ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่สนใจเรียนเปียโน หรือสนใจการเล่นเปียโนแต่ไม่แน่ใจว่าชอบจริงๆ หรือเปล่า ต่อไปนี้เป็นสเต็ปสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการหรือสนใจฝึกเล่นเปียโนด้วยตัวเอง

1. หาเปียโนหรือคีย์บอร์ดเพื่อใช้ฝึกเล่นเรียน

ผู้สนใจเรียนควรจะมีเปียโนหรือคีย์บอร์ด เพราะการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องสำคัญมากในการเรียนเปียโน หากคุณมีงบประมาณจำกัด เราแนะนำให้คุณใช้คีย์บอร์ดแทน เพราะคีย์บอร์ดมีราคาถูกกว่าเปียโนมาก ราคามักเริ่มจากหลักพันเท่านั้น นอกจากนั้นการที่คุณเริ่มเรียนจากคีย์บอร์ดก่อน จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าคุณชอบเล่นเปียโนจริงๆ หรือไม่ และคุ้มค่ากับเงินหลักหมื่นที่ต้องจ่ายซื้อเปียโนหรือไม่ อย่างไรก็ตามคีย์บอร์ดที่ควรเลือกใช้ ควรมีขั้นต่ำ 61 คีย์ เพราะถ้ามีคีย์น้อยกว่านี้มักจะเล่นเพลงทั้งเพลงไม่ได้

สำหรับคนที่มีงบมากพอที่จะซื้อเปียโนไฟฟ้า 88 คีย์ได้ก็จะดีหน่อย เพราะจะได้ครบทุกคีย์ของเปียโน นอกจากนี้สิ่งที่ควรพิจารณาต่อมาคือน้ำหนักของคีย์ คุณควรเลือกเปียโนไฟฟ้าที่มีน้ำหนักคีย์ น้ำหนักคีย์แบ่งเป็น 2 แบบ คือ semi weighted key (คีย์กึ่งถ่วงน้ำหนัก) กับ weighted key (คีย์ถ่วงน้ำหนัก) เปียโนไฟฟ้าแบบคีย์ถ่วงน้ำหนักจะใกล้เคียงกับคีย์เปียโนอะคุสติก

รุ่นเปียโนไฟฟ้าที่แนะนำเบื้องต้น

  • Yamaha P-45 มีจุดเด่นเรื่องน้ำหนักเบาและการใช้งานที่เรียบง่ายแต่ฟังก์ชั่นครบ 88 คีย์ ที่ให้ความรู้สึกเสมือนเปียโนอะคูสติก ระบบเสียง AWM synthesis จำลองเสียงเครื่องดนตรีจริงแบบดิจิตอล
  • Casio AP270 มีระบบเสียง Multi-dimensional Morphing AiR สำหรับคนที่ชอบเสียงเปียโนแบบแกรนด์เปียโน ตัวลิ่มคีย์แบบตอบสนองต่อการสัมผัส 3 ระดับให้เสียงที่แตกต่างกันเวลากดแป้นทั้งเบา-กลาง-หนัก ตัวคีย์สัมผัสนุ่มนิ้วมือ
  • Roland RP-102 ปียโนไฟฟ้า 88 คีย์ แบบ PHA-4 พร้อมใช้งานได้ทุกแนวเพลง มีสัมผัสน้ำหนักทัชชิ่งได้ถึง 5 ระดับ มาพร้อมเอฟเฟค Ambience, Brilliance ในตัว ทำโพลีโฟนีได้ 128 เสียง สามารถตั้งค่า Preset ได้ 4 แบบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซ้อมส่วนตัวและทำเพลงอย่างมาก

2. เรียนรู้และทำความเข้าใจส่วนต่างๆ ของเปียโน

หากคุณสนใจการเล่นเปียโน การเรียนรู้ส่วนประกอบต่างๆ ของเปียโนเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อเปียโนที่ดี รวมถึงวิธีการดูแลรักษาเปียโนด้วย สำหรับคนที่สนใจซื้อเปียโนมือสองเพื่อประหยัดเงิน การทดสอบคีย์เป็นสิ่งสำคัญ ให้คุณลองกดคีย์ กดปานกลาง แล้วกดแรงอย่างช้าๆ สังเกตุเสียงให้ชัดๆ ว่า มีคีย์ไหนเสียงแตก หรือมีเสียงสั่นๆ หลังจากนั้น ให้ลองเหยียบ Pedal ตัวขวาสุดค้างไว้ แล้วสังเกตเสียงว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า

