคัญตามโฆษณาที่คุณตั้งไว้
- ค่าใช้จ่ายไม่สูงมากหากคุณไม่มีคู่แข่งที่สอนวิชาเดียวกันเยอะ
ข้อเสีย
- ต้องเรียนรู้วิธีใช้ Google Ads
- ต้องมีทักษะการใช้งานอินเตอร์เน็ต
- ควรมีทักษะการทำโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเสียเงินค่าโฆษณาแต่ไม่ได้ลูกค้าเรียนพิเศษ
- ราคา bid ต่ำจะทำให้โฆษณาของคุณไม่ถูกแสดง
- วิชาที่มีคู่แข่งเยอะ อาจมีค่าใช้จ่ายหลักหลายพันขึ้นไปต่อเดือน