10 วิธีบอกขอให้โชคดีภาษาญี่ปุ่น รวมคำอวยพรให้โชคดี Good Luck!

คำว่า “โชคดีนะ” ภาษาญี่ปุ่น ที่เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษคือคำว่า

グッドラック
guddo rakku

แต่คำนี้ไม่ใช่คำที่นำมาใช้กันในชีวิตประจำวัน เราจะพบคำนี้ในชื่อเพลงหรือภาพยนต์ที่แปลออกมาจากคำว่า Good Luck! ในภาษาอังกฤษมากกว่า

โดยทั่วไปแล้วในภาษาญี่ปุ่นนั้น ไม่มีประโยคหรือคำอวยพรที่ตั้งใจให้ผู้อื่นได้รับ “โชค” เหมือนคำอวยพรโชคดีภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตามคำอวยพร ”ขอให้โชคดี” มักจะเป็นประโยคที่มีความหมายและวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นหรือเสริมความมั่นใจและให้กำลังใจผู้อื่นมากกว่า ซึ่งคล้ายกับคำอวยพรขอให้โชคดีภาษาจีน ต่อไปนี้คือวิธีพูด ”ขอให้โชคดี” เป็นภาษาญี่ปุ่นในแบบต่างๆ ที่ครูภาษาญี่ปุ่นของเรายืนยันแล้วว่าช่วยให้คุณพูดภาษาญี่ปุ่นเหมือนคนญี่ปุ่นแน่นอน

  • 頑張って。
    ganbatte.
    โชคดีนะ (สุภาพ)
  • 頑張ってください。
    ganbatte kudasai.
    โชคดี (เป็นทางการ)
  • 頑張ったね。
    ganbatta ne.
    คุณทำดีที่สุดแล้ว / คุณพยายามอย่างหนักแล้ว จริงมั้ย?
  • 頑張れ!
    ganbare!
    อดทนไว้นะ อย่ายอมแพ้ / ลุยเลย / ทำต่อไป อย่าหยุดนะ
  • ファイト
    faito
    สู้ๆ!
  • 君ならできる。
    kimi nara dekiru.
    คุณทำได้
  • あなたに信じる。
    anata ni shinjiru.
    ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ
  • 幸運を祈ります。
    kouun wo inorimasu.
    ฉันขอให้คุณโชคดี
  • 気を付けて。
    kiwotsukete.
    โชคดี ดูแลตัวเองดีๆนะ
  • お元気で。
    ogenki de.
    โชคดีนะ ดูแลตัวเองด้วย / รักษาสุขภาพด้วย

ไม่ว่าคุณจะกำลังหาวิธีส่งคำอวยพรเพื่อให้กำลังใจหรือเพียงต้องการบอกใครสักคนให้พวกเขา ”โชคดี” เป็นภาษาญี่ปุ่น บทความนี้มีข้อความมากมายให้เลือกใช้พร้อมคำอธิบายที่สามารถช่วยคุณได้

頑張って。- โชคดีนะ (สุภาพ)

คำว่า “頑張って。” ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “โชคดีนะ” เป็นวิธีพูดที่ใช้กันทั่วไปและตรงไปตรงมาที่สุดหากต้องการอวยพรใครซักคนให้เขาโชคดี และตามที่บอกไว้ในตอนแรกว่าภาษาญี่ปุ่นนั้น ไม่มีประโยคหรือคำพูดที่ใช้สำหรับอวยพรให้ใครโชคดีตรงๆ ดังนั้นคำว่า 頑張って (ganbatte) จึงเป็นสำนวนที่ใช้อวยพร “ขอให้โชคดี” ในรูปแบบของการให้กำลังใจผู้อื่นมากกว่า

ยกตัวอย่างเช่น ก่อนจะเข้าห้องสอบ คนไทยจะพูดว่า “โชคดีนะ ทำได้อยู่แล้วล่ะ” เช่นเดียวกัน หากพูดกับเพื่อนด้วยสำนวน 頑張って (ganbatte) ในภาษาญี่ปุ่น แสดงว่าคุณกำลังบอกกับว่าคุณเอาใจช่วยพวกเขาอยู่นะ หรือหมายถึง ”โชคดีนะ” ในแบบญี่ปุ่นนั่นเอง

今日のテストを頑張って!
kyou no tesuto wo ganbatte!
ขอให้โชคดีในการสอบในวันนี้นะ!