3. ฝึกการอ่านโน๊ตดนตรี

การอ่านโน้ตในที่นี้จะหมายถึง โน้ตบรรทัด 5 เส้น ไม่ใช้การอ่านคอร์ด การอ่านโน้ตนั้นเป็นภาษาสากลของนักดนตรี จะมีความละเอียดกว่าคอร์ดมาก ทั้งสัดส่วนจังหวะ ความเร็วของแทมโป้ คีย์เพลง ค่าโน้ตต่างๆ ประโยชน์ของการอ่านโน้ต เช่น ช่วยให้เล่นเพลงได้โดยไม่ต้องแกะ แค่ไปหาโน้ตมากางแล้วก็สามารถเล่นได้ทันที นอกจากนั้นยังช่วยให้คุณเล่นดนตรีในวงใหญ่ ที่มีเครื่องดนตรีรวมกันหลายชิ้นได้ การเล่นดนตรีในวง คุณควรอ่านโน้ตได้ เพราะโน๊ตจะบอกว่าหน้าที่ของคุณต้องทำอะไร ต้องเล่นอะไรตรงไหน เพลงนี้ต้องเล่นที่สัดส่วนเท่าไร คีย์อะไร กีต้าร์ เบส กลอง เล่นอย่างไรบ้าง แต่ละคนแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ยกตัวอย่างเช่นวง ออเคสตร้า ที่มีนักดนตรีมาก มีเครื่องดนตรีหลายชิ้น แต่ละคนจะมีโน๊ตเพื่อเล่นเพลงส่วนของตัวเอง

การเรียนโน๊ตเปียโน ง่ายๆ ควรเริ่มจากการทำความรู้จักกับตัวโน๊ต (Note) ที่ช่วยบอกความสั้นยาวของเสียง และตัวหยุด (Rest) ที่แสดงเพื่อให้หยุดเล่น โน๊ตตัวกลม (Whole note)

  • โน๊ตตัวขาว (Half note) มีค่าเท่ากับ 1/2 ของโน๊ตตัวกลม
  • โน๊ตตัวดำ (Quarter note) มีค่าเท่ากับ 1/4 ของโน๊ตตัวกลม
  • โน๊ตเขบ็ต 1 ชั้น (Eighth note) มีค่าเท่ากับ 1/8 ของโน๊ตตัวกลม
  • โน๊ตเขบ็ต 1 ชั้น (Sixteenth note) มีค่าเท่ากับ 1/16 ของโน๊ตตัวกลม

โน๊ตเปียโนพื้นฐานของดนตรีสากล มีทั้งหมด 7 เสียง เขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ แทนเสียงแต่ละระดับ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายได้ตรงกันทั่วโลก

  • C = โด (Do) เป็นโน๊ตตัวแรก ซึ่งอยู่ห่างจากเส้นที่ 1 ลงมา 1 ช่อง จึงต้องเขียนเส้นน้อยเพิ่ม โดยลากทับผ่านตัวโน๊ต โดยเมื่อเทียบโน๊ตกับลิ่มนิ้วของเปียโน จะพบว่า โน๊ต C จะอยู่นำหน้าลิ่มนิ้วสีดำ ที่เป็นกลุ่มละ 2 คีย์เสมอ (ลิ่มนิ้วสีดำจะเป็นแบบ 2 คีย์ สลับกับ 3 คีย์)
  • ต่อจากโน๊ต C จะเรียงต่อไปตามลำดับอักษรภาษาอังกฤษ ได้แก่ D = เร (Re), E = มี (Mi), F = ฟา (Fa), G = ซอล (Sol), A = ลา (La), B = ที (Ti) แล้ววนไปที่ C ถัดไป ซึ่งมีเสียงสูงขึ้นกว่าเดิม 1 Octave

เทคนิคการอ่านโน๊ตเปียโน ง่ายๆ สำหรับมือใหม่

คุณควรอ่านกุญแจประจำหลักเสมอ และเริ่มอ่านจากซ้ายไปขวา เป็นการไล่จากเสียงต่ำไปเสียงสูง คุณควรท่องจำโน๊ตเปียโนพื้นฐานให้ได้ ฝึกอ่านจากโน๊ตเพลงง่ายๆ ก่อน ให้จำโน๊ตเปียโน ตัวอักษรที่อยู่ในช่องว่าง ของบรรทัดห้าเส้น (G Clef) ว่า “ F A C E ” แล้วไล่โน๊ตข้างเคียงทีละครึ่งช่อง ตามลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษ หรืออาจจำโน๊ตกลุ่มที่ทับเส้น E G B D F ว่า Every Good Boy Deserves Fudge ด้วยก็ได้ เป็นการจำโน๊ตเปียโนง่ายๆ แบบพื้นฐานที่สุด

4. เรียนและทำความเข้าใจสเกล

สเกลหรือ บันไดเสียง หมายถึง โน้ต 5-12 ตัวที่เรียงกันตามลำดับจากเสียงต่ำไปสูง และจากเสียงสูงไปเสียงต่ำ มีโครงสร้างที่มีการกำหนดช่วงห่าง ของเสียงจากตัวโน้ตหนึ่งไปอีกตัวโน้ตหนึ่งอย่างเป็นระบบ ในแต่ละชนิดของบันไดเสียง ได้แก่ บันไดเสียงเมเจอร์ บันไดเสียงไมเนอร์ เป็นต้น

การเรียนรู้สเกลนั้นนับว่าเป็นหนึ่งในพื้นฐานที่สำคัญในการเรียนเปียโน การเล่นสเกลจะช่วยให้คุณใช้นิ้วในเพลงได้ถูกต้อง ถูกคีย์ ช่วยให้แกะเพลงได้ง่ายขึ้น และช่วยฝึกเทคนิคกล้ามเนื้อนิ้วทำให้เล่นเพลงเร็วๆ ได้ แต่สเกลมันมีเยอะมาก เริ่มแรกคุณไม่จำเป็นที่จะต้องไปฝึกทุกสเกล เพราะว่าจะทำให้เบื่อและท้อได้ เอาแค่สเกลที่จำเป็นและใช้บ่อยๆ ก่อน เช่น C Major Scale G Major Scale และอาจจะเลือกอีกสักสองสามคีย์เผื่อเวลาเปลี่ยนคีย์

สเกลดนตรีมีทั้งหมด 12 สเกล ตามจำนวนโน้ตที่มีในดนตรีสากล โดยแบ่งเป็นสเกลทางเมเจอร์และไมเนอร์ แต่สเกลเมเจอร์จะมีโน้ตเป็น Relative กับทางไมเนอร์ ดังนั้นการจำสเกลจึงสามารถจำเพียง 12 สเกล

สเกลเมเจอร์มีสเกลเดียวที่ไม่มีโน้ตชาร์ปและแฟลทเลยคือสเกล C Major สเกลทางชาร์ปเรียงห่างกันที่ละ 5 โน้ตจากสเกล C Major เป็น G, D, A, E, B, เราจึงได้สเกลทางชาร์ป 5 สเกล จะพบว่าสเกล C ไม่มีชาร์ป และสเกล G, D, A, E, B, มี 1, 2, 3, 4, 5 ชาร์ปตามลำดับ

สเกลทางแฟลทมี 6 สเกล มีตัวติดแฟลทคือ B, E, A, D, G, C ตามลำดับ

5. เรียนรู้และทำความเข้าใจคีย์ต่างๆ บนเปียโนหรือคีย์บอร์ด

คุณควรทำความคุ้นเคยกับคีย์เปียโน และฝึกหาคีย์ต่างๆ ว่าอยู่ตำแหน่งไหน ฝึกเรียกชื่อคีย์นั้นๆ และลองกดบนคีย์ดูคุณกดถูกไหม นอกจากนี้คุณอาจจะลองเขียนหลายๆ ตัวแบบสุ่ม เช่น C – F – A – D – E – A – B – G – E – D – A สัก 50-60 ตัวสลับกันไป และเขียนลงบนกระดาษ จากนั้นเอากระดาษมาตั้งและเล่นตามคีย์ที่เราเขียน พยายามฝึกด้วยการกดสองมือ การจำคีย์บนเปียโนให้คล่องเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากคุณจำคีย์ได้คล่องแล้ว การเรียนในขั้นตอนต่อไปจะไม่ติดขัด

คีย์เปียโนมีทั้งหมด 88 คีย์ แบ่งเป็นคีย์ขาว 52 คีย์ และคีย์ดำ 36 คีย์ คีย์ด้านขวาจะเป็นเสียงสูง ส่วนคีย์ด้านซ้ายจะเป็นเสียงต่ำ การแบ่งกลุ่มของเปียโน จะแบ่งเป็นกลุ่มคีย์ดำ 2 ตัว จะมีคีย์ขาว 3 ตัว

เสียง C D E จะอยู่บนคีย์ขาวเรียงกันในกลุ่มคีย์ดำ 2 ตัว ส่วนเสียง F G A B T จะอยู่บนคีย์ขาวในกลุ่มคีย์ดำ 3 ตัว

เสียงตัว C หนึ่งตัวไปจนถึงตัว C อีกหนึ่งตัวจะมีทั้งหมด 8 คีย์ เรียกว่า 1 Octave หากนับไปอีกจนครบ 15 คีย์ ก็จะเรียกว่า 2 Octave และช่วงก็จะกว้างขึ้นอีก ดังนั้นแผงคีย์ทั้งหมดของเปียโนก็จะมี 7 Octave กว่าๆ

6. ฝึกเล่นคอร์ดต่างๆ

เมื่อเล่นคีย์ด้วย 2 มือคล่องแล้ว ต่อมาคือการฝึกกดคอร์ด การเล่นคอร์ด คือ การเล่นโน้ต 3 ตัวซึ่งได้มาจากสเกลตัวที่ 1, 3 และ 5 เราจะกดคอร์ดพร้อมกัน (Block Chord) หรือกดแยกทีละตัว (Broken chord) ก็ได้ คอร์ดนั้นเป็นพื้นฐานในการเล่นเพลงป๊อบ ซึ่งสำคัญมาก คอร์ดที่ใช้บ่อยๆก็จะเป็น Major chord และ minor chord ถ้าเราสามารถฝึกคอร์ด 2 แบบนี้ได้คล่องและเล่นได้ทุกคีย์ก็จะทำให้เราเล่นเพลงป๊อบได้แทบทุกเพลงเลย

ตัวอย่างคอร์ดที่เจอบ่อยๆ ในแพลงป๊อป

  • C – C Major: C – E – G Cm – C minor: C – Eb – G
  • D – D Major: D – F# – A Dm – D minor: D – F – A
  • E – E Major: E – G# – B Em – E minor: E – G – B
  • F – F Major: F – A – C Fm – F minor: F – Ab – C
  • G – G Major: G – B – D Gm – G minor: G – Bb – D
  • A – A Major: A – C# – E Am – A minor: A – C – E

การเขียนคอร์ด Major จะไม่นิยมเขียนคำว่า Major กำกับแต่จะเขียนแค่ตัวอักษรตัวใหญ่ตัวเดียว เช่น C Major จะเขียนว่า C

7. ฝึกการใช้นิ้ว มือ ข้อมือและการนั่งที่ถูกต้อง

การฝึกนั่งในท่าทางที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันการเกิดอาการบาดเจ็บขณะเล่นได้ เพราะการใช้นิ้วหรือข้อมือหรือการนั่งไม่ถูกต้อง จะทำให้คุณเจ็บข้อมือหรือปวดหลังมาก นอกจากนี้การเล่นโดยใช้นิ้วแบบผิดๆ จะทำให้คุณเล่นไม่ได้ หรือเล่นได้ไม่ดี

8. เลือกเพลงที่ชอบ

เลือกเพลงควรเลือกเพลงที่ไม่ยากจนเกินไป แต่ก็ควรเป็นเพลงที่คุณชอบ เพื่อช่วยดึงดูดใจให้คุณเรียนได้อย่างมีความสุข เมื่อเลือกเพลงได้แล้ว สิ่งที่เราควรฝึกจากเพลงเป็นอันดับแรกคือ ฝึกเล่นคอร์ดอย่างเดียวก่อนโดยที่ไม่ใส่ทำนองที่มือขวา แต่เราจะใส่ทำนองโดยการร้องหรือฮัมเพลงไปด้วย ในช่วงแรกที่คุณอาจยังร้องและเล่นไม่ได้ คุณอาจจะเปิดเพลงและเล่นคลอไปพร้อมๆ กับเพลงที่เราเปิด เมื่อเล่นคอร์ดอย่างเดียวคล่องแล้ว ให้ฝึกเล่นคอร์ดกับทำนอง การเล่นแบบนี้จะยากกว่าและต้องใช้เวลาฝึกซ้อมมากกว่าแบบแรก วิธีฝึกแบบนี้คุณจะฝึกคอร์ดที่มือซ้ายอย่างเดียวก่อนจนคล่อง เราอาจจะฝึกกับเพลงจริงๆ หรือร้องไปด้วยก็ได้ จากนั้นค่อยฝึกมือขวาอย่างเดียว เราอาจจะอ่านโน้ตหรือใช้เล่นจากการฟังซึ่งเราเรียกว่า “play by ear” ก็ได้ หลังจากที่เล่นทีละมือได้คล่องแล้วก็ค่อยเล่น 2 มือพร้อมกัน

9. ฝึกด้วยตัวเองจากโน๊ตดนตรี หรือหาครูสอน

การฝึกด้วยตัวเองอาจจะไม่ง่าย และไม่มีหลักการเท่าไหร่นัก คุณอาจจะต้องใช้เวลามากสักหน่อย แต่ก็สามารถฝึกจนเล่นคล่องได้แน่นอน การหาครูสอนเปียโน ควรเลือกครูที่สามารถสอนคุณไปทีละสเต็ป ไม่ก้าวกระโดดจนเกินไป ที่สำคัญคือควรเป็นครูที่สามารถช่วยปูพื้นฐานที่ถูกต้องให้คุณได้ตั้งแต่ต้น

เด็กเล็กควรเรียนดนตรีด้วยตัวเองไหม

เด็กเล็กที่เริ่มเรียนดนตรีควรมีครูคอยกำกับดูแล เพราะตามธรรมชาติของเด็กแล้ว มักไม่สามารถควบคุมตัวเองได้มากเท่ากับผู้ใหญ่ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นฐานต่างๆ เช่น การวางนิ้วหรือท่านั่งก็ควรมีครูดูแล แต่ถ้าผู้ปกครองไม่สะดวกเรื่องค่าใช้จ่าย ผู้ปกครองอาจซื้อคอร์สเรียนเปียโนออนไลน์ให้เด็กเรียน โดยมีผู้ปกครองนั่งเรียนไปกับลูก และคอยช่วยให้คำชี้แนะในการเล่นของลูกอีกที

โดยสรุปแล้ว สิ่งที่สำคัญในการฝึกเล่นเปียโน คือ การฝึกซ้อม อาศัยความทุ่มเท ความมีวินัย และการตั้งเป้าหมายการเล่นที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าสิ่งแรกที่ทำให้คุณสนใจการเล่นเปียโนคืออะไร เพราะคุณชอบเสียงเปียโน และรู้สึกมีความสุขที่ได้ยินเสียงเปียโนใช่หรือไม่ ดังนั้นการฝึกซ้อมใดๆ ก็ควรเป็นการฝึกซ้อมที่มีความสุข ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป จะช่วยให้คุณมีความสุข และพัฒนาการเล่นเปียโนของคุณได้อย่างแน่นอน