จากประโยคตัวอย่าง เมื่อคุณใช้คำว่า 頑張って (ganbatte) คุณตั้งใจจะบอกใครคนนั้นว่าให้เขาตั้งใจทำให้ดีที่สุด และลองจินตนาการไปอีกว่าคุณกำลังเชียร์เพื่อนๆ ของคุณที่กำลังแข่งกีฬาอยู่ ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม คุณเดินไปบอกกับพวกเขาว่า 頑張って (ganbatte) ในสถานการณ์นี้จึงหมายถึง ”โชคดีนะ” และเมื่อพบกันอีกครั้งในช่วงเวลาที่ยากลำบาก คุณพูด 頑張って (ganbatte) ขึ้นมาอีก แต่ในครั้งนี้เป็นการบอกพวกเขาว่า “พยายามให้ดีที่สุด อดทนหน่อยนะ” หรือแม้แต่การพูดกับผู้อื่นในขณะที่คนนั้นกำลังทำบางสิ่งบางอย่างอยู่ สำนวนนี้ก็อาจจะมีความหมายอีกอย่างได้ว่า ”คุณทำได้แน่นอน เกือบแล้ว อีกนิดเดียว”

頑張ってください。- โชคดี (เป็นทางการ)

อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าภาษาญี่ปุ่นจะมีระดับความเป็นทางการของภาษาที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการสื่อสาร, คำที่ใช้หรือวิธีการใช้คำเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างมากขึ้นอยู่ว่าคุณกำลังพูดอยู่กับใคร หากคุณกำลังพูดกับผู้อื่นในที่ทำงาน เช่น เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่พูดกับคนแปลกหน้า คุณจะต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นแบบเป็นทางการ

โชคดีหน่อยที่คำว่า ”ขอให้โชคดี” แบบเป็นทางการในภาษาญี่ปุ่นค่อนข้างง่าย สามารถใช้คำทั่วไๆปอย่างคำว่า 頑張って (ganbatte) ที่แปลว่า ”โชคดีนะ” แล้วลงท้ายด้วย ください (kudasai) ได้เลย เพราะการเติมคำว่า ください (kudasai) ท้ายประโยค จะทำให้ประโยคนั้นๆ กลายเป็นประโยคแบบเป็นทางการขึ้นมาทันที เช่นเดียวกับการเติมคำว่า ”please” ในประโยคภาษาอังกฤษนั่นเอง

ดังนั้นหากแปลตามตัวอักษร สำนวน ”頑張ってください” (ganbatte kudasai) จะแปลว่า “ขอให้โชคดีนะคะ” หรือ ”ได้โปรดทำให้ดีที่สุด” และไม่ว่าคุณจะตั้งใจสื่อความหมายอะไร หากต้องพูด ”ขอให้โชคดี” แบบเป็นทางการ จำไว้เพียงว่าให้เติม ください (kudasai) ต่อท้ายคำว่า 頑張って (ganbatte) ก็พอ

頑張ったね。- คุณทำดีที่สุดแล้ว / คุณได้พยายามอย่างหนักแล้ว ไม่ใช่เหรอ?

เราสามารถใช้คำว่า 頑張って (ganbatte) ได้หลากหลายวัตถุประสงค์ จะใช้คำนี้เพื่อชมผู้อื่นว่า “ทำได้ดีมาก” หรือใช้พูดเพื่อเน้นให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาทำดีที่สุดแล้วก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนของคุณเพิ่งแข่งกีฬาเสร็จ คุณจึงเดินเข้าไปหาพวกเขาแล้วพูดว่า 頑張ったね (ganbatta ne) ในสถานการณ์นี้คุณตั้งใจบอกกับเพื่อนว่า ”ดีมาก พวกคุณทำได้ดีเลย“

เหตุผลที่เปลี่ยนเป็นคำว่า 頑張った (ganbatta) ไม่ใช้คำว่า 頑張って (ganbatte) เพราะว่าการเปลี่ยน て (te) เป็น a た (ta) นั้นคือการเปลี่ยนรูปกริยาให้กลายเป็นรูปอดีต และที่เราต้องเปลี่ยนกริยาเป็นรูปอดีตนั้น เนื่องจากการกล่าวชมใครว่าทำอะไรได้ดี คุณกำลังหมายถึงสิ่งที่พวกเขาทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตนั่นเอง

ตัวอักษร ね (ne) ที่ท้ายประโยคไม่สามารถแปลเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษได้โดยตรง แต่คำว่า ね (ne) เมื่อวางอยู่ท้ายประโยคจะเป็นอีกวิธีพูดที่มีความหมายคล้ายกับคำว่า “ไม่ใช่เหรอ” ในภาษาไทย หรือ “didn’t you” ในภาษาอังกฤษ

ยกตัวอย่างเช่น หากพูดแค่คำว่า 頑張った (ganbatta) เฉยๆ อาจจะมีความหมายว่า ”คุณได้พยายามมาอย่างหนักแล้วหรือคุณทำดีที่สุดแล้ว” และเมื่อเติมคำว่า ね (ne) เข้าไปท้ายประโยค ความหมายจะเทียบเท่ากับ ”คุณได้พยายามมาอย่างหนักแล้ว ไม่ใช่เหรอ” เราจะเติมหรือไม่เติมคำว่า ね (ne) ลงไปก็ได้สุดแท้แต่ แต่หากเติมเข้าไปก็จะทำให้ประโยคนี้ฟังดูอบอุ่นมากขึ้น

頑張れ!- อดทนไว้นะ อย่ายอมแพ้ / ลุยเลย / ทำต่อไป อย่าหยุดนะ

มาลองดูตัวอย่างที่สมมติไปก่อนหน้านี้ หากคุณมาเชียร์เพื่อนในการแข่งขันกีฬาอะไรซักอย่างหนึ่งหนึ่ง อย่างที่บอกไปแล้วว่าความหมายของคำว่า 頑張って (ganbatte) ที่ต้องการสื่อออกไปนั้นขึ้นอยู่กับช่วงเวลาหรือสถานการณ์ที่คุณพูด จากตัวอย่างนี้คุณพูดก่อนการแข่งขันจะเริ่มหรือว่าระหว่างพักครึ่งเวลา ความหมายก็แตกต่างกัน

แล้วคำว่าอะไรที่เหมาะจะใช้พูดกับเพื่อนระหว่างการแข่งขันบ้าง ในสถานการณ์แบบนี้ คุณสามารถใช้คำว่า 頑張れ (ganbare) ได้ เพื่อให้กำลังใจหรือเชียร์เพื่อนของเราให้ ”ลุยไปเลย” ”อดทนไว้ อย่ายอมแพ้” หรือ “ลุยต่อไป” ประโยคนี้สามารถใช้ในลักษณะเดียวกับภาษาอังกฤษเพื่อให้กำลังใจผู้อื่นได้เลย

ファイト – สู้ๆ

คุณคงเคยได้ยินคำว่า ファイト (faito) ที่ใช้กันอย่างหลากหลายในสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์, ภาพยนตร์หรือแอนิเมะ เป็นประโยคธรรมดาทั่วไปที่สามารถใช้เพื่อให้กำลังใจเพื่อนของคุณเป็นภาษาญี่ปุ่นในงานสำคัญๆก็ยังได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้ประโยคนี้กับผู้จัดการ เจ้านายหรือคุณครู สำหรับความหมายของ ファイト (faito) นั้นอธิบายได้ด้วยตัวมันเอง คำนี้เป็นวิธีพูดง่ายๆที่จะบอกผู้อื่นว่า “สู้ๆ, สู้ต่อไป คุณทำได้อยู่แล้ว”

ความหมายของคำว่า ファイト (faito) คล้ายกับคำว่า 頑張れ (ganbare) ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ จึงสามารถใช้แทนกันได้เลย

君ならできる。- คุณทำได้!

君ならできる (kimi nara dekiru) เป็นประโยคทรงพลังที่คุณสามารถใช้พูดเพื่อเสริมความมั่นใจให้กับใครสักคน แต่จำไว้ว่า เราจะไม่ใช้คำนี้ในการส่งเสียงเชียร์เพื่อนๆระหว่างการแข่งขันหรืองานสำคัญต่างๆ ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถใช้กับสถานการณ์เหล่านี้ได้

สำนวนนี้แปลตรงๆได้ว่า “ถ้าเป็นคุณ คุณทำได้” ลองมาดูที่ความหมายของคำในประโยคนี้กัน

(kimi) ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง ”คุณ” เราสามารถเพิ่มน้ำหนักให้กับประโยคนี้ได้โดยเรียกชื่อของคนที่เราพูดด้วยแทนคำว่า 君 (kimi)ในประโยค ซึ่งจะกระตุ้นความรู้สึกได้มากกว่าเมื่อพวกเขาได้ยินชื่อของตัวเอง ดังนั้นจะดีกว่าถ้าคุณเรียกชื่อพวกเขาแทนลงไปในประโยคเท่าที่จำทำได้

あなたに信じる。- ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ

หากต้องการบอกใครสักคนว่า ”ขอให้โชคดี” พร้อมกับบอกว่าคุณเชื่อมั่นในตัวเขา ประโยค あなたに信じる (anata ni shinjiru) เป็นวิธีพูดที่ดีที่สุด คำว่า あなた (anata) เป็นหนึ่งในหลายวิธีที่ใช้พูดคำว่า ”คุณ“ ในภาษาญี่ปุ่น

ในภาษาญี่ปุ่นเราจะหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า あなた (anata) เท่าที่จะทำได้และพยายามเปลี่ยนไปใช้ชื่อบุคคลแทน ซึ่งแตกต่างจากภาษาอังกฤษที่เราใช้คำว่า ”You” ได้ในทุกสถานการณ์ ภาษาญี่ปุ่นนั้นบังคับให้คุณต้องจำชื่อคนอื่นได้ ยกเว้นว่าคุณจะพยายามพูดโดยไม่ใช้คำว่า “คุณ” ในการสนทนาเลย (ซึ่งทำได้ยากมาก)

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเราจึงต้องเลี่ยงการใช้คำว่า あなた (anata) ในประโยคนี้ เนื่องจากคำว่า あなた (anata) ในภาษาญี่ปุ่นมักใช้พูดถึงคู่สมรสสามีภรรยามากกว่า ดังนั้นคุณควรเรียกคู่สนทนของคุณด้วยชื่อจริงของพวกเขาจะดีที่สุด เว้นเสียแต่ว่าคุณกำลังพูดอยู่กับแฟนของคุณเอง

คำต่อไปคือ に (ni) เป็นคำอนุภาคในภาษาญี่ปุ่น ในประโยคนี้มึความหมายว่า ”ใน”

ส่วนคำว่า 信じる (shinjiru) เป็นคำกริยาที่หมายถึง “เชื่อมั่น, เชื่อ” ในภาษาญี่ปุ่นนั้น คำกริยาจะวางไว้ท้ายประโยค ซึ่งต่างจากภาษาอังกฤษหรือภาษาไทย เพราะฉะนั้นคำว่า ”เชื่อ” จึงอยู่ท้ายสุดของประโยคนี้

คำว่า ”ฉัน” ในภาษาญี่ปุ่นก็สามารถพูดได้หลายวิธี และเช่นเดียวกับคำว่า ”คุณ” คำสรรพนามเหล่านี้มักจะถูกละไว้ในฐานที่เข้าใจในการสนทนา คุณจะใส่คำว่า 私は (watashi ha) ลงไปก็ได้เพื่อทำให้ประโยคสมบูรณ์และสามารถแปลตรงตัวเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วภาษาญี่ปุ่นจะละไว้มากกว่า เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลถ้าจะไม่ได้ใช้คำนี้เลย

幸運を祈ります。- ฉันขอให้คุณโชคดี

ประโยคนี้เป็นสำนวนที่เป็นทางการมากๆ สำหรับการอวยพรเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อขอให้ผู้อื่นโชคดี สำนวนที่ว่า 幸運を祈ります (kouun wo inorimasu) หรือ “ฉันขอให้คุณโชคดี”ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการสนทนาจริงๆ แม้ว่าจะฟังดูสมเหตุสมผลและคนญี่ปุ่นเจ้าของภาษาเองก็เข้าใจที่คุณพูด แต่มันก็ฟังดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าใดนัก ในทางกลับกัน เรามักจะเจอประโยคนี้ในอีเมล์หรือจดหมายแทน

ประโยคนี้มีความหมายตามตัวอักษรว่า ”ฉันขอให้คุณโชคดี” ลองมาดูความหมายของแต่ละคำในประโยคนี้กัน

คำว่า 幸運 (kouun) ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “ความโชคดี” ส่วนคำว่า を (wo) เป็นอนุภาคของไวยากรณ์ในภาษาญี่ปุ่น ทำหน้าที่ระบุกรรมของคำกริยาในประโยค และคำว่า いのります (inori masu) เป็นคำสุภาพของคำว่า いのる (inoru) มีความหมายว่า “อธิษฐาน” หรือ ”ปรารถนา” เมื่อนำ 幸運 (kouun) และ を祈ります (wo inorimasu) ที่แปลว่า “อธิษฐานให้” มารวมกันจึงกลายเป็นประโยคที่มีความหมายว่า ”ฉันอธิษฐานขอให้คุณโชคดี” ในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง

気を付けて。- โชคดี ดูแลตัวเองดีๆนะ

บางครั้งเราก็ต้องการพูดกับผู้อื่นว่า “ฉันขอให้คุณโชคดี” ในความหมายว่า ”ให้ระมัดระวังตัวด้วยนะ” ในสถานการณ์แบบนี้ เราจะพูดว่า 気を付けて (kiwotsukete) ซึ่งเป็นสำนวนที่ตั้งใจจะบอกผู้อื่นให้ระวังตัวเองในภาษาญี่ปุ่น

ยกตัวอย่างเช่น เราอาจจะอยากพูดกับเพื่อนว่า ”โชคดีนะ” ก่อนที่พวกเขาจะไปออกทริปปั่นจักรยานทางไกล จะพูดว่า

旅行を気を付けて!
ryokou wo kiwotsukete!
โชคดีนะ เดินทางระมัดระวังด้วย!

ในขณะที่คุณบอกว่า ”โชคดีนะ” ก็เหมือนกับว่าคุณตั้งใจบอกให้เขา ”ระมัดระวังด้วย” พร้อมกัน ซึ่งเป็นความหมายที่แท้จริงของสำนวนนี้ที่ต้องการสื่อ เราสามารถใช้สำนวนนี้ได้ในลักษณะเดียวกันกับภาษาอังกฤษและภาษาไทยเลย

หากเราต้องการให้สำนวนนี้ฟังดูสุภาพมากขึ้นก็พูดว่า 気を付けてください (kiwotsukete kudasai) แทน

お元気で。- โชคดีนะ ดูแลตัวเองด้วย / รักษาสุขภาพด้วย

คุณสามารถใช้ お元気で (ogenki de) เพื่อบอกใครสักคนว่า “ขอให้โชคดี” หรือ ”โชคดีนะ” เป็นภาษาญี่ปุ่น เป็นสำนวนที่ดีในการแสดงออกให้ผู้อื่นรับรู้ว่าคุณปรารถนาให้พวกเขายังมีสุขภาพที่ดีอยู่ เป็นสำนวนที่ไม่เป็นทางการ ใช้ได้ทั่วไปและใช้เมื่อต้องบอกลา

สมมติว่าคุณใช้เวลาอยู่กับเพื่อนทั้งวันและถึงเวลาที่ต้องบอกลา ในสถานการณ์แบบนี้เรามักพูดว่า ”โชคดีนะ” ถ้าต้องการสื่อความหมายเช่นเดียวกันนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น สามารถพูดได้ง่ายๆ ว่า お元気でね (o genki de ne) เติม ね (ne) เข้าไปเพื่อเน้นย้ำให้ประโยคนี้มีน้ำหนักมากขึ้น

หากคุณจะต้องเขียนจดหมายหรืออีเมล์ภาษาญี่ปุ่นและต้องการลงท้ายจดหมายด้วยคำว่า ”ขอให้โชคดี” หรือ ”ขอแสดงความนับถือ” คำว่า 敬具 (keigu) เป็นภาษาเขียนเราจึงใช้สำหรับการเขียนเท่านั้น 敬具(keigu) ในที่นี้แปลว่า ”โชคดี” ใช้สำหรับการเขียนแบบเป็นทางการ เช่น การเขียนอีเมล์ เป็นต้น

ในบทสนทนาที่เราต้องการแสดงความเคารพ เราจะพูดว่า では (deha) เป็นประโยคบอกลา ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพูดว่า ”ขอให้โชคดี” ในภาษาญี่ปุ่น

โชคดี/โชคร้าย ภาษาญี่ปุ่น

ฉันโชคดี

สำหรับวันที่คุณรู้สึกว่าโชคดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ตาม แล้วอยากจะพูดว่า ”ฉันโชคดี” ในภาษาญี่ปุ่น

運がいい。
un ga ii.
ฉันโชคดี

運がいい (un ga ii) หากแปลตามตัวอักษรจะมีความหมายว่า ”โชคเป็นสิ่งที่ดี” ประโยคภาษาญี่ปุ่นนี้สามารถใช้พูดถึงตัวเองว่าโชคดีหรือใช้บอกกับผู้อื่นว่าพวกเขาโชคดีก็ได้ สามารถใช้ได้ทั่วๆไปหรือพูดหลังเหตุการณ์เพิ่งจบก็ได้

ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีหลังจากที่คุณถูกล็อตเตอรี่ คุณอาจจะพูดว่า ”ว้าว ฉันถูกล็อตเตอรี่“ เช่นเดียวกันในภาษาญี่ปุ่น คุณก็สามารถใช้ประโยคนี้ได้เช่นกัน

เมื่อต้องการบอกผู้อื่นว่า ”คุณโชคดีจัง” เป็นภาษาญี่ปุ่น คุณสามารถเติม ね (ne) ที่ท้ายประโยคได้

運がいいね。
un ga ii ne
คุณโชคดีจัง

แบบเป็นทางการ : ถ้าต้องการพูดว่า ”ฉันโชคดี” เป็นภาษาญี่ปุ่นแบบสุภาพ เราจะเติมคำว่า です (desu) ลงไปท้ายประโยค

運がいいです。
un ga ii desu
ฉันรู้สึกโชคดี

ฉันโชคร้าย

บางครั้ง อาจจะเป็นวันหนึ่งในหลายๆวัน วันที่คุณโชคไม่เข้าข้าง ไม่ว่าจะในกรณีไหน แล้วคุณอยากจะพูดว่า ”ฉันโชคไม่ดี” เป็นภาษาญี่ปุ่น

運が悪い。
un ga warui.
ฉันโชคไม่ดี

ในช่วงเวลาดังกล่าว คุณสามารถพูดว่า 運が悪い (un ga warui) ในภาษาไทย หมายถึง ”ฉันโชคร้าย” หรือแปลตามตัวอักษรคือ ”โชคไม่ดีของฉัน”

ถ้าจะบอกคนอื่นว่าพวกเขาโชคร้าย คุณเพียงเติมคำว่า ね (ne) ไปที่ท้ายประโยค

運が悪いね。
un ga warui ne.
คุณโชคร้ายจัง

โชคดีจัง!

สำนวนภาษาญี่ปุ่นนี้ใช้ได้ทั่วๆไป คนญี่ปุ่นมักพูดคำนี้ขึ้นมาลอยๆเพื่อจะบอกว่า ”โชคดีจัง“

ラッキー。
rakki.
โชคดีจัง!

แทนที่จะพูดว่า ”ฉันโชคดีจัง” ทั้งประโยค คนญี่ปุ่นจะพูดสั้นๆแค่ ラッキー! (rakki!) ซึ่งสื่อความหมายเหมือนกัน

โชคร้ายจัง!

เมื่อคุณพูดถึงเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่โชคร้ายหรือโชคไม่ดีในภาษาญี่ปุ่นเราจะใช้คำว่า

残念。
zannen.
โชคร้ายจัง! / โชคไม่ดีเลย!

คำว่า 残念 (zannen) มีความหมายเดียวกับประโยคในภาษาอังกฤษว่า “that was unfortunate” หรือ “that was unlucky” และยังสื่อความหมายเดียวกับคำว่า ”โชคร้าย” ในภาษาไทยอีกด้วย

แบบเป็นทางการ : เราสามารถทำให้ประโยคนี้ฟังดูสุภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อเราต้องพูดกับเจ้านายหรือคนแปลกหน้า สามารถทำได้ง่ายๆเพียงแค่เติมคำว่า です (desu) ท้ายประโยคนี้ก็ทำให้ฟังดูเป็นทางการมากขึ้นแล้ว

残念です。
zannen desu.
โชคไม่ดีเลยครับ / โชคร้ายมากค่ะ

คำอวยพรในภาษาญี่ปุ่นที่น่าสนใจมีอีกมากมาย เช่น คำอวยพรปีใหม่ภาษาญี่ปุ่น คำอวยพรวันพ่อวันแม่ภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น หากคุณเรียนรู้วิธีใช้คำอวยพรเหล่านี้อย่างถูกต้อง พร้อมกับการเรียนประโยคภาษาญี่ปุ่น ก็จะช่วยให้คุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้เหมือนคนญี่ปุ่นเลยล่ะ

อัพเดทล่าสุด